วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

6 พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจในกรุงโซล



การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์นั้น นอกจากจะทำให้เราเพลิดเพลินตา ยังแฝงด้วยความรู้และประโยชน์สาระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งวิถีชีวิตของคนสมัยโบราณ ดังนั้นพิพิธภัณฑ์จึงเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปเยี่ยมชมยิ่งนัก เพราะนอกจากจะทำให้เขาได้เห็นในสิ่งที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นในชีวิตประจำวันแล้ว การไปชมพิพิธภัณฑ์ยังจะช่วยเสริมสร้างสติปัญญา ทำให้เด็กๆ ได้ไอเดียหรือมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดขึ้น 

ดังเช่นที่กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ที่นี่นอกจากจะมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีโบราณสถานอันเก่าเก่า และสถานที่ช้อปปิ้งมากมายแล้ว กรุงโซลยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง ซึ่งบางพิพิธภัณฑ์คุณอาจไม่สามารถหาชมได้ที่ไหนอีกแล้วบนโลกใบนี้ ดังนั้นเราจึงรวบรวมพิพิธภัณฑ์ในกรุงโซลมาเป็นแนวทางสำหรับคุณเป็นจำนวน 6 แห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความน่าสนใจแตกต่างกัน รวมทั้งแนะนำสถานีซับเวย์อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์นั้นๆ ในกรณีที่คุณต้องการเดินทางไปด้วยตัวเอง

National Museum of Korea


สัมผัสและรู้จักประวัติศาสตร์ของเกาหลีอย่างถ่องแท้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งนี้คือสถานที่ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปดูวิถีชีวิตของคนเกาหลีในช่วงศตวรรษที่ 20
How to go there: จาก Ichon Station ทางออกที่ 2 จากนั้นเดินต่อไปอีก 150 เมตร เพื่อไปยัง Yongsan Family Park

War Memorial of Korea


เกาหลีเป็นประเทศที่ในประวัติศาสตร์ค่อนข้างมีปัญหาระหว่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ของสงครามเกาหลี รวมทั้งแสดงให้เห็นด้วยว่าการทำสงครามในอนาคตนั้นจะเป็นเช่นใด
How to go there: เดิน 10 นาทีจาก Namyong Station หรือเดิน 5 นาทีจาก Samgakji Station ทางออกที่ 12

National Folk Museum of Korea


หากคุณชื่นชอบหรือกำลังเสาะหาสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ อย่างเช่นหุ่นปั้นขนาดเท่าตัวจริงของมนุษย์ ลองตรวจสอบไปที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติของเกาหลี ซึ่งที่นี่คุณจะได้พบภาพสามมิติขนาดใหญ่เท่าตัวคุณ รวมถึงภาพวาดที่สื่อถึงประเพณีดั้งเดิมของเกาหลีด้วย
How to go there: ทางออกที่ 2 ของ Gwanghwamun Station

National Gugak Center


ถ้าคุณสนใจการเต้นรำตามแบบฉบับดั้งเดิมของเกาหลีประกอบเพลงโบราณ หรือคุณอาจจะแค่อยากเห็นสาวๆ เกาหลีหน้าตาดีในชุดฮันบกล่ะก็ ลองมุ่งหน้าไปที่ National Gugak Center  ดูสิ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางดนตรีเกาหลีแบบดั้งเดิมของชาติ
How to go there: จาก Sadang Station ให้ออกทางด้านทางออกที่ 1 จากนั้นต่อรถบัส Seocho หมายเลข 17

Trick Eye Museum


นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยภาพลวงตา หากคุณอยากทดสอบสายตาตัวเองว่าแก่แล้วหรือยัง สามารถไปตรวจสอบได้ที่ Trick Eye Museum แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของฮงแด ศูนย์สินค้าแฟชั่น ศิลปะ และดนตรีของหนุ่มสาวชาวเกาหลี
How to go there: จากทางออกที่ 9 ของ Hongdae Station ให้เดินตรงไป 200 เมตร เพื่อไปยัง Starbucks Coffee Shop

Pulmuone Kimchi Museum (Coex)


สมมติว่ามีอาหารที่ควรได้รับรางวัลระดับชาติในประเทศเกาหลี ผู้ชนะคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกิมจิ เพราะกิมจิเป็นอาหารที่คนเกาหลีขาดไม่ได้เลยสักมื้อ ดังนั้นหากคุณกำลังเดินทางเข้าสู่เกาหลี สิ่งที่คุณควรเรียนรู้ก็คือพื้นฐานของกิมจิ 101 อย่างนั่นเอง เนื่องจากกิมจิเป็นสิ่งที่สำคัญในประเทศเกาหลี ที่หากราคาขึ้นเมื่อไหร่เป็นต้องลงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งทุกที
How to go there: Samseong Station ทางออกที่ 6 ที่เชื่อมต่อกับ COEX Mall โดยเดินไปทาง COEX Aquarium

ทัวร์เกาหลี



6 พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจในกรุงโซล


1. National Museum of Korea (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี)

2. War Memorial of Korea (อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี)

3. National Folk Museum of Korea (พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี)

4. National Gugak Center (สถาบัน National Gugak Center Korea)

5. Trick Eye Museum (พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ)

6. Pulmuone Kimchi Museum (Coex) (พิพิธภัณฑ์กิมจิ)


วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เกาหลี...ฤดูไหนๆ ก็เที่ยวได้ทั้งปี




หากคุณกำลังวางแผนการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ สิ่งที่คุณควรจะรู้ก่อนเป็นอันดับแรกก็คือสภาพอากาศในช่วงนั้นๆ ว่าเป็นเช่นไร เพราะคุณจะได้เตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งคุณยังสามารถวางแผนเกี่ยวกับฤดูกาลที่คุณจะไปเยือนเกาหลีได้ว่าคุณจะเจอกับอะไร หรือมีอะไรที่น่าสนใจในฤดูกาลนั้นๆ เนื่องจากเกาหลีใต้มีสภาพภูมิอากาศซึ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ในแต่ละฤดูก็ยังมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณต้องการพักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าจากงานที่หนักมาตลอดทั้งปี เกาหลีใต้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งประเทศที่คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปีในทุกๆ ฤดูกาล


Winter 


ฤดูหนาวจะเริ่มราวๆ เดือนธันวาคมไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม โดยอากาศที่หนาวจัดในเกาหลีนั้นได้รับอิทธิพลมาจากอากาศเย็นที่ไหลบ่าเข้ามาจากไซบีเรีย โดยจะมีหิมะตกหนักในภาคเหนือและภาคตะวันออกของเกาหลี ดังนั้นกิจกรรมที่ฮอตฮิตสุดๆ ในช่วงนี้จึงหนีไม่พ้นการเล่นสกี ณ สกีรีสอร์ทที่สวยงามด้วยวิวของยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่ทั่ว รวมทั้งการได้ไปสัมผัสอากาศหนาวที่แตกต่างอย่างสุดขั้วจากเมืองไทย สัมผัสกับความโรแมนติกท่ามกลางหิมะสีขาวที่กำลังโปรยปราย ฯลฯ เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าสำหรับการมาเยือนเกาหลีใต้ในช่วงฤดูหนาวแล้ว


Spring 


ฤดูใบไม้ผลิจะกินเวลาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น จึงเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะสำหรับดอกไม้และต้นไม้นานาพรรณจะผลิดอกออกผล ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ป่าหลากชนิด หลายสีสันที่แข่งกันบานสะพรั่งปกคลุมทั่วทั้งภูเขา สลับกับสีเขียวอ่อนๆ ของต้นหญ้าที่ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากและงดงามยิ่ง รวมทั้งดอกซากุระที่กำลังเบ่งบานทั่วทั้งถนนยออิโด ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิถนนเส้นนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย อีกทั้งฤดูนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการไปชมความงดงามของพระราชวังเคียงบก เดินช้อปปิ้งแบบชิลล์ๆ ย่านมหาวิทยาลัยฮงอิก หรือคุณอาจจะอยากวัดกำลังขาของตัวเองด้วยการเดินเท้าขึ้นเขานัมซานเพื่อไปชมหอคอยแห่งกรุงโซล เป็นต้น 

Summer 


ฤดูร้อนจะเริ่มต้นในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนกันยายน โดยช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของเกาหลี แต่ก็มีอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียล ถือว่าเป็นอากาศที่สบายๆ สำหรับคนไทยเรา ดังนั้นฤดูร้อนของเกาหลีจึงเป็นช่วงเวลาของการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ซึ่งชาวเกาหลีเองก็ดูจะรักฤดูร้อนของพวกเขาไม่น้อย เพราะสามารถออกไปทำกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ได้สบายๆ โดยสถานที่ที่ป๊อปสุดๆ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมทั้งชาวเกาหลีเองก็ตาม นั่นก็คือสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ สวนสนุกกลางหุบเขาที่มีเครื่องเล่นหวาดเสียวนานาชนิด รวมทั้งเราสามารถนั่งรถชมบรรดาสัตว์ต่างๆ ในซาฟารีที่อยู่ภายในสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ได้อีกด้วย  

Autumn 


ฤดูใบไม้ร่วงจะกินเวลาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน และเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ดังนั้นจึงเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยี่ยมชมเกาหลี อีกทั้งยังเป็นฤดูยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมหลักๆ ก็แน่นอนว่าเราต้องไปชมใบไม้หลากสีสัน ซึ่งสถานที่ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ไปสัมผัสในช่วงเวลานี้ก็คือเกาะนามิ แม้ว่าเกาะแห่งนี้จะโด่งดังจากซีรีย์เกาหลีเรื่อง "Winter Love Song" ซึ่งถ่ายทอดความงามของเกาะนามิในช่วงฤดูหนาว จนใครๆ ต่างใฝ่ฝันที่จะไปเดินบนถนนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวนุ่ม และสองข้างทางคือแนวของต้นสนที่ไร้ใบ แต่ฤดูใบไม้ร่วงจะทำให้คุณได้สัมผัสอีกมุมมองหนึ่งของเกาะนามิที่สวยงามไม่แพ้ช่วงฤดูหนาว เพราะใบไม้ทั่วทั้งเกาะจะพร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีส้ม สีเหลือง สีแดง ดูสวยงามแปลกตาราวภาพฝัน ส่วนอีกสถานที่ที่ควรต้องไปเช่นกันก็คืออุทยานแห่งชาติโซรัคซาน ไปดูพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางสมาธิขนาดใหญ่ที่มีแบ็คกราวน์เป็นใบไม้หลากสี อีกทั้งฤดูนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ อีกมากมายที่รอให้คุณไปทักทาย


ทัวร์เกาหลี

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เปิดโลก AEC 10 ประเทศ 10 เทศกาล เที่ยวได้ทั้งปี ร่วมประเพณีอาเซียน







"วันตรุษพี่ไทยก็เมา วันสาร์ทพี่ไทยก็เมา
วันโกนพี่ไทยก็เมา วันพระพี่ไทยก็เมา
วันไหนๆ พี่ไทยก็เมา"

เพลงลูกทุ่งสุดฮิตในวันวาน  กับเนื้อร้องในเชิงเสียดสี ทำให้รู้ว่าคนไทยนั้นเป็นชนชาติที่มีนิสัยรักสนุก ชอบการเข้าสังคม และชอบความเฮฮาเป็นที่สุด ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ฝังรากหยั่งลึกมานานจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของเราไปจริงๆ แหม...ต่อให้เป็นคนชาติอื่นก็เถอะ ถ้าพูดถึงเทศกาลงานรื่นเริงแล้วล่ะก็ ใครบ้างล่ะที่ไม่ชอบ ซึ่งเทศกาลงานประเพณีนั้นถือเป็นหนึ่งในกุศโลบายที่แยบยลของคนสมัยเก่า โดยมีเป้าหมายคือต้องการอนุรักษ์ความเชื่อ วิถีชีวิตดั้งเดิม รวมถึงวัฒนธรรมของคนในชาติอย่างได้ผลที่สุด


สำหรับงานเทศกาลหรือประเพณีในแต่ละประเทศนั้นแน่นอนว่าย่อมมีความแตกต่างกัน โดยมีจุดกำเนิดมาจากรากฐานความเชื่อของแต่ละชนชาตินั่นเอง โดยแต่ละประเทศทั่วโลกก็จะมีประเพณีที่เป็นงานหลักและงานใหญ่ที่สุดอยู่หนึ่งงาน และต่อมาก็กลายมาเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการเข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองด้วยตัวเอง ที่พวกเขาถือว่าคุ้มค่าสำหรับประสบการณ์ที่ได้รับ เพราะประเพณีเหล่านี้ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ มีเพียงแค่ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น ส่วนประเทศในเขตอาเซียน หรือ AEC เองก็มีงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชาติเช่นเดียวกัน ส่วนจะสนุกสนานแค่ไหน หรือสวยงามเพียงใด นั่นคือสิ่งที่คุณต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง!   




ประเพณีอาเซียน 10 ประเทศ 10 เทศกาล

1.Tet Nguyen Dan   ประเทศเวียดนาม

2.Singapore River Hong Bao   ประเทศสิงค์โปร์

3.เทศกาลเยี้ยมปี้  ปีใหม่ของบาลี   ประเทศอินโดนีเซีย

4.เทศกาลสงกรานต์   ประเทศไทย

5.ประเพณีบุญข้าวประดับดิน   ประเทศลาว

6.เทศกาล ฮารีรายา   ประเทศบรูไน

7.เทศกาลดีปาวลี   ปีใหม่ของชาวมาเลเชื้อสายอินเดีย   ประเทศมาเลเซีย

8.เทศกาลน้ำ หรือ “บอน อม ตุก”   ประเทศกัมพูชา

9.งานไหว้พุทธเจดีย์ หรือ “พยาบะเวด่อ”   ประเทศพม่า

10.เทศกาลชิบูล็อก   Sinulog   ประเทศฟิลิปปินส์

สถานที่เที่ยวสุดฮิตประเทศ AEC



สังเกตหรือไม่ว่าช่วงนี้ไม่ว่าเราจะเปิดโทรทัศน์ วิทยุ หรือเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มักจะได้อ่าน ได้เห็น และได้ยินคำว่า AEC อยู่
เสมอๆ แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่จะเข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องเป็น  AEC ซึ่งจะขออธิบายสั้นๆ ดังนี้  Asean Economic Community  หรือ AEC คือการรวมตัวกันของประเทศในเขตอาเซียน 10 ประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อรวมตัวเป็นประชาคมหรือชุมชนเดียวกัน เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ ฯลฯ เกิดขึ้นอย่างเสรี รวมทั้งมีเงินทุนที่เสรี ทั้งนี้ก็เพื่อผลักดันภาคธุรกิจของอาเซียนให้สามารถแข่งขันกับเวทีตลาดโลกได้นั่นเอง โดยมีคำขวัญว่า ‘One Vision, One Identity, One Community.’

สำหรับประเทศในเขต AEC นั้นเราทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีอยู่ทั้งหมด 10 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ประเทศไทย บรูไนฯ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยแต่ละประเทศก็มีจุดอ่อน-จุดแข็ง มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว ที่เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในเขตประเทศเหล่านี้ได้ตลอดทั้งปีตามแต่ใจเราต้องการ แต่มาดูกันดีกว่าว่า ในแต่ละประเทศนั้นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่เมื่อเอ่ยชื่อแล้วทุกคนเป็นต้องร้อง “อ๋อ” ขึ้นมาทันทีนั้นมีที่ใดบ้าง และนี่คือ 10 สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวประเทศในเขตอาเซียน ไม่อย่างนั้นคุณอาจได้ชื่อว่ายังไปไม่ถึง ‘ที่หมาย’ ก็เป็นได้


Tips แต่งกายอย่างไร เมื่อต้องไปเยือนสถานที่เที่ยวสำคัญในเขตประเทศ AEC

พม่า: เนื่องจากพม่าเป็นประเทศที่ปกครองโดยเผด็จการทางทหาร และเพิ่งจะเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในรอบ 50 ปี ดังนั้นสังคมของชาวพม่าจึงยังคงเป็นวิถีชีวิตแบบคนรุ่นเก่า อีกทั้งพม่ายังเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยโบราณสถาน เมืองโบราณ และมหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงมีกฎข้อห้ามว่าไม่ควรใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้นในสถานที่สาธารณะ รวมทั้งสถานที่สำคัญทางศาสนา

ไทย: วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ที่ตั้งอยู่ในเขตของพระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือว่าเป็นเขตพระราชฐาน ดังนั้นการจะเข้าไปชมความงดงามภายในวัดจึงต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ โดยห้ามสวมเสื้อแขนกุด สายเดี่ยว หรือเสื้อที่เปิดไหล่ทุกชนิด และห้ามสวมใส่กางเกงขาสั้น กางเกงสามส่วน รวมทั้งกางเกนยีนส์ขาดๆ ส่วนกระโปรงก็ควรเลยหัวเข่าลงมา และสวมใส่รองเท้าหุ้มส้น

กัมพูชา: นครวัดของกัมพูชาถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ถึง 200,000 ตารางเมตร รวมทั้งมีปราสาทภายในถึง 5 หลัง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความยิ่งใหญ่อลังการแทบทั้งสิ้น ดังนั้นการไปเที่ยวชมนครวัดในบางช่วงอาจต้องมีการปีนป่ายบันไดที่สูงชัน ดังนั้นการแต่งกายก็ควรเน้นความทะมัดทะแมงเป็นหลัก และควรพกหมวก หรือแว่นกันแดดเผื่อเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะไม่มีการออกกฎข้อห้ามตายตัวเกี่ยวกับการแต่งกาย แต่ในบางสถานที่ อย่างเช่นบนยอดปรางค์สูงสุดของปราสาทนครวัด จะไม่อนุญาตให้ผู้ที่แต่งกายไม่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น สายเดี่ยว ฯลฯ เข้าชมอย่างเด็ดขาด

สิงคโปร์: สำหรับการแต่งกายในประเทศสิงคโปร์นั้นไม่ได้มีกฎข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ว่าเมื่อคุณต้องไปในสถานที่ที่สำคัญจริงๆ แต่สิ่งที่คุณควรระวังไม่ใช่เรื่องเสื้อผ้า แต่เป็นเรื่องของการห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ รวมทั้งห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและสถานที่ราชการทุกแห่ง โดยคุณสามารถสูบบุหรี่ได้เฉพาะในห้องสำหรับสูบบุหรี่ หรือมุมสูบบุหรี่ที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น โดยผู้ฝ่าฝืนต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนถึง 1,000 เหรียญสิงคโปร์

ลาว: ประเทศลาวเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมถึงมีกฎระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัด ส่วนในเรื่องของการแต่งกายนั้น นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนลาวควรแต่งกายสุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะ ดูภูมิฐาน และสะอาดเรียบร้อย โดยเฉพาะเมื่อไปยังสถานที่สำคัญทางศาสนาและสถานที่ราชการ ผู้ชายควรใส่เชิ้ต ส่วนผู้หญิงก็ใส่กระโปรงทรงสุภาพ เป็นต้น

ฟิลิปปินส์: Ocean Park ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง และมีเครื่องเล่นหวาดเสียวมากมาย ดังนั้นผู้ที่จะไปสถานที่แห่งนี้ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ควรมีความทะมัดทะแมง และเอื้อต่อกิจกรรมที่ผาดโผนด้วย

เวียดนาม: เวียดนามมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงมีผลทำให้ในแต่ละภูมิภาคนั้นจะมีภูมิอากาศที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนครโฮจิมินห์นั้นจะอยู่ทางภาคใต้ของเวียดนาม มีอากาศค่อนข้างร้อน และมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีค่อนข้างคงที่คือประมาณ 27 องศาเซลเซียส ซึ่งคุณสามารถแต่งตัวแบบไหนก็ได้ในอุณหภูมิเช่นนี้ แต่ก็มีข้อห้ามบางอย่างที่เวียดนามเช่นกัน เช่นการเดินทางไปเยี่ยมชมวัดและสถานที่ทางศาสนาควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยทั้งหญิงและชาย โดยต้องสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดขาและหัวไหล่ให้มิดชิด รวมทั้งควรถอดรองเท้าก่อนเข้าวัด ที่พัก รวมทั้งร้านค้าบางแห่ง 

บรูไน: ประเทศบรูไนถือเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด ดังนั้นจึงค่อนข้างมีกฎระเบียบมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของเสื้อผ้าการแต่งกาย เช่น การแต่งกายในที่สาธารณะ ผู้หญิงควรแต่งกายสุภาพมิดชิด และไม่ใส่ชุดรัดรูป หรือพอดีตัวจนเกินไป หรือหากคุณมีโอกาสเข้าไปในศาสนสถานของชาวบรูไน สำหรับผู้หญิงที่นับถือศาสนาอื่นเขาจะมีชุดคลุมยาวสีดำไว้ให้สวมทับเสียก่อน รวมทั้งห้ามใส่เสื้อผ้าสีเหลืองด้วย เพราะสีเหลืองถือว่าเป็นสีของพระมหากษัตริย์

มาเลเซีย: สำหรับข้อห้ามในการแต่งกายของนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือนประเทศมาเลเซียนั้น เนื่องจากมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องแต่งกายให้เหมาะสม และหากจะเข้าชมมัสยิดหรือวัด ผู้หญิงก็ควรนุ่งกระโปรงยาวคลุมเข่า ไม่ใส่เสื้อยืด เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ หรือรองเท้าที่เปลือยเท้ามากเกินไป และทางมัสยิดก็จะมีผ้าคลุมศีรษะไว้ให้ด้วย แต่ถ้าคุณมีประจำเดือนก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ ส่วนผู้ชายควรใส่เสื้อมีปก และกางเกงขายาว 

อินโดนีเซีย: ประเทศที่มีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก ดังนั้นการแต่งกายก็ควรจะสุภาพดังเช่นประเทศที่เป็นประเทศมุสลิมอื่นๆ ส่วนการไปเยือนบุโรพุทโธนั้น ที่นี่นับว่าเป็นพุทธสถานอีกแห่งที่ใหญ่ติดอันดับโลก โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 55,000 ตารางเมตร ดังนั้นการแต่งกายง่ายๆ ที่ทะมัดทะแมงอย่างกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบดูจะเหมาะสมที่สุด



สถานที่เที่ยวสุดฮิตประเทศ AEC


1.  พม่า   พระบรมธาตุชเวดากอง

2.  ไทย   วัดพระแก้ว

3.  กัมพูชา   ปราสาทนครวัด

4.  สิงคโปร์   เมอร์ไลออน

5.  ลาว   พระธาตุหลวง

6.  ฟิลิปินส์   Ocean Park

7.  เวียดนาม   โฮจิมินห์

8.  บรูไน   พระราชวังหลังคาทองคำ

9.  มาเลเซีย   ตึกเปโตรนาส

10.อินโดนีเซีย   วัดบุโรพุทโธ

9 อันดับน้ำตกสวยที่สุดในประเทศไทย


อากาศที่ร้อนจัดทะลุ 40 องศาในช่วงนี้ นับว่าสร้างความทรมานให้แก่เรามิใช่น้อย ทำให้ต้องงัดสารพัดวิธีคลายร้อนมาใช้ เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างมีความสุข แต่ไม่ว่าจะอาบน้ำจนตัวแทบเปื่อยก็แล้ว ทาแป้งเย็นจนหมดกระป๋องก็แล้ว เปิดแอร์จนค่าไฟทะลุหลักหลายพันก็แล้ว หรือดื่มน้ำเย็นจนตัวแทบจะบวมน้ำก็แล้ว รวมทั้งอีกหลากหลายวิธีที่สมองน้อยๆ อันอ่อนล้าพอจะนึกออก แต่ความร้อนเจ้ากรรมก็ทำตัวเป็นผีคอยตามหลอกหลอนอยู่เหมือนเดิม จนหลายครั้งหากไม่เกรงใจเพื่อนบ้านตาดำๆ แล้วล่ะก็ เห็นจะต้องเดินแก้ผ้าโทงๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย

ดังนั้นเมื่อช่วงหน้าร้อนมาถึง ก็เป็นธรรมดาที่เรามักจะฝันถึงสถานที่ที่ชวนให้รู้สึกถึงความสดชื่นคลายร้อน ซึ่งทะเลและน้ำตกก็มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ทุกคนต้องคิดถึง ซึ่งหากพูดถึงน้ำตกแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมี 77 จังหวัด และมีน้ำตกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักอยู่แทบทุกจังหวัดรวมกันแล้วมากกว่าร้อยแห่ง โดยแต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นและความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้ามันยากเกินไปที่คุณจะไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ทุกที่แล้วล่ะก็ นี่คือ 9 น้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศไทย...ที่คุณต้องไปชมความงามให้ได้สักครั้งในชีวิต!


Tips เที่ยวน้ำตกอย่างไรให้สนุกและปลอดภัย

1. ศึกษาเส้นทางการเดินทางให้พร้อม การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกนั้นไม่สะดวกสบายเหมือนการขับรถไปเที่ยวห้างฯ เพราะถนนหนทางส่วนมากจะค่อนข้างสูงชันและคดเคี้ยว ดังนั้นจะดีกว่าหากคุณมีผู้นำทางที่รู้จักเส้นทาง และเชี่ยวชาญในการขับรถขึ้นเขาเป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณต้องขับรถเอง และไม่ได้เชี่ยวชาญเส้นทางมากนัก ก็ไม่ควรจะขับรถเร็วจนเกินไปนัก และหมั่นสังเกตป้ายสัญญาณจราจรระหว่างทางเป็นระยะ เช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการขับรถ หรือเมื่อต้องขับรถ เพียงเท่านี้คุณก็เดินทางถึงที่หมายโดยปลอดภัยแล้ว

2. ให้การดูแลเด็กตัวเล็กๆ มากเป็นพิเศษ สถานที่ตั้งของน้ำตกมักจะมีภูเขา มีก้อนหินน้อยใหญ่ และมีแม่น้ำรายล้อม แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ เป็นอย่างมากก็จริง แต่สถานที่แบบนี้ไม่ได้มีความปลอดภัยกับพวกเขาเลย ดังนั้นผู้ใหญ่ควรจะจับตาดูเด็กๆ อย่างใกล้ชิด และไม่ให้เขาเข้าใกล้น้ำตกหรือก้อนหินที่ชันหรือลื่นมากๆ จนเกินไป รวมทั้งอย่าให้เขาปีนขึ้นไปบนชั้นของน้ำตกที่สูงมากๆ  เพราะเด็กๆ นั้นไม่ได้มีความคิดที่มีสติเทียบเท่าผู้ใหญ่ ดังนั้นเด็กจะไม่รู้ว่าสิ่งไหนที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่อันตรายกับพวกเขา รวมทั้งไม่ควรพาเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 4-5 ขวบไปเที่ยวน้ำตกด้วย

3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้สติความยั้งคิดของคุณลดลง ดังนั้นเมื่อคุณเมา ความคิดแผลงๆ ที่จะทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายกับตนเองก็จะตามมา พร้อมกับเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า “แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก” อย่างเช่น การกระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของน้ำตก หรือการปีนป่ายไปบนก้อนหินที่ลื่นและสูงชัน เป็นต้น 

4. การเลือกรองเท้า หญิงสาวบางคนเลือกที่จะใส่รองเท้าส้นสูงไปเที่ยวน้ำตกเพียงเพราะความสวยงามและแฟชั่น โดยไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่ ซึ่งจริงๆ แล้วรองเท้าที่เหมาะสำหรับใส่ไปเที่ยวน้ำตกควรเป็นรองเท้ากีฬาจะดีที่สุด เพราะละอองน้ำที่กระจายออกมาจะทำให้บริเวณรอบๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นก้อนหินนั้นลื่นกว่าปกติ ซึ่งรองเท้ากีฬาจะกระชับกับเท้าได้ดีกว่ารองเท้าแตะ หรือรองเท้าส้นสูง ทำให้ไม่ลื่นหลุด รวมทั้งสามารถปีนป่ายไปบนก้อนหิน หรือพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ ได้คล่องแคล่วกว่าด้วย นอกจากนี้คุณไม่ควรถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าด้วย เพราะนอกจากขอบหินคมๆ แล้ว เศษแก้วแตกที่นักท่องเที่ยวบางคนทิ้งไว้ก็เป็นอันตรายอย่างมากเช่นกัน

5. อย่ายืนหรือเล่นน้ำในบริเวณใต้น้ำตกที่ไหลลงมาโดยตรง นับว่าเป็นเรื่องที่โง่มากๆ หากคุณพยายามจะทำอย่างนั้น เพราะมวลน้ำมหาศาลที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ โดยเฉพาะหากเป็นน้ำตกที่สูงหลายชั้นมากๆ ด้วยแล้ว เพราะความแรงของน้ำที่กระแทกลงมานั้นสามารถฉีกร่างคุณได้สบายๆ หากคุณยังนึกภาพความอันตรายของมันไม่ออกล่ะก็ ลองจินตนาการถึงสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งตันตกลงมาจากตึกสูงมากกว่าสามชั้นดูสิ หากว่าข้างล่างนั้นกำลังมีใครบางคนยืนอยู่ เขาคนนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร

6. เก็บหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินติดตัวไว้เสมอ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นกับชีวิตเรา รวมทั้งคนที่เรารักได้เสมอและตลอดเวลา โดยที่เราไม่อาจรู้เวลาล่วงหน้าได้เลยว่ามันจะมาถึงเวลาไหน เมื่อไหร่ และที่ไหน ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดก็คือการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา หมายเลขฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง กรมรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ หมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งนั้นแม้ไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ เกิดขึ้นกับคุณก็ตาม แต่อย่างน้อยหากคุณเกิดพบเจอคนที่กำลังเดือดร้อน คุณก็สามารถช่วยเหลือติดต่อหน่วยงานเหล่านี้ให้พวกเขาได้



9 อันดับน้ำตกสวยที่สุดในประเทศไทย

1.น้ำตกทีลอซู   จังหวัดตาก

2.น้ำตกแม่ยะ    จังหวัดเชียงใหม่

3.น้ำตกแม่สุริน   จังหวัดแม่ฮ่องสอน

4.น้ำตกเหวนรก   จังหวัดนครนายก

5.น้ำตกห้วยขมิ้น   จังหวัดกาญจนบุรี

6.น้ำตกเขาสอยดาว   จังหวัดจันทบุรี

7.น้ำตกเอราวัณ   จังหวัดกาญจนบุรี

8.น้ำตกพลิ้ว   จังหวัดจันทบุรี

9.น้ำตกกรุงชิง   จังหวัดนครศรีธรรมราช

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กินอะไรดีที่ฮ่องกง


เมื่อไปเยือนฮ่องกง หลายคนคงมีคำถามว่า จะทานอะไรดีถึงจะได้ชื่อว่าไปถึงฮ่องกงจริงๆ วันนี้เราจึงมีเมนูขึ้นชื่อของฮ่องกงมาฝากกันค่ะ

1. ติ่มซำ หนึ่งในเมนูอาหารว่างอันลือชื่อของชาวจีน โดย "ติ่มซำ" เป็นคำที่ใช้เรียกอาหารรวมหลายอย่าง โดยมากจะเป็นอาหารประเภทนึ่ง เช่น ซาลาเปา ขนมจีบ เกี๊ยว ฮะเก๋า รวมทั้งของทอดบางชนิดด้วย การเสิร์ฟติ่มซำส่วนมากจะบรรจุอยู่ในเข่งไม้ไผ่ซึ่งนึ่งอยู่ในเตา เมื่อลูกค้าสั่งจึงจะนำออกมาเสิร์ฟ การรับประทานติ่มซำนิยมทานคู่กับน้ำชาระหว่างรออาหารจานหลัก

 

2. โจ๊ก เป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของฮ่องกง ซึ่งหาทานได้ง่าย โดยโจ๊กฮ่องกงมีความพิเศษด้วยเนื้อโจ๊กที่ผ่านการเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน จนได้โจ๊กเนื้อละเอียด รสชาติกลมกล่อม โดยลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมได้ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ตับ เป็นต้น อีกทั้งยังเพิ่มความอร่อยด้วยการทานโจ๊กคู่กับปาท่องโก๋ชิ้นโต กรอบนุ่ม ได้อีกด้วย

 

3. ทาร์ตไข่  เมนูของหวานขึ้นชื่อของฮ่องกง ด้วยเนื้อแป้งที่กรอบ และคัสตาร์ดเนื้อเนียน รสชาติหวานกลมกล่อม  ทำให้ทาร์ตไข่กลายเป็นเมนูของหวานที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด


 


ข้อมูลจาก มัชรูมทราเวล