วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ E-Ticket สำหรับการโดยสารทางเครื่องบิน

หากเอ่ยถึง E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับด้านนี้โดยตรง หรือผู้ที่ใช้บริการสายบินอยู่เป็นประจำคงทราบกันดีว่า E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์นั้นถูกออกแบบขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่ออะไร รวมทั้งวิธีการใช้งาน เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับการโดยสารทางเครื่องบินมากนัก ก็อาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้เลย หรืออาจจะรู้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น วันนี้มัชรูมทราเวลจึงนำเรื่องราวของ E-Tickets มาเผยแพร่เป็นความรู้แก่ทุกท่าน เพื่อที่ท่านจะได้รู้จักกับ E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์นั้นถูกนำมาทดลองใช้ในอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ในช่วงต้นยุค 90 และจากนั้นอีกสิบปีต่อมา ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ก็เข้ามาแทนที่ตั๋วกระดาษมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกในการใช้งานด้วยการจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต รวมถึงการส่งตั๋วสู่ผู้บริโภคทันทีทางอีเมล โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อตั๋วกับตัวแทนจำหน่ายของสายการบินถึงสำนักงานหรือสนามบิน และนั่นก็ทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้น และยังช่วยประหยัดเวลารวมถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อตั๋วอีกด้วย



E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร
E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์เป็นโหมดการใช้งานที่โดดเด่นของการจัดจำหน่ายตั๋วของสายการบินในปัจจุบัน โดยหลังจากที่ผู้บริโภคทำการจองและซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้ว สายการบินสามารถออกหมายเลขของตั๋ว และชื่อในการสำรองตั๋วให้ท่านได้ทันที อีกทั้งข้อดีที่สำคัญที่สุดของการใช้ E-Tickets หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ก็คือ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำตั๋วหาย หรือลืมทิ้งไว้ที่บ้าน เพราะข้อมูลการจองตั๋วของท่านจะยังคงปลอดภัยอยู่ในระบบของสายการบิน และสามารถนำออกมาใช้ได้ทันทีผ่านการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต


 


วิธีการจอง และการใช้งาน E-Tickets สำหรับการโดยสารทางอากาศ
ปัจจุบัน E-Ticket กลายเป็นมาตรฐานในโลกของสายการบินพาณิชย์ไปเสียแล้ว อีกทั้งยังกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ อันเนื่องมาจากความสะดวกสบายในการเก็บรักษา ที่ไม่ต้องกลัวว่าจะทำตั๋วสูญหาย รวมทั้งการเช็คอินขึ้นเครื่องที่ง่ายดาย และผู้โดยสารสามารถทำได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจทั้งหลายที่ต้องมีการเดินทางอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้  E-Ticket ทุกครั้ง ผู้โดยสารจะต้องมีการยืนยันการจองด้วยรหัสที่ถูกต้องเสมอ

โดยขั้นตอนการจอง E-Ticket หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ และการใช้งานมีวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1. เปิดเว็บไซต์ของสายการบินที่คุณต้องการ หรือเว็บตัวแทนจำหน่าย (ซึ่งมีราคาต่ำกว่าการจองผ่านสายการบินโดยตรง) เพื่อทำการจองออนไลน์ โดยกรอกข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนของคุณให้ถูกต้อง พร้อมกับอีเมลที่ใช้งานได้จริง เพราะตั๋วของคุณจะถูกส่งมายังอีเมลที่คุณให้ข้อมูล
2. หลังจากจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบอีเมลของคุณว่าตั๋วถูกส่งมายังอีเมลของคุณหรือไม่
3. เมื่อใกล้ถึงกำหนดการเดินทาง ให้เข้าสู่ระบบเว็บไซต์ของสายการบินอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน จากนั้นใส่ล็อกอินและพาสส์เวิร์ดที่ยืนยันการซื้อตั๋วเครื่องบินของคุณ
4. ทำการเช็คอินสำหรับเที่ยวบินของคุณ จากนั้นให้พิมพ์ตั๋วของคุณผ่านเครื่องพริ้นท์เมื่อเสร็จแล้ว
5. ตรงไปที่จุดตรวจเช็คกระเป๋าภายในสนามบินหากคุณมีกระเป๋าเดินทางที่ต้องการโหลดใต้เครื่อง
6. แสดง E-Ticket หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ของคุณเพื่อยืนยันตัวตน

หรือถ้าหากคุณไม่ถนัดในการเช็คอินออนไลน์ ก็สามารถเช็คอินผ่านเคาน์เตอร์ของสายการบินนั้นๆ ได้ ณ ท่าอากาศยาน ดังนี้
1. พิมพ์อีเมลยืนยันการจองที่คุณได้รับผ่านเครื่องพริ้นท์ หรือเขียนรหัสการจองลงบนแผ่นกระดาษ
2. ไปที่สนามบินแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์ของสายการบินที่คุณทำการจอง เพื่อเช็คอินเที่ยวบินของคุณ
3. ยื่นเอกสารการจองของคุณให้เจ้าหน้าที่ หรือให้รหัสยืนยันการจองของคุณเพื่อทำการเช็คอินกับพนักงานของสายการบิน พร้อมด้วยพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนของตัวคุณเอง ซึ่งบางสายการบินอาจให้ผู้โดยสารเช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติ และสามารถพิมพ์บอร์ดดิ้งพาสของตัวเองได้เลย

เห็นไหมล่ะคะว่าปัจจุบันการจองตั๋วออนไลน์ รวมทั้งการใช้ E-Ticket หรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย อีกทั้งยังสะดวกสบาย ที่สำคัญยังช่วยคุณประหยัดเงิน และเวลาได้ด้วย  ส่วนในตอนต่อไป “มัชรูมทราเวล” จะพาท่านไปเจาะลึกในเรื่องของบอร์ดดิ้งพาสและการเช็คอินค่ะ 

จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รู้ไว้ไม่เสียหลาย...หากได้ไปเยือนจีน


จากครั้งที่แล้ว “มัชรูมทราเวล” ได้นำเสนอ 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจีนที่คุณไม่ควรพลาดไปแล้ว ซึ่งผู้ที่กำลังตัดสินใจหรือกำลังวางแผนที่จะไปหาประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ในจีน ก็คงจะวางแผนการได้แล้วว่าคุณจะต้องไปที่ไหนบ้าง ครั้งนี้เราเลยมีคำแนะนำที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศจีนมาฝาก เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษาที่ยากที่สุดในการสื่อสารและเรียนรู้ อีกทั้งยังมีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น อย่างเช่น จีนกลาง จีนกวางตุ้ง เป็นต้น ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับนิสัยบางอย่างของคนจีน รวมทั้งสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่คุณไม่ควรทำในประเทศแห่งนี้ เพื่อที่ว่าคุณจะได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และผูกมิตรกับคนท้องถิ่นได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถหลีกเลี่ยงกับบางสิ่งที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัด หงุดหงิดหรือไม่สบายใจที่จะทำให้ทริปการท่องเที่ยวของคุณกร่อยได้




1. เช็คแฮนด์ด้วยสองมือ
เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทักทายด้วยการจับมือนั้นถือเป็นธรรมเนียมสากลที่มีการปฏิบัติกันทั่วโลก แต่หากคุณต้องเดินทางไปประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือการท่องเที่ยวก็ตาม หากมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับใครสักคน การทักทายที่เรียกว่าการเชคแฮนด์อย่างที่เคยชินอาจไม่เพียงพอสำหรับที่นี่ เพราะวิธีทักทายที่ถูกต้องสำหรับธรรมเนียมจีนก็คือ คุณต้องใช้มือทั้งสองข้างกุมไปที่มือของอีกฝ่ายพร้อมกับเขย่าไปด้วยในขณะที่คุณแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายรู้จัก เพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบได้แล้ว


2. ไม่เรียกชื่อต้นหากเพิ่งรู้จัก
แน่นอนว่าคนจีนนั้นมีชื่อและนามสกุลเหมือนกับคนในประเทศอื่นๆ แต่ในประเทศจีนการใช้ชื่อและนามสกุลจะแตกต่างตรงที่พวกเขาจะใช้นามสกุลน้ำหน้าชื่อก่อนเสมอ อย่างเช่นหากมีใครแนะนำให้คุณรู้จักกับหลิวเต๋อหัว นั่นแสดงว่าเขามีชื่อว่าเต๋อหัว และนามสกุลหลิว แต่คุณต้องทักทายเขาในนามของมิสเตอร์หลิวเท่านั้น เพราะการเรียกชื่อต้นสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยในประเทศจีนนั้นถือว่าเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคนจีนจะเรียกชื่อแรกกันเฉพาะภายในสมาชิกของครอบครัว รวมทั้งเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


3. ห้ามดื่มก่อนเจ้าภาพ
สำหรับวัฒนธรรมการกิน ของจีนนั้น แน่นอนว่าสิ่งที่จะขาดไม่ได้ภายในโต๊ะอาหารมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือสุรา ซึ่งถ้าหากเป็นปัจจุบันก็คงเหมารวมเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ทุกชนิด ซึ่งหากคุณมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควบคู่ไปกับมื้ออาหารคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่กระนั้นคุณต้องจำไว้เสมอว่า จะต้องดื่มก็ต่อเมื่อเจ้าภาพหรือผู้ใหญ่เชื้อเชิญเท่านั้น ห้ามยกแก้วหรือจอกขึ้นดื่มเองโดยลำพังเป็นอันขาด รวมทั้งต้องไม่ดื่มครั้งเดียวหมดแก้ว แต่ให้ค่อยๆ จิบแทน ซึ่งเหตุผลจริงๆ ของธรรมเนียมนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เราดื่มมากเกินไปจนเมานั่นเอง


4. แย่งจ่ายหลังกินเสร็จ
คุณอาจรู้สึกตกใจหากเจอเหตุการณ์ความวุ่นวายเสียงดังจากโต๊ะหนึ่งโต๊ะใดภายในร้านอาหารหรือห้องอาหาร ขณะที่คุณอยู่ในประเทศจีน ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาทะเลาะหรือมีเรื่องชกต่อยกันแต่อย่างใด แต่วัฒนธรรมจีนนั้น เมื่อมีการเลี้ยงสรรสรรค์ภายนอกบ้าน หากมีใครเสนอตัวที่จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยง คนที่เหลือบนโต๊ะจะไม่เพียงนั่งอยู่เฉยๆ หรือกล่าวคำว่าขอบคุณ แต่พวกเขาจะเข้าแย่งชิงการจ่ายค่าอาหารมื้อนั้น ซึ่งอาจจะถึงขั้นต่อสู้กัน โดยปราศจากอาวุธและความรุนแรง รวมถึงพยายามปัดเงินของคนที่ยื่นให้พนักงานออกไปเพื่อที่จะแย่งจ่ายเอง โดยการต่อสู้นี้เองที่ชาวจีนถือว่าเป็นมารยาทที่ดี มากกว่าการนั่งเป็นหัวหลักหัวตอในโต๊ะอาหาร ซึ่งผู้ที่สามารถเอาชนะ และ “จ่าย” ค่าอาหารมื้อนั้นก็จะได้รับความชื่นชมเป็นพิเศษ


5. ฝึกการใช้ตะเกียบให้ถูกต้อง
หากคุณมีโอกาสถูกรับเชิญไปร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวคนจีน แน่นอนว่าการใช้ตะเกียบคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ให้ถูกต้อง ซึ่งนอกเหนือไปจากการใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยว ถั่วงอก ลูกชิ้น อย่างที่เราเคยกระทำเป็นประจำ เนื่องจากตะเกียบนั้นถือว่ามีความสำคัญต่อชาวจีนมากกว่าการเป็นแค่อุปกรณ์หยิบจับอาหาร แต่ตะเกียบยังมีความสำคัญต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของจีนมาตั้งแต่อดีตนับพันๆ ปี ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญต่อการใช้ตะเกียบเป็นอย่างมาก เช่น ห้ามวางตะเกียบสะเปะสะปะไม่เป็นระเบียบ ห้ามใช้ตะเกียบชี้หน้าผู้อื่น ห้ามอม ดูด หรือเลียตะเกียบ ห้ามใช้ตะเกียบเคาะถ้วยชาม ห้ามใช้ตะเกียบวนไปมาบนโต๊ะโดยไม่รู้ว่าจะคีบอะไรดี ห้ามใช้ตะเกียบคุ้ยอาหารในจาน ห้ามถือตะเกียบกลับข้าง ห้ามใช้ตะเกียบข้างเดียวเสียบลงบนอาหารหรือชามข้าว และห้ามทำตะเกียบตกพื้น เป็นต้น


6. ไม่ทำให้คนอื่นขายหน้าในที่สาธารณะ
สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณอาจทำให้คนจีนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ การพูดหรือแสดงอาการดูหมิ่นพวกเขาในที่สาธารณะ หรือแสดงอาการโกรธเกรี้ยวด้วยการตะคอกหรือตะโกนใส่หน้า แม้ว่าสาเหตุจะมาจากความผิดพลาดของอีกฝ่ายก็ตาม เพราะนั่นจะทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้า ซึ่งคนจีนจะรับไม่ได้และคิดว่าคุณกำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที หากเปลี่ยนจากเหตุการณ์ความไม่พอใจเป็นการแสดงความขอบคุณ หรือการแสดงความชื่นชมพวกเขาต่อหน้าสาธารณชน เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับกลับมา นั่นก็คือความเป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่นนั่นเอง


7. มอบของขวัญให้กันเสมอ
การมอบของขวัญให้แก่กันสำหรับวัฒนธรรมจีนนั้นไม่เพียงแค่เฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่ทุกครั้งหากต้องไปเยี่ยมเยือน หรือมีการนัดหมายเพื่อพบเจอระหว่างเพื่อน ครอบครัว ผู้ร่วมธุรกิจ ฯลฯ การเตรียมของขวัญมามอบให้แก่กันโดยที่ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าถือเป็นมารยาทที่ดี ทั้งยังเป็นการแสดงถึงมิตรภาพและความปรารถนาดีที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กัน แม้ว่าของชิ้นนั้นจะเป็นเพียงของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม และที่สำคัญคือ ผู้ที่ให้จะต้องไม่คุยโวถึงที่มาหรือราคาของของขวัญอย่างเด็ดขาด


และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงบางส่วนของวัฒนธรรมจีนที่ “มัชรูมทราเวล” นำมาฝากกัน ซึ่งจีนยังมีข้อห้าม หรือประเพณีปฏิบัติอีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งหากเราได้เรียนรู้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าด้วยเสน่ห์ของรอยยิ้ม บวกกับความมีน้ำใจ และนิสัยอันอ่อนน้อมถ่อมตนของคนไทย คงเอาชนะใจใครๆ ได้ไม่ยาก

ทัวร์จีน