วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

“มัชรูมทราเวล” จัดอันดับ 10 เมืองท่องเที่ยวในยุโรป

ยุโรป ดินแดนที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝันจะไปเยือนครั้งหนึ่งในชีวิต อาจเป็นเพราะดินแดนแห่งนี้มีความหลากหลายทางศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ที่โรแมนติค สวยงาม ตามยุคสมัยต่าง ๆ ไม่แพ้เอเชียบ้านเรา อีกทั้ง การเดินทางในยุโรป ก็แสนสะดวกสบายมาก ประมาณว่าไปยุโรป แล้วคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ได้เที่ยวกัน 3-4 ประเทศเลย หลับตาก็เห็นภาพนั่งรถไฟซักงีบก็ข้ามประเทศแล้ว และยังมีของน่ารักๆ ให้ช้อปปิ้งมากมายจนลานตา หากใครที่ได้ไปยุโรปแล้ว ก็ต้องกลับไปอีกกันทุกราย เพราะติดใจในยุโรปเข้าอย่างจัง ก็ของเค้าสวยจริงๆ นี่นา ยุโรปจึงกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดใจนักท่องเที่ยวต่างชาตินับแสนให้เดินทาง เพื่อเติมประสบการณ์ท่องเที่ยว



“มัชรูมทราเวล” ได้รวบรวมและจัดอันดับ 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรป

1. กรุงปารีส ฝรั่งเศส


มหานครปารีส..เมืองหลวงแสนสวยของฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส ด้วยความงามของสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หรือเรื่องราวของแฟชั่น ดีไซน์เนอร์ต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี  ทำให้มีนักท่องเที่ยวปรารถนาไปเที่ยวที่นี่

ปัจจุบัน ปารีส เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี




ปารีส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดบนโลกใบนี้ เมืองถูกแบ่งเป็น 20 เขตปกครอง แต่ละเขตจะมีจุดเด่นบ่งบอกถึงความเป็นชาวปารีส และยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับ โบสถ์, ปราสาท, สวนสาธารณะต่าง ๆ อันยาวนาน

มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ หอไอเฟล, โบสถ์นอเทรอดาม, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์,ประตูชัยฝรั่งเศส, โบสถ์ Ste-Chapelle, คุก Conciergerie และโรงแรม des Invalides ซึ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ศิลปะ, ดนตรี, โรงภาพยนต์, แฟชั่น, หนังสือ, และสถาปัตยกรรมของปารีส อันเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ทั่วโลกหลั่งไหลเดินทางมาเมืองปารีสตลอดเวลา

นอกจากนี้ ปารีส ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันในย่ามค่ำคืนเมืองหนึ่งในโลก พลาดไม่ได้หากมาที่นี่ ต้องเที่ยวย่านราตรีดัง ๆ ได้แก่ Montmartre, Pigalle, Champ Elysees, les Halles และ Bastille et Saint-Germain de Pres สถานที่เหล่านี้มีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่, บาร์เจ๋ง ๆ และร้านอาหาร มีตัวเลือก ชีวิตยามค่ำคืนที่ปารีสมีให้เลือกมากมายนับไม่ถ้วน



ปารีส...เมืองที่มีมนตร์เสน่ห์ของแฟชั่น ท่านสามารถสนุกกับการช้อปปิ้งได้เสมอ ไม่ว่าจะมีงบประมาณเท่าใดก็ตาม มีร้านเสื้อผ้าจากนักออกแบบชื่อดัง หรือร้านค้าทั่ว ๆ ไป เชิญเต็มอิ่มสนุกไปกับการซื้อของ และเดินท่องไปบนถนนเส้นต่าง ๆ ของเมืองปารีส ลองมาค้นหาสิ่งเหล่านี้ที่เมืองแห่งความรัก อย่างมหานครแห่งนี้


2. เมืองมิลาน อิตาลี

เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง ถือเป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก ในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน

“มิลาน” เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีประชากร ประมาณ 1,308,500 คน โดยบริเวณรอบนอกและเขตปริมณฑลมีประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งเรียกเขตทั้งหมดว่า ลากรันเดมีลาโน มีพื้นที่ประมาณ 1,982 ตร.กม. ชื่อเมืองมิลาน มาจากภาษาเซลต์ คำว่า "Mid-lan" ซึ่งหมายถึง อยู่กลางที่ราบ




เมืองมิลาน มีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า “ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึง สโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน และสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน, มีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง,โรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ


3. กรุงโรม อิตาลี



กรุงโรม...เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว

กรุงโรม ถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ บันไดสเปน นครศักดิ์สิทธิ์วาติกัน และ โบสถ์เซนท์ ปีเตอร์ เป็นต้น




กรุงโรม อดีตอันเกรียงไกรแห่งจักรวรรดิโรมัน “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” คำกล่าวสมัยโบราณนี้ คงใช้อธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันได้เป็นอย่างดี ที่นี่...มีสิ่งน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรมหรือด้านศิลปะวิทยาการ ไม่เพียงแต่อนุสรณ์โบราณ ซากปรักหักพังหรือสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆ แต่ยังรวมไปถึงบ้านเมือง ท้องถนน และหอคอยต่าง ๆ ที่เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ชาวโลกแวะมาเยี่ยมเยียนกรุงโรม อย่างไม่ขาดสาย


4. เมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์

แม้ เมืองซูริค ไม่ใช่เมืองหลวงซูริคของสวิส แต่ ซูริค เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่ใหญ่ที่สุด และศูนย์กลางทางธนาคาร การเงิน ของโลก และตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก



เมืองซูริค มีแม่น้ำ Limmat ซึ่งไหลลงทะเลสาปซูริคที่อยู่ใกล้ๆ เห็นสะพานข้ามแม่น้ำอยู่ข้างหน้า จากสะพานก่อนจะข้ามไป เห็นมหาวิหาร Grossmunster จุดเด่นคือ หอคอยสองหอ สร้างโดยกษัตริย์ ชาร์ลมัญ ยุคเดียวกับมหาวิหารโนเทรอดามในปารีส อายุก็ประมาณ 800 ปี นอกจากนี้ มีโบสถ์ Fraumunster ให้ได้ถ่ายรูปหลังจากข้ามสะพานมาแล้ว จุดเด่นคือ หอคอยนาฬิกาสีเขียว




ที่นี่..มีรถรางไฟฟ้าสวยงาม มีถนนเลียบแม่น้ำกว้างขวางและที่นั่งพักชมวิว ด้านหลังมีหอนาฬิกาเป็นโบสถ์เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง ชื่อโบสถ์ St.Peter เชิญเดินเที่ยวทะเลสาปซูริค ที่อยู่ใกล้ๆ ริมฝั่งทะเลสาปอันเงียบสงบ สวยงาม


5. เมืองอัมสเตอร์ดัม – เนเธอร์แลนด์

กรุงอัมสเตอร์ดัม...เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเทล เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12  ปัจจุบัน กรุงอัมสเตอร์ดัม เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ มีประชากรประมาณ 1.5 ล้านคน และเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์




การเยือน อัมสเตอร์ดัม สักครั้ง หมายถึง การหยิบฉวยวันเวลาแห่งความสุข และโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าในทุกด้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น การฟังดนตรีคลาสสิก หรือ แวะเวียนตามบาร์ที่มีดนตรีทุกๆ แนวให้เลือกในยามค่ำคืน, การชมกังหันลม โรงงานทำชีส โรงงานทำรองเท้าไม้ หมู่บ้านชาวประมง หรือดอกทิวลิป, เที่ยวย่านเร็ดไลท์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม ติดกับย่านเมืองเก่าและตลาดนิวมาร์เก็ต และไม่ห่างจาก Damrak นัก ในพื้นที่นี้คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บาร์ รวมถึง "คอฟฟีช็อป" ซึ่งในความหมายของชาวดัตช์ คือ ร้านที่มีใบอนุญาตให้เปิดจำหน่ายพืชพันธุ์ที่สูบได้, พิพิธภัณฑ์ ไรจ์คส์ มิวเซียม ซึ่งเป็นเสมือนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่บรรจุภาพเขียนกว่า 5,000 ภาพ และชิ้นงานกว่า 30,000 ชิ้น ยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงอาคาร "นีโอ-โกธิค" เก่าแก่มานานหลายปีแล้ว คาดว่าจะเปิดเต็มที่ในปี ค.ศ.2010




อัมสเตอร์ดัม ถือเป็นทั้งเมืองจักรยาน หรือ เมืองสีเขียวสำหรับโลกยุคใหม่ และในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีคลองสำหรับการสัญจร และการขนส่งสินค้า รวมทั้ง เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ


6. นครมิวนิค เยอรมัน



มิวนิค...เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย แคว้นตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิซาร์ เป็นศูนย์กลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเงิน การธนาคาร เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมัน และเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้ง เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นที่ตั้งของอาร์ตแกลเลอรี่ที่ดีที่สุดสองแห่งของโลกด้วย




การเที่ยวชมมหานครแห่งนี้ ช่างมีความสุข ด้วยบรรยากาศที่รื่นรมย์ เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามจากยุคสมัยอันรุ่งเรือง และ จัตุรัสมาเรียน “ Marienplatz” เขตเมืองเก่าใจกลางเมือง แหล่งรวมห้างสรรพสินค้าอันทันสมัย และนักท่องเที่ยว ไฮไลต์อยู่ที่ ตุ๊กตาเต้นรำที่ประดับอยู่บนอาคารเทศบาลเมืองเก่าเวลา 11.00 น. ของทุกวัน ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ที่มาเยือน


7. เมือง ฟลอเร้นซ์ อิตาลี



ฟลอเร้นซ์ หรือ ฟิเรนเซ..เมืองสวยงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศอิตาลี และเป็นจุดกำเนิดของยุคเรอเนซองส์หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วยุโรป เมืองฟลอเร้นซ์ ยังมีชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและสถาปัตยกรรม ในยุคกลางฟลอเรนซ์เป็นที่รู้จักกันในนามว่าเอเธนส์ ใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1982



มาถึง เมืองฟลอเรนซ์ ก็ต้องมาชมดูโอโมมหาวิหารใหญ่ ณ ตรงนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของความเจริญก้าวหน้ายุคเรอเนซองส์ หรือ ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปราสาท แกลอรี่ บาร์ ร้านอาหาร รวมทั้งคลับ และดิสโก้ ทุกสถานที่ๆ จะได้่พบกับความทันสมัย และความสวยงามตลอดเวลา และมีแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆมากมายเพราะเป็นศูนย์กลางของผู้นำแฟชั่น เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และยังเป็นหนึ่งในเมืองที่มีสิ่งที่น่าสนใจ


8. กรุงลอนดอน อังกฤษ

มหานครลอนดอน...เมืองสำคัญของโลกและเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เป็นแหล่งรวบรวมเอามนต์ขลังของบ้านเมืองแบบโบราณและความทันสมัยแบบโลกยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สร้างสีสัน ด้วยความหลากหลายที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี่เอง ทำให้ ลอนดอน กลายเป็นเมืองในดวงใจของนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน ชนิดที่ไปเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไม่มีเบื่อ



กรุงลอนดอน ถือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ หลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และมากกว่า 300 ภาษา และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น บริติชแอร์เวย์ ลอนดอนอายส์ที่ทันสมัย, พิพิทธพันฑ์ เททต์โมเดิร์น ซึ่งเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะที่ทันสมัยและน่าเข้าชมที่สุดในโลก รวมถึง บริติช มิวเซียม เกรท คอร์ท ที่กว้างขวาง, พระราชวังบัคกิงแฮม, หอคอยลอนดอน, พระราชวังบักกิ้งแฮม หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์, โบสถ์เซนต์ปอล เป็นต้น  อีกทั้ง ยังเพียบพร้อมด้วยแหล่งบันเทิงและชีวิตยามค่ำคืนที่ย่านโซโห และยังเป็นแหล่งศูนย์รวมของการช้อปปิ้งชั้นนำ เช่น ห้างแฮร์ล็อด และมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ เป็นต้น รวมทั้งอีกหลากหลายพิพิธภัณฑ์ ให้เข้าเยี่ยมชมฟรีอีกหลากหลายแห่ง





เรียกได้ว่า ลอนดอน เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ และเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก ถือกันว่าเป็นเมืองสากลหลักของโลก จีดีพีของลอนดอน คิดเป็นร้อยละ 19.5 ของสหราชอาณาจักร เชิญสัมผัสเมืองในฝัน มหานครลอนดอน ที่มีเสน่ห์น่าค้นหา


9. กรุงเวนิส อิตาลี

เวนิส หรือ เวเนเซีย เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก จนได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก เมืองแห่งสายน้ำ, เมืองแห่งสะพาน, และเมืองแห่งแสงสว่าง ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลเอเดรียติกเป็นเมืองท่าโบราณเวนิส ใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด

มีอาคาร ร้าน บ้านเมืองตั้งริมคลอง มีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่างๆ ของเมือง มีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก




เวนิส เป็นหมู่เกาะเล็กๆ เหมือนตาข่ายมีประมาณ 100 กว่าเกาะ ตั้งอยู่บนทะเลอะเดรียติก มีคลองเล็กคลองน้อยน้ำเค็มกว่า 150 คลอง และมีสะพานอีกกว่า 400 สะพานให้เดินเชื่อมถึงกันหมด ตามตรอกซอกซอยก็ยังอนุรักษ์ตึกรามบ้านช่องที่ดูเก่าแก่ แตกต่างจากเมืองอื่นในโลก ด้วยเหตุนี้ เมืองเวนิส จึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองมรดกโลก ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่า สุดแสนโรแมนติคของอิตาลีด้วยบรรยากาศของ คลองเล็ก-คลองน้อย-สะพานมากมายที่เชื่อมเกาะต่างๆหรือแม้แต่เรือกอนโดล่า รวมทั้งบ้านเรือนที่ซับซ้อนในซอยแคบๆ




เวนิส เมืองที่วิถีชีวิตของผู้คนเกี่ยวพันกับสายน้ำ ทำให้เรานึกถึงบางกอกบ้านเรา ที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเวนิสตะวันออก เมืองที่วิถีชีวิตของผู้คนผูกพันกับสายน้ำเช่นกัน และคลองแสนแสบสมัยก่อน

ในบรรยากาศยามค่ำคืน เวนิส โรแมนติกไปอีกแบบ สังเกตเห็นคู่รักเดินกอดกันบ้าง เต้นรำฟังเพลงอย่างสนุกสนาน เวนิส เป็นอีกเมืองที่น่าจดจำ และถ้าใครมีแผนการอยากไปเที่ยวเมืองนอกขอให้นึกถึงที่ เวนิส เพราะเป็นจุดหมายปลายทางอีกแห่งสำหรับนักเดินทางที่ไม่ควรพลาด


10. กรุงเวียนนา ออสเตรีย

เวียนนา..เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นชื่อเขตการปกครองในออสเตรีย และเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย รวมทั้ง เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง ที่มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน

มีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน เวียนนายังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานในสหประชาชาติหลายแห่ง เช่น United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) และองค์กรระดับนานาชาติหลายแห่ง เช่น โอเปก (OPEC)



เวียนนา เมืองคุณภาพดีที่สุดของโลก เมืองแห่งสถาปัตยกรรม อากาศบริสุทธิ์ เมืองที่ใครหลายคนอยากไปดื่มด่ำบรรยากาศ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น เวียนนาวู๊ด ถ้ำซีกร๊อตโต้ เอาส์เลท์พานดอฟ สวนสาธารณะกรุงเวียนนา เกาะดานูบ เป็นต้น




เชิญสัมผัสกับความรู้สึกวิเศษสุดเมื่อได้อยู่ในเวียนนา ได้ท่องไปทั่วถนนสายสำคัญกว้างขวางโอ่อ่า เส้นทางร่มรื่น ปราสาทในเทพนิยาย สวนดอกไม้และสวนสาธารณะ บ้านในเมือง โบสถ์ โรงโอเปร่า โรงละคร และพิพิธภัณฑ์

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น