วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 เทคนิคการจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อให้เหลือที่ว่างอย่างง่ายๆ

เมื่อจะต้องออกเดินทางในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อธุรกิจ หรือไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยมีจุดหมายปลายทางอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ยุ่งยากและน่าหนักใจมากที่สุดสำหรับหลายๆ คนก็คือการจัดกระเป๋านั่นเอง เพราะการจัดกระเป๋าเดินทางนั้นไม่ใช่แค่การยัดๆ เสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ใส่ลงไปในกระเป๋าเท่านั้น แต่คุณต้องคำนึงถึงขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าด้วย โดยเฉพาะการเดินทางโดยเครื่องบินที่มีการจำกัดน้ำหนักทั้งกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องและกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่อง รวมถึงในกรณีที่คุณเป็นขาช้อปตัวยงแล้วล่ะก็ การจัดกระเป๋ายิ่งเป็นเรื่องที่ลำบากมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะไม่เช่นนั้นกระเป๋าเดินทางใบโปรดของคุณอาจระเบิดตัวเองในระหว่างทาง หรือไม่ก็ออกลูกออกหลานเพิ่มขึ้นอีกหลายใบ จนคุณไม่สามารถแบกกลับมาได้เพียงคนเดียว


ทั้งนี้มัชรูมทราเวลตระหนักดีว่าการเดินทางในแต่ละครั้ง ทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเอกสาร การจัดกระเป๋า จนกระทั่งจบทริป ดังนั้นวันนี้มัชรูมทราเวลจึงมีทิปส์สำหรับการจัดกระเป๋าเดินทางมาฝากคุณผู้อ่านค่ะ ซึ่งทิปส์ที่เรานำมาฝากนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าได้มากขึ้น และสามารถช้อปปิ้งของที่ต้องการได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำหนักกระเป๋าอีกต่อไป

1. สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากสวยตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือเมื่อเราต้องจัดกระเป๋าเดินทางความรู้สึกของการรักพี่เสียดายน้องจึงเกิดขึ้น คุณจะมีความรู้สึกว่าเสื้อตัวนี้ก็สวย เดรสชุดนั้นใส่สบาย กางเกงตัวนู้นฉันใส่แล้วหุ่นดี และพอคุณรู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าก็กองเป็นภูเขาเลากาเสียแล้ว ทางแก้ปัญหาก็คือให้ตัดใจเสีย แล้วเลือกเสื้อผ้าเพียงครึ่งเดียวจากกองเสื้อผ้าที่คุณเลือกไว้เท่านั้น

2. โดยปกติสายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ดังนั้นสิ่งของที่ผู้โดยสารนำติดตัวไม่ควรชิ้นใหญ่จนไม่สามารถยัดใส่กระเป๋าได้ และควรเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ระหว่างอยู่บนเครื่องหรือเมื่อลงจากเครื่องเรียบร้อย อย่างเช่นเอกสารการเดินทาง เครื่องสำอาง หมอนรองคอ หรือเสื้อคลุมในกรณีที่จุดหมายปลายทางมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น เป็นต้น


3. หากสัมภาระที่นักท่องเที่ยวต้องการพกพาไปด้วยหรือซื้อกลับมาเป็นสิ่งของที่แตกหักได้ง่าย อย่างเช่น เหล้า เครื่องแก้ว เครื่องปั้นดินเผา เครื่องลายคราม เป็นต้น ก่อนจะเก็บลงกระเป๋าเดินทางควรบรรจุในหีบห่อที่แข็งแรงเสียก่อนโดยภายในต้องมีวัสดุกันกระแทกซ้อนเอาไว้ด้วย จากนั้นในขั้นตอนโหลดกระเป๋า ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ทราบ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้นำฉลาก fragile หรือฉลากแก้วแตกมาติดไว้ที่กระเป๋า ซึ่งหมายถึงสิ่งของภายในหีบห่อนั้นสามารถแตกเสียหายหรือชำรุดได้โดยง่ายนั่นเอง

4. จัดกระเป๋าเดินทางโดยใช้วิธีการมิกซ์แอนด์แมตซ์ ซึ่งทิปในข้อนี้อาจจะเหมาะสำหรับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง หรือนักท่องเที่ยวประเภทขาลุยแบ็กแพคเกอร์ทั้งหลายที่ไม่ได้เน้นความสวยความงามของตัวเองสักเท่าไรนัก ยกอย่างเช่น คุณวางแผนการเดินทางไว้ทั้งหมด 9 วัน เพียงคุณนำเสื้อยืดไป 3 ตัว กับกางเกงอีก 3 ตัว ก็สามารถมิกซ์แอนด์แมตซ์เสื้อผ้าให้เป็น 9 ชุดได้แล้ว


5. ผู้เขียนยอมรับว่าหนังสือคือแหล่งความรู้ชั้นดี โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเดินทางไปในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยแล้วล่ะก็ ไกด์บุ๊คดีๆ สักเล่มสองเล่มก็ช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้นมีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ดังนั้นการแบกหนังสือติดตัวไปด้วยอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก หากนักท่องเที่ยวต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ควรโหลดเก็บไว้ในไอแพดหรือสมาร์ทโฟนจะสะดวกและประหยัดเนื้อที่ได้มากกว่า

6. เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเตารีดหรือไดร์เป่าผมก็ตาม นั่นก็เพราะว่าโรงแรมส่วนใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไว้สำหรับแขกผู้เข้าพักอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี ควรเลือกเฉพาะเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นต้องรีดหรือค่อนข้างยับยาก ส่วนทรงผมสำหรับคุณผู้หญิง ควรจะเตรียมกิ๊ฟท์หรือยางมัดผมเก๋ๆ ไปด้วย ก็จะทำให้สะดวกในการจัดแต่งทรงผมโดยที่ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผมให้ยุ่งยาก


7. แจ๊คเก็ตและเสื้อกันหนาวถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการจัดกระเป๋าเดินทางเลยทีเดียว เนื่องจากขนาดที่ใหญ่และความหนาที่มากกว่าเสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปจึงทำให้กินพื้นที่ของกระเป๋าและทำให้น้ำหนักของกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโล ดังนั้นก่อนจะจัดกระเป๋าเราควรตรวจสภาพอุณหภูมิของสถานที่ที่เราจะไปเสียก่อน ถ้าอุณหภูมิไม่หนาวมากนัก เพียงแค่เสื้อคลุมตัวบางก็เพียงพอแล้ว

8. หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าประเภทยีนส์ทั้งหลายแหล่ เพราะนอกจากยีนส์จะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากแล้ว มันยังดูดซับสิ่งสกปรกได้ง่ายรวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ด้วย ดังนั้นหากจะเลือกเสื้อผ้าสำหรับการเดินทาง ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายซึ่งนอกจากจะสวมใส่สบายแล้ว ยังระบายอากาศและซับเหงื่อได้ดีอีกด้วย


9. สิ่งของชิ้นไหนที่สำคัญสำหรับคุณ หากไม่จำเป็นต้องใช้กรุณาอย่าพกติดตัวเดินทางไปด้วยอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กล้องตัวใหญ่ ขาตั้งกล้อง เป็นต้น เพราะนอกจากคุณจะต้องระมัดระวังมากกว่าปกติแล้ว ยังอาจต้องทนปวดเมื่อยจนหมดสนุกเมื่อต้องแบกมันไว้บนบ่าอยู่ตลอดเวลา

10. ของใช้พื้นฐานสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู โลชั่น ถุงเท้า เสื้อยืด ฯลฯ แทบจะทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีขายและราคาไม่แพงมากนัก ดังนั้นหากคุณจะลืมเตรียมสิ่งของพวกนี้ คุณก็สามารถหาซื้อได้สบายๆ

เห็นไหมคะว่า เพียงเทคนิคง่ายๆ ในการจัดกระเป๋าเดินทางที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทั้ง 10 ข้อนี้ คุณก็จะเหลือพื้นที่ว่างในกระเป๋าอย่างเหลือเฟือแล้วล่ะค่ะ จากนี้จะช้อปจะซื้อของเยอะแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าระเบิดอีกต่อไปแล้ว 

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

“กงด๋าว” เกาะสวรรค์แห่งทะเลใต้เวียดนาม

ประเทศเวียดนาม ถือเป็นอีก 1 ในชาติอาเซียนที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไปแวะเวียนเสมอตลอดทั้งปี ซึ่งก็เป็นผลมาจากการเดินทางที่ใช้เวลาไม่มากนัก เพียงชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นหากเดินทางโดยเครื่องบิน หรือจะเดินทางโดยรถยนต์ก็ได้ข้ามผ่านประเทศลาว นอกจากนี้เวียดนามยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้าง รวมถึงสถานที่ซึ่งกลายมาเป็นมรดกโลกอีกหลายแห่ง อีกทั้งค่าครองชีพยังไม่สูงมากนัก จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยยิ่งนัก

แน่นอนค่ะ... เกริ่นมาซะขนาดนี้มัชรูมทราเวลคงจะไม่พาคุณๆ ไปเที่ยวที่อื่นแน่ๆ นอกจากเวียดนาม เพียงแต่ว่าวันนี้เราจะไม่พาคุณไปสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันอยู่แล้วอย่างฮานอย โฮจิมินห์ ฮอยอัน ดาลัด ฯลฯ แต่จะพาคุณไปเที่ยวที่ไหนนั้น ตามไปชมกันเลยค่ะ

รู้จักเกาะกงด๋าว (Con Dao) 



จากท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต นครโฮจิมินห์ซิตี้ ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียง 45 นาทีก็ถึงสนามบินกงด๋าวแล้ว ซึ่งกงด๋าวตั้งอยู่ดินแดนทางตอนใต้สุดของเวียดนาม มีลักษณะเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอีกนับสิบๆ เกาะ ที่สำคัญถึงแม้ว่ากงด๋าวจะตั้งอยู่ห่างจากโฮจิมินห์เพียง 230 กิโลเมตร แต่ที่นี่กลับดูคล้ายเป็นอีกโลกหนึ่งซึ่งแตกต่างจากเวียดนามโดยสิ้นเชิง ด้วยความสงบเงียบของเกาะ และทัศนียภาพอันงดงามชวนให้หลงใหล จนแทบไม่อยากเชื่อว่าในอดีตเกาะกงด๋าวแห่งนี้คือที่ตั้งของเรือนจำอันโหดร้ายสำหรับคุมขังนักโทษการเมืองในช่วงเวียดนามยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส และอีกครั้งในช่วงสงครามเวียดนาม ที่นี่ก็ได้คุมขังนักโทษสงครามเพื่อใช้งานสร้างท่าเทียบเรือของเกาะ โดยเหตุการณ์ทั้งสองครั้งนั้นเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1862 และปี 1975


ปัจจุบันภาพความโหดร้ายในอดีตของเกาะกงด๋าวคงเหลือไว้เพียงแค่อาคารร้างที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหนาเก่าคร่ำคร่า เกาะกงด๋าวเปลี่ยนโฉมใหม่กลายเป็นเกาะสวรรค์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายธรรมชาติอันเลื่องชื่อซึ่งเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลหายากอีกหลายชนิด และแนวปะการังที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ ฯลฯ จน Travel & Leisure นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา โหวตให้กงด๋าวเป็น 1 ใน 20 เกาะของโลกที่ยังคงความลึกลับมากมาย ถึงแม้ว่าความเจริญจะค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาบ้างแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน หรือรีสอร์ทหรูที่ทยอยเปิดตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนในอนาคต

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในกงด๋าว

วนอุทยานแห่งชาติกงด๋าว

วนอุทยานแห่งชาติกงด๋าวถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เลื่องชื่อในเรื่องของความงดงามของหาดทราย ทั้งยังเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลหายากหลากหลายชนิด นอกจากนั้นทะเลรอบๆ ยังเต็มไปด้วยแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็ทำให้การดำน้ำดูปะการังกลายเป็น 1 ในกิจกรรมยอดนิยมของเกาะแห่งนี้ โดยผู้ที่สนใจการดำน้ำดูปะการัง ที่นี่ก็มีสอนดำน้ำทั้งหลักสูตร  PADI และ SSI โดยครูฝึกสอนชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์การดำน้ำในน่านน้ำของประเทศเวียดนาม และมีการดำน้ำในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอในราคา 160 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนผู้ที่ดำน้ำเป็นแล้ว ที่นี่ก็มีทัวร์ดำน้ำดูปะการังไว้คอยบริการด้วยในราคา 40 เหรียญสหรัฐฯ รวมค่าอุปกรณ์

พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ
พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติแห่งเกาะกงด๋าวตั้งอยู่ภายในบริเวณที่อยู่อาศัยของอดีตผู้บัญชาการฝรั่งเศส ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวียดนามเมื่อครั้งสงครามต่อต้านฝรั่งเศสและการคุมขังนักโทษทางการเมือง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้เห็นภาพวาดการเผชิญหน้ากับความตายของ Vo Thi Sau นักรบหญิงที่อายุน้อยที่สุดในช่วงการปฏิวัติเวียดนามปลายปี 1940 เธอได้เข้าร่วมต่อต้านฝรั่งเศสขณะอายุ 14 ปี

โบราณสถานเรือนจำกงด๋าว

เรือนจำกงด๋าวแห่งนี้เป็นเรือนจำที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นอย่างแน่นหนาและมั่นคงในปี ค.ศ. 1862 โดยมีห้องขังทั้งหมด 348 ห้อง แบ่งออกเป็น 4 เขต แต่ละเขตมีห้องขัง 48 ห้อง เพื่อใช้เป็นสถานกักกันนักโทษในช่วงยุคอาณานิคมฝรั่งเศส ซึ่งนักโทษทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จะถูกจับเปลือยกายและถูกใช้งานอย่างทารุณจนกระทั่งเสียชีวิตไปในที่สุด ปัจจุบันเรือนจำกงด๋าวยังคงได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านของผู้บริหารเกาะ สะพานท่าเรือ เขตกักขัง รวมถึงสุสานภายในเรือนจำ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือนกงด๋าว ช่วงเวลาวิเศษสุดซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่ทะเลสงบและไม่มีคลื่นสูง จึงเหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการังเป็นอย่างยิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

7 แหล่งท่องเที่ยวแห่งไต้หวัน ที่คุณเองก็เที่ยวได้ไม่ง้อทัวร์

หากพูดถึงไต้หวันในอดีตหลายๆ ปีที่ผ่านมา อาจจะไม่ได้รับความนิยมหรือได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก ส่วนใหญ่เราจะได้ยินชื่อของไต้หวันผ่านละครจีนกำลังภายในหรือนักร้องนักแสดงผู้มีชื่อเสียงอย่าง F4 เป็นต้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไต้หวันถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในเอเชียที่มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมอันล้ำค่า และธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้งปัจจุบันหลายๆ สายการบิน โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ได้เปิดเส้นทางใหม่กรุงเทพ-ไทเป ซึ่งนั่นก็ทำให้การเดินทางสู่ไต้หวันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้น รวมถึงการขอวีซ่าไต้หวันนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม ก็มีสิทธิ์ผ่านง่ายๆ ตั้งแต่การขอครั้งแรกเลยทีเดียว




หลังจากเตรียมเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว การไปเที่ยวไต้หวันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้วล่ะค่ะ แม้สื่อสารภาษาจีนไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งการเดินทางภายในไต้หวันยังสะดวกสบายด้วยรถไฟความเร็วสูงอย่าง Taiwan  High Speed Rail หรือ THSR ที่มีความเร็วถึง 300 กม./ชั่วโมง ดังเช่น 7 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งไต้หวันที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวเองโดยรถไฟได้ง่ายๆ โดยไม่ง้อทัวร์เลยล่ะค่ะ

ตึกไทเป101 (Taipei101)



ตึกไทเป 101 ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวไต้หวัน และปัจจุบันที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งเมืองไทเปที่ไม่ว่าทัวร์เจ้าไหนเป็นต้องพากันมาที่นี่เสมอ อาคารสูงเสียดฟ้าแห่งหนึ่งครั้งหนึ่งมันเคยถือสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกมาแล้วด้วยความสูง 509.2 เมตร ทั้งหมด 101 ชั้น โดยมีชั้นใต้ดินลึกลงไปอีก 5 ชั้น ซึ่งการออกแบบและตกแต่งอาคารแห่งนี้ล้วนแฝงไปด้วยความหมายทั้งสิ้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังตึกไทเป 101 สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเกาะไต้หวันโดยรอบได้ที่ชั้น 89 ซึ่งจะมีเสียงบรรยายและนิทรรศการศิลปะให้ชมด้วยโดยมีค่าเข้าชม 400 $NT นอกจากนั้น จากจุดนี้ยังสามารถเดินขึ้นไปชมดาดฟ้าที่ชั้น 90 หรือลงไปชมลูกตุ้มยักษ์ที่ชั้น 88 ได้ด้วย

ซื่อหลิน ไนท์มาร์เก็ต (Shi Lin Night Market)



ตลาดกลางคืนซื่อหลินคือตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทเปที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เนื่องจากที่นี่มีสินค้าทุกสิ่งให้เลือกซื้อเลือกหาในราคาย่อมเยา นับตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ของที่ระลึก และอาหาร เป็นต้น โดยเฉพาะอาหารขึ้นชื่อของที่นี่อย่างเต้าหู้เหม็นและชานมไข่มุกสูตรต้นตำรับที่นักท่องเที่ยวควรลองชิมดูสักครั้ง ซึ่งการเดินทางมายังซื่อหลิน ไนท์มาร์เก็ตนั้นสะดวกสบายมากเพราะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้า MRT ทำให้ผู้คนที่เดินมาจับจ่ายซื้อของในแต่ละวันค่อนข้างจะหนาตา นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ควรระมัดระวังกระเป๋าและสิ่งของมีค่าของท่านให้ดี

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน (National Palace Museum)



มาถึงไต้หวันทั้งที ต้องไม่พลาดที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไต้หวัน ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวันหรือพิพิธภัณฑ์กู้กงซึ่งมีต้นแบบการก่อสร้างมาจากพระราชวังโบราณในกรุงปักกิ่ง ภายในคือที่เก็บวัตถุและผลงานทางศิลปะของขีนโบราณที่มีประวัติยาวนานกว่า 5,000 ปี จำนวนมากกว่า 620,000 ชิ้น จากทุกราชวงศ์ของจีน ทั้งภาพเขียน หนังสือ แผ่นป้าย เครื่องทองแดง เครื่องหยก เครื่องเซรามิก เครื่องเขียนโบราณ เครื่องแกะสลัก งานปัก งานทอ ฯลฯ ทำให้ที่นี่กลายเป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนั้นที่นี่ก็ยังมีห้องแสดงหยกแกะสลักอันล้ำค่าซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามเป็นอันดับ 1 ของโลกให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย

ป้อมโบราณอันผิง (Anping Old Fort)



ป้อมโบราณอันผิงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของมหานครไถหนานซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน ถือเป็นเมืองที่มีความเจริญเพราะมีทั้งสนามบินภายในประเทศและสถานีรถไฟความเร็วสูงที่สามารถเดินทางมาจากไทเปได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง โดยมีป้อมโบราณอันผิงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมือง ซึ่งป้อมนี้ในสมัยโบราณใช้เป็นที่สำหรับป้องกันการรุกรานของข้าศึกในสมัยที่ฮอลันเข้ายึดครอง หากนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ขึ้นไปด้านบนของป้อม เมื่อมองลงมาก็จะมองเห็นอนุสาวรีย์เจิ้งเฉิงกง ผู้ปกครองเกาะไต้หวันในสมัยโบราณ ทั้งยังเป็นผู้ขับไล่ชาวฮอลันดาออกไปแล้วสถาปนาตัวเองเป็นผู้ปกครองเกาะนี้แทน นอกจากนั้นด้านในป้อมยังมีการจัดแสดงอาวุธของชาวฮอลันดาและของจีน รวมถึงประวัติความเป็นมาของป้อมแห่งนี้ด้วย

วัดขงจื้อ (Taipei Confucius Temple)



จาก MTR สายสีแดงสถานี Yuanshan Station ทางออกที่ 2 จากนั้นให้เดินทางไปทางถนน Kulun Street นักท่องเที่ยวจะมองเห็นกำแพงสีแดงของวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และนั่นก็คือวัดขงจื้อแห่งไทเปค่ะ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปภายในวัดก็จะพบกับรูปปั้นลิง 3 ตัวปิดหู ปิดตา และปิดปากที่บริเวณสะพานทางเข้าวัด ภายในวัดนอกจากจะมีรูปปั้นและสิ่งต่างๆ ที่สื่อความหมายตามปรัชญาขงจื้อแล้ว ยังมีห้องนิทรรศการเกี่ยวกับพิธีกรรมการไหว้บรรพบุรุษ หุ่นจำลอง และเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ให้ได้ศึกษากันอีกด้วย ทั้งนี้วัดขงจื้อแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1879 ในสมัยราชวงศ์ชิง แต่หลังจากที่โดนญี่ปุ่นเข้ายึดครองและรื้อทำลาย ก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1925

อุทยานแห่งชาติเขิ่นติ้ง (Kenting National Park)



อุทยานแห่งชาติเขิ่นติ้งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน มีลักษณะเป็นอุทยานเขตร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีคือ 25 องศาเซลเซียส บนเนื้อที่รวม 32,631 เฮคตาร์ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลถึง 3 ด้าน คือทางตะวันออกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับช่องแคบไต้หวัน ทางใต้ติดช่องแคบปาซื่อ ส่วนอีกด้านคือทิศเหนือนั้นติดกับภูเขาหนานเหรินที่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม นอกจากนั้นภายในอุทยานยังมีศูนย์กิจกรรมสำหรับเยาวชน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชายหาดและแนวปะการัง ท่ามกลางป่าไม้เขียวขจีที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมเยียน

ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake)



ทะเลสาบสิริยันจันทราตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะไต้หวัน ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน" ด้วยความงดงามและความโรแมนติกของทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางภูเขาที่รายล้อม และตรงกลางทะเลสาบยังมีเกาะเล็กๆ ที่มีชื่อว่ากวงหวาเต่า ส่วนที่ได้ชื่อว่าสุริยันจันทรานั้นก็เพราะด้านทิศเหนือของทะเลสาบที่มีรูปทรงคล้ายกับพระอาทิตย์ ส่วนด้านทิศใต้นั้นคล้ายกับรูปพระจันทร์เสี้ยว ทำให้นี่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งนี้ของไต้หวันไปโดยปริยาย

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 7 แห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเยือนได้ง่ายๆ เพียงใช้ THSR Pass เพียงบัตรเดียว ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟได้ทั่วไต้หวัน โดยไม่จำกัดทั้งจำนวนเที่ยวและไม่จำกัดสถานีทั่วไต้หวัน ซึ่งได้แก่ 8 สถานีหลักอย่าง Taipei, Banqiao, Taoyuan, Hsinchu, Taichung ,Chiayi, Tainan, และสถานี Zuoying ในราคาเริ่มต้นที่ NT$ 2,400 ซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวสนใจ สามารถติดต่อได้ที่ มัชรูมทราเวล โทร. 0-2105-6234 กด 4 หรือ Line id @mushroomtravel

สอบถามราคา ตั๋วรถไฟไต้หวัน