วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

อัพเดต ของฝากน่าซื้อจาก สนามบิน นาริตะ 2016

โตเกียวบานาน่าหลบไป
มาดูของฝากฮอตฮิตใหม่ๆ
ที่ซื้อได้ง่ายๆที่สนามบิน นาริตะ กันดีกว่า

เบื่อมั้ยคะ เวลาใครไปญี่ปุ่นที่ไรได้ของฝากเป็นโตเกียวบานาน่าทุกที แถมช่วงนี้ยังมีโตเกียวบานาน่าขายที่ไทยเพิ่มอีกตั้งหลายที่แหน่ะ วันนี้เราเลยจะพาคุณไปพบกับของฝากอื่นๆที่อร่อยฮอตฮิตของครญี่ปุ่นที่หาซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆญาติๆได้ง่ายๆในสนามบินนาริตะ แถมของฝากสุดเอกซ์คลูซีฟที่ซื้อได้แค่ที่สนามบินนาริตะเท่านั้นด้วยยย ไปดูกันเลยดีกว่า

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 9: Rakkasei Langue de chat (楽花生ラングドシャ)

นาริตะ 1
Cr : orandaya.net
ของฝากชิ้นนี้ซื้อได้ที่นาริตะเท่านั้นค่ะ เพราะเป็นขนมที่ผลิตและจำหน่ายในจังหวัดจิบะ จังหวัดที่เป็นที่ตั้งของสนามบิน ขนมเค้าพิเศษมากๆตรงที่เป็นคุกกี้แบบฝรั่งเศส Langue de chat  คล้ายๆชิโร่ย โคอิบิโตะ ของฮอกไกโด แต่สอดไส้ชอคโกแลตชั้นดีที่นำเข้ามาจาเบลเยี่ยมเชียวละค่ะ และเนื่องจากช่วงหน้าร้อน (เดือนมิ.ย.- ก.ย.) ช็อคโกแลตจะละลายง่ายก็เลยไม่มีขายค่ะ
นาริตะ 2
Cr : orandaya.net
ราคา: 5 ชิ้น 583 เยน (รวมภาษี), 12 ชิ้น 1,706 เยน (รวมภาษี), 18 ชิ้น 2,354 เยน (รวมภาษี)


ฮอตฮิตนัมเบอร์ 8: โตเกียวชอค-โก-ล่า โดนัท (東京しょ・こ・ら ドーナツ)

pic3
Cr : beeboo.co.jp
กล่องดีไซน์น่ารัก มาพร้อมกับโดนัทช็อคโกแลตที่เอาไวท์ช็อคโกแลตมาราดลงไปอีกที และโรยท้อปปิ้งอย่างคุกกี้คาราเมลกับโกโก้นิปส์ (ส่วนด้านในของเมล็ดโกโก้) เห็นแล้วอาจจะนึกว่าคงหวานมากๆ แต่จริงๆแล้วรสชาติจะค่อนข้างขมๆ หน่อยๆ และค่อนข้างเฮลตี้เลยทีเดียว เหมาะสำหรับสาวๆเป็นอย่างยิ่งค่ะ
pic4
Cr : omiyagate.jp
ราคา: 6 ชิ้น 556 เยน (ไม่รวมภาษี), 12 ชิ้น 1,000 เยน (ไม่รวมภาษี),, 18 ชิ้น 1,500 เยน (ไม่รวมภาษี),

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 7: สมุดและวาชิเทปที่ซื้อได้แค่ที่สนามบินนาริตะ!

pic5
Cr : travelers-factory.com

นอกจากขนมและของฝากที่ดูญี่ปุ่นๆแล้ว ในสนามบินนาริตะยังมีร้านเครื่องเขียนเท่ห์ๆอย่าง Travel’s Factory ที่มีเครื่องเขียนที่หาซื้อได้แค่ที่สนามบินนาริตะเท่านั้นวางจำหน่าย ร้านนี้โด่งดังมากขนาดสเตชั่นนารีแมเนียหลายคนอยากจะเดินทางไปเยี่ยมสนามบินนาริตะ เพื่อซื้อสิ่งนี้! ส่วนนักท่องเที่ยวช่างจด ช่างบันทึก อย่าได้พลาดเชียวนะคะ
นาริตะ 6
Cr : find-travel.jp

ราคา: สมุดโน้ต 3,400 – 4,200 เยน (ไม่รวมภาษี), วาชิเทป 400 – 660 เยน (ไม่รวมภาษี)

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 6: โคโรเนะ เดอ โคโรเนะ (コルネdeコルネ東京)

pic7
Cr : dbd.go.th
เครปโรลที่ถูกออกแบบให้มีสีสันสวยงาม ทำเป็นแท่งยาวๆ  ในบรรจุภัณฑ์เก๋ๆ ดูพรีเมี่ยม เหมาะจะนำไปใช้เป็นของฝากอย่างยิ่งค่ะ กรอบอร่อยแบบนี้เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดีซะด้วย
นาริตะ 8
Cr : blog.livedoor.jp
ราคา: 7 ชิ้น 540 เยน


ฮอตฮิตนัมเบอร์ 5: Tokyo Buono (東京ぼーの)

pic9
Cr : tokyo-buono
สาวกชีสสสสส เร่…เข้ามาทางนี้ค่ะ ชีสสติ๊กอยู่ทางนี้แล้ว เนื้อเค้กนุ่มๆ กับชีสหนาๆที่คัดสรรมาอย่างดี อยู่ในห่อยาวๆทานง่ายๆ ระหว่างรอขึ้นเครื่องบินก็ทานไปเพลินๆ หรือจะเก็บไปแช่เย็นที่บ้านแล้วค่อยทานก็อร่อยค่ะ
pic10
Cr : pori-nikki.seesaa.net
ราคา: 6 ชิ้น 756 เยน (รวมภาษี),10 ชิ้น 1,080 เยน (รวมภาษี), 15 ชิ้น 1,620 เยน (รวมภาษี)

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 4: ยูคาริ (ゆかり)

นาริตะ 11
Cr : bankaku.co.jp
ใครเป็นแฟนขนมเซมเบ้ห้ามพลาดสิ่งนี้!!! ขนมเซมเบ้กุ้งที่ทำขึ้นอย่างประณีตโดยใช้เทคนิคการทำที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะกลิ่นหอมลุ่มลึก ใครที่ไม่ชอบขนมสไตล์หวานๆ น่าจะชอบเลยล่ะ
pic12
Cr : bankaku.co.jp
ราคา: 10 ชิ้น 850 เยน (ไม่รวมภาษี), 12 ชิ้น 1,000 เยน (ไม่รวมภาษี),18 ชิ้น 1,500 เยน (ไม่รวมภาษี)

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 3: Petit Cinq Délices(プティサンクデリス)

นาริตะ 13
Cr : yokumoku.co.jp
ขนมคุกกี้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต่างรสชาติและเครื่องปรุงได้อัดแน่นอยู่ในกล่องของฝากกล่องนี้ ทำให้กินแล้วไม่รู้เบื่อ
pic14
Cr : yokumoku.co.jp
ราคา:2,100 เยน

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 2: Sugar Butter Sand Tree (シュガーバターサンドの木)

pic15
Cr : sugarbuttertree.jp
แป้งที่ทำจากซีเรียลที่ถูกอบจนหอมกรอบ โรยน้ำตาล และสอดไส้ไวท์ชอคโกแลต กลิ่นและรสของเนยและชอคโกแลตนมมาเต็ม ส่งกลิ่นหอมไปทั่วเมื่อได้ลิ้มรส
นาริตะ 16
Cr : sugarbuttertree.jp
ราคา: 14 ห่อ 953 เยน (ไม่รวมภาษี), 21ห่อ 1,500 เยน (ไม่รวมภาษี)

ฮอตฮิตนัมเบอร์ 1 : โกมะ ทามาโงะ (ごまたまご)

นาริตะ 17
Cr : tokyotamago.com
เค้กสปอนจ์ที่ห่อหุ้มด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่ทำขึ้นให้มีรูปทรงเป็นน้องไข่น่ารัก สอดใส้งาดำที่ด้านในสุดเหลวเหมือนชอคโกแลตลาวา
นาริตะ 18
Cr : omiyage-ranking.com
กัดไปคำเดียวได้เพลิดเพลินกับรสชาติ และรสสัมผัสที่น่าสนใจ แบบนี้ใครจะอดใจไวคะ !!! ของฝากชิ้นนี้เลยเป็นที่ฮอตฮิตของชาวญี่ปุ่นไม่แพ้โตเกียวบานาน่าเลยค่า
ราคา: 8 ชิ้น 667 เยน (ไม่รวมภาษี), 12 ชิ้น 1,000 เยน (ไม่รวมภาษี), 18 ชิ้น 1,477 เยน (ไม่รวมภาษี)
แต่ละอย่างน่ารัก น่ากินทั้งนั้นเลยนะคะ ซื้อได้ง่ายๆก่อนขึ้นเครื่องบินกลับบ้านอีก เงินเหรียญที่เหลือเอาไปแลกตังค์ก็ไม่ได้ เอาไปซื้อขนมอร่อยๆ ของกระจุกกระจิก จะเอาไปฝากใคร หรือให้ตัวเองก็น่าสนทั้งนั้นค่ะ
ที่มา : narita-airport-e-shop.com, matome.naver.jp, retrip.jp

——————-
Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id: @mushroomtravel

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

รู้ยัง… ดิสนีย์แลนด์ ปรับราคาค่าเข้าใหม่แล้วนะ

ข่าวล่ามาแรงแซงทางโค้งเอี๊ยดดดดดดนี้ส่งตรงมาจาก Japan แดนปลาดิบ แต่สำหรับใครก็ตามที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea ก็อาจจะได้ยินข่าวแว่วๆ มาเข้าหูบ้างเกี่ยวกับการเตรียมปรับราคาค่าตั๋วสำหรับสวนสนุกยอดนิยมทั้ง 2 แห่งนี้
3016769830_5fcfdf0f7f_b 6966000532_0e3bfd7450_k
ตอนนี้ข่าวล่าสุดที่ออกมาเป็นที่แน่ชัดแล้วล่ะค่ะว่า ขึ้นชัวร์!! และแน่นอนว่าจะเริ่มปรับราคาใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2559 นี้แล้วด้วย โดย Oriental Land ผู้ประกอบการของโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของการปรับราคาตั๋วเป็นปีที่สามติดต่อกัน ก็เพื่อความมั่นคงของเงินลงทุนสำหรับโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง อีกทั้งการปรับราคาในครั้งนี้ก็เป็นการปรับเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา จึงคาดการณ์ว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวมากนัก และสวนสนุกจะยังคงได้รับความนิยมอย่างดีเยี่ยมต่อไป

รู้ยัง… ดิสนีย์แลนด์ ปรับราคาค่าเข้าใหม่แล้วนะ

สำหรับราคาค่าตั๋วที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ทั้งในส่วนของ Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea มีราคาดังต่อไปนี้
15704908333_b5f8a2d8f3_k 15838694612_78a7704943_k
1 Day Passport
ผู้ใหญ่ ราคาเดิม 6,900 เยน = ราคาใหม่ 7,400 เยน (เพิ่มขึ้น 500 เยน)
เยาวชน (12-17 ปี) ราคาเดิม 6,000 เยน = ราคาใหม่ 6,400 เยน (เพิ่มขึ้น 400 เยน)
เด็ก (4-11 ปี) ราคาเดิม 4,500 เยน = ราคาใหม่ 4,800 เยน (เพิ่มขึ้น 300 เยน)
2 Day Passport
ผู้ใหญ่ ราคาเดิม 12,400 เยน = ราคาใหม่ 13,200 เยน (เพิ่มขึ้น 800 เยน)
เยาวชน (12-17 ปี) ราคาเดิม 10,800 เยน = ราคาใหม่ 11,600 เยน (เพิ่มขึ้น 800 เยน)
เด็ก (4-11 ปี) ราคาเดิม 8,000 เยน = ราคาใหม่ 8,600 เยน (เพิ่มขึ้น 600 เยน)
3-Day Magic Passport
ผู้ใหญ่ ราคาเดิม 16,600 เยน = ราคาใหม่ 17,800 เยน (เพิ่มขึ้น 1,200 เยน)
เยาวชน (12-17 ปี) ราคาเดิม 14,400 เยน = ราคาใหม่ 15,500 เยน (เพิ่มขึ้น 1,100 เยน)
เด็ก (4-11 ปี) ราคาเดิม 10,700 เยน = ราคาใหม่ 11,500 เยน (เพิ่มขึ้น 800 เยน)
4-Day Magic Passport
ผู้ใหญ่ ราคาเดิม 20,800 เยน = ราคาใหม่ 22,400 เยน (เพิ่มขึ้น 1,600 เยน)
เยาวชน (12-17 ปี) ราคาเดิม 18,000 เยน = ราคาใหม่ 19,400 เยน (เพิ่มขึ้น 1,400 เยน)
เด็ก (4-11 ปี) ราคาเดิม 13,400 เยน = ราคาใหม่ 14,400 เยน (เพิ่มขึ้น 1,000 เยน)
Senior Passport
ราคาเดิม 6,200 เยน = ราคาใหม่ 6,700 เยน (เพิ่มขึ้น 500 เยน)
2-Park Annual Passport
อายุ 12-65 ปี ราคาเดิม 86,000 เยน = ราคาใหม่ 93,000 เยน (เพิ่มขึ้น 7,000 เยน)
อายุ 4-11 ปี ราคาเดิม 56,000 เยน = ราคาใหม่ 60,000 เยน (เพิ่มขึ้น 4,000 เยน)
2-Park Annual Passport (Senior)
ราคาเดิม 73,000 เยน = ราคาใหม่ 79,000 เยน (เพิ่มขึ้น 6,000 เยน
Tokyo Disneyland Annual Passports
อายุ 12-65 ปี ราคาเดิม 50,000 เยน = ราคาใหม่ 63,000 เยน (เพิ่มขึ้น 4,000 เยน)
อายุ 4-11 ปี ราคาเดิม 38,000 เยน = ราคาใหม่ 41,000 เยน (เพิ่มขึ้น 3,000 เยน)
Tokyo Disneyland Annual Passports (Senior)
ราคาเดิม 50,000 เยน = ราคาใหม่ 53,000 เยน (เพิ่มขึ้น 3,000 เยน)
2816133482_d87656cc29_b 3015907199_00a79fd039_b
Tokyo DisneySea Annual Passport
อายุ 12 ปีขึ้นไป ราคาเดิม 59,000 เยน = ราคาใหม่ 63,000 เยน (เพิ่มขึ้น 4,000 เยน)
อายุ 4-11 ปี ราคาเดิม 38,000 เยน = ราคาใหม่ 41,000 เยน (เพิ่มขึ้น 3,000 เยน)
Tokyo DisneySea Annual Passport (Senior)
ราคาเดิม 50,000 เยน = ราคาใหม่ 53,000 เยน (เพิ่มขึ้น 3,000 เยน)
ทั้งนี้ในส่วนของ Starlight Passport และ After 6 Passport จะยังคงราคาเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยนักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปาร์คได้ที่www.tokyodisneyresort.jp
ขอบคุณข้อมูลจาก asia.nikkei

—————–
Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id: @mushroomtravel

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

ของกินในฮ่องกง ราคาประหยัด 14 ร้าน ร้านไหนฟินร้านไหนเฟล มาดูกัน!



รีวิวนี้เกิดจากประสบการณ์การไปเยือนฮ่องกงถึง 2 ครั้งภายใน 3 เดือน ครั้งแรกไปเป็นกลุ่ม ส่วนครั้งที่สองนี่ฉายเดี่ยวเลยค่ะ ไม่บอกก็คงรู้นะคะว่าประทับใจมากกกก…เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่ครบเครื่องจริงๆ ทั้งเรื่องกิน เรื่องเที่ยว ก่อนจะเดินทางไป เราเคยคิดว่าอยากกลับมารีวิวแบบเต็มๆ แต่ไม่ไหวค่ะ เรื่องข้อมูลการเดินทางเราก็ไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทางด้วย เน้นเดินๆ ตามป้ายบอก (หลงบ้างอะไรบ้าง)
สุดท้ายก็เลยได้มาเป็นรีวิวร้านต่างๆ ที่ได้ไปชิมมา เราอาจไม่ใช่สายกินอะไรมากนัก ร้านก็ดังบ้างไม่ดังบ้าง แต่เงื่อนไขสำคัญสำหรับการเลือกร้านก็จะเป็นเรื่องงบประมาณ คือต้องคุ้มค่า ราคาถูก และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเรากำลังจะไป ใครที่กำลังจะไปเที่ยวฮ่องกงแบบมีงบจำกัดก็น่าจะชอบ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ไม่แพง ตั้งงบกินไว้วันละ 150-200$ สบายมาก
เอาเป็นว่าเริ่มเลยแล้วกันนะคะ…

ของกินในฮ่องกง ราคาประหยัด 14 ร้าน ร้านไหนฟินร้านไหนเฟล มาดูกัน!

ขอแบ่งเป็นโซนต่างๆ จะได้เห็นภาพได้ง่าย เริ่มจากฝั่งเกาลูนก่อนเลยค่ะ

Kowloon

ย่าน Yau Ma Tei

ดูแล้วน่าจะเป็นย่านที่ชอบที่สุดของเราเลยมั้ง เพราะรู้สึกว่าไปกินมาหลายร้านหน่อย คนไม่คึกครื้นเท่าไหร่เวลากินข้าวก็เลยพอจะมีโอกาสหายใจหายคอบ้าง ไม่ต้องเร่งรีบเพราะมีคนรอโต๊ะอยู่ อยู่ใกล้ Temple street กินเสร็จก็ไปเดินย่อยอาหารด้วยการช้อปปิ้งต่อได้เลยค่ะ


Ocean Empire

ร้านโจ๊กชื่อดัง มีหลายสาขา เราชอบไปกินเป็นมื้อเย็น – ดึก เพราะช่วงเช้านี่คิวยาวมากกก โจ๊กร้านนี้เนื้อจะข้นๆ ยังเห็นมีเมล็ดข้าวอยู่ รสชาติกลมกล่อมดีค่ะ แล้วก็จะมีโจ๊กให้เลือกหลากหลายแบบมาก เยอะจนไม่รู้จะเลือกกินอะไร แล้วแต่จะเลือกตามความชอบได้เลย

พิกัดคือ: Yau Ma Tei MTR Station Exit C เดินออกมาจากทางออกก็เลี้ยวซ้ายไปทางร้าน Sasa เลียบถนนสายหลักคือถนน Nathan ผ่านไปหน่อยก็จะเป็นร้านโจ๊กนี้เลยค่ะ เงยหน้ามองป้ายร้านข้างบนไว้จะสังเกตเจอได้ง่าย

แบบแรกเป็นโจ๊กปลาอะไรสักอย่าง (เพราะตอนไปครั้งแรก ไปกันหลายคนก็สั่งมาเยอะแล้วกินด้วยกัน) แต่ด้านบนจะเป็นหนังปลาแห้งๆ ทอดกรอบ ส่วนอีกชามเราเป็นคนกินเอง ครองทั้งชามเลยเพราะหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาหารจืดๆ แล้ว มาเจอโจ๊กซีฟู้ดชามนี้แล้วปลื้มปริ่มมาก เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้อร่อยเลิศเลอขนาดนั้น รสชาติเหมือนโจ๊กแล้วเทน้ำซุปต้มยำใส่ มีเครื่องเคราต่างๆ มาให้ พวกกุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา ฯลฯ แต่มันแซบอ่ะ สำหรับใครที่เที่ยวฮ่องกงมาหลายวันแล้วต้องการอาหารรสจัดบ้าง ชามนี้เติมพลังได้เยอะเลย
นอกจากโจ๊กแล้ว สิ่งที่ทำให้กลับมากินร้านนี้อีกซ้ำๆ ก็น่าจะเป็นเมนูนี้มากกว่า …ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งสด คือแป้งบางๆ บวกกับกุ้งกรุบๆ กรอบๆ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก… ระหว่างที่เขียนรีวิวนี้ก็ยังคิดถึงรสสัมผัสของมันอยู่เลย… คือฟิน ห้ามพลาดค่ะ นอกจากโจ๊กก็มีเมนูอื่นๆ เยอะแยะมากมาย ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้ผักก็อร่อย





ผัดหมี่…อร่อยแบบจืดๆ แต่พอกลับมาไทยแล้วก็มีคนบ่นคิดถึงมันเหมือนกันนะ

ส่วนอันนี้เมนูแบบเป็นเซ็ต เราก็ขอแนะนำเลยค่ะ คุ้มค่าคุ้มราคา กินคนเดียวแทบไม่หมด มีทั้งโจ๊ก ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง ปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ โจ๊กใส่เนื้อปลา ไก่ กุ้ง แล้วก็ลูกชิ้นรวมอยู่ในชามเดียว


สรุปคือเซ็ตนี้อร่อยถูกใจมาก โจ๊กกลมกล่อม เครื่องเยอะ ปาท่องโก๋กรอบแต่ข้างในมันจะมีความเหนียวหนึบนิดๆ ไม่กรอบไปด้วยกันหมด คืออร่อยอ่ะ และน้ำเต้าหู้ก็หอม รสชาติเข้มข้น จริงๆ ร้านโจ๊กที่มีชื่อเสียงของฮ่องกงก็มีหลายร้านในแต่ละย่านต่างๆ กันไป เราก็ไปชิมมาไม่กี่ร้านหรอกค่ะ อาจมีร้านที่อร่อยกว่านี้ก็ได้ แต่สำหรับ Ocean Empire… ไปเที่ยว 2 ครั้ง ก็กินทั้ง 2 ครั้ง และถ้ามีครั้งต่อๆ ไป ก็ยังคงจะไปกินเรื่อยๆ ค่ะ

Hing Kee Restaurant

ร้านข้าวอบหม้อดินในย่าน Yau ma tei ที่ดังๆ นี่ก็จะมี Hing Kee กับ Four Season แต่เราเคยไปกินแค่ Hing Kee ก็เลยไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อยกว่ากัน ตอนที่ไปเที่ยวครั้งที่สองนี่กะว่าจะไปชิมร้าน Four Season เพื่อเปรียบเทียบกันสักหน่อย แต่ก็โดนร้านโจ๊กดักเอาไว้เสียก่อน ออกสถานีรถไฟฟ้ามานี่แทนที่จะเลี้ยวไปทางข้าวอบหม้อดิน ก็ตัดสินใจเลี้ยวไปหาโจ๊กทุกที ป้ายเหลืองๆ มีรูปข้าวอบหม้อดิน และชื่อร้าน Hing Kee Restaurantแบบนี้ไม่ผิดร้านแน่ๆ

พิกัด: Yau Ma Tei MTR Station Exit C ออกมาแล้วเบื้องหน้าของเราก็คือถนน Nathan ซ้ายมือจะเป็นถนนที่ชื่อว่า Man Ming Lane เดินไปตามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายแยกที่สอง คือ Temple Street เดินผ่านไปประมาณ 4 – 5 ร้านก็จะเจอร้านอยู่ทางขวามือค่ะ (รู้สึกว่าร้านนี้จะมีหลายสาขา กระจายตัวอยู่ในช่วงบริเวณนี้)

Chicken & black mushroom with rice pot (36$) ข้าวอบหม้อดินหน้าเห็ดหอมกับไก่ค่ะ เมนูนี้ใช้ได้ เห็ดหอมชิ้นใหญ่มีรสหวานธรรมชาติ น้ำมันจากไก่ซึมเข้าไปอยู่ในข้าวให้มีรสชาตินิดๆ และ Salt fish & pork with rice pot (34$) ข้าวอบหม้อดินหน้าปลาเค็มกับเนื้อหมู…ข้าวอบหม้อดินกับปลาเค็มเข้ากันได้อย่างน่าแปลกประหลาดใจ พร้อมกลิ่นหอมจากขิงด้วย แต่เนื้อหมูเหนียวมากเลย ขอตั้งชื่อให้ว่าหมูพันปีเลยเถอะ ส่วนอีกจานเป็นเมนูเนื้อ (วัวหรือควายก็ไม่แน่ใจ) เราไม่ได้ชิมนะคะ แต่คนที่ไปด้วยกันเขาบอกว่าอร่อย เสียแค่อมน้ำมันไปนิด


สำหรับร้านข้าวอบหม้อดินนี้ 3/4 เสียงบอกว่าไม่เวิร์ค…แต่สำหรับเราแล้วมันก็โอเคอยู่นะ ข้าวอบร้อนๆ โปะหน้าด้วยเนื้อต่างๆ ตามแต่เราจะเลือก มีกลิ่นของข้าวที่ไหม้เกรียมติดขอบด้านในหม้อดิน สรุปว่าด้วยราคาที่เป็นมิตร ก็ถือว่าเป็นเมนูหนึ่งที่ไปถึงฮ่องกงแล้วก็น่าจะไปลองนะคะ
Mido Café

คาเฟ่เก่าแก่ของย่าน Yau ma tei ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังฮ่องกงสมัยก่อนเลยค่ะ ขึ้นไปนั่งบนชั้นสองบรรยากาศดีงาม ร้านไม่ได้สวยหรูนะคะ เก่าๆ แก่ๆ แต่อารมณ์มันได้!

พิกัด: Yau Ma Tei MTR Station Exit C ร้านนี้ก็จะเดินไปได้หลายทางเลยค่ะ คือจะเดินเลียบถนน Nathan แล้วค่อยเลี้ยวไปทาง Tin Hua Temple ร้านจะอยู่ตรงข้ามวัดเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ออก Exit C แล้วเดินไปตาม Man Ming Lane เลี้ยวเข้า Temple Street เดินมาจนสุดถนนร้านอยู่ตรงหัวมุมมองเห็นได้ชัดเจน

สำหรับร้านนี้เคยเห็นรีวิวว่าเมนูเด็ดคือราดหน้าเส้นหมี่กรอบ กับชานม เราก็เลยอยากมาชิมดูบ้าง แต่พลิกดูเมนูภาษาอังกฤษไปๆ มาๆ แล้วก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอันไหนคือราดหน้าหมี่กรอบ สุดท้ายด้วยความหิวเลยได้เมนูนี้มาค่ะ ข้าวผัดหยางโจว อยากลองชิมดูว่าข้าวผัดหยางโจวจะต่างกับข้าวผัดบ้านเรายังไง ผลก็คือว่า……. มันก็ข้าวผัดอ่ะนะ 5555 แต่ก็อร่อยดีค่ะ ข้าวผัดได้แห้ง ร่วน แต่ไม่มัน โดยเฉพาะกุนเชียงหรือหมูแผ่นก็ไม่แน่ใจ ที่เขาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ มาให้ มันจะมีรสหวานเวลากินกับข้าวผัดแล้วก็หวานๆ เค็มๆ ปะแล่มๆ 7 Up + มะนาวดอง หวาน ซ่า เค็ม เปรี้ยว…โอ้โห เดินเที่ยวเหนื่อยๆ แล้วได้เมนูนี้นี่คือสุดยอดมาก

มีอาหารที่ผู้ร่วมทริปสั่งมาคือสปาเกตตีอะไรสักอย่างซึ่งรสชาติพอกินได้ แล้วก็ชานม ซึ่งพอถามว่าชานมเป็นไงบ้าง คำตอบที่ได้รับคือ…มันก็เป็นชานมนะ 555555 สรุปคือเป็นร้านอาหารที่น่าสนใจในย่าน Yau ma tei สำหรับอาหารคิดว่าอร่อยเป็นบางเมนูค่ะ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งคือรู้สึกว่าราคาจะแพงกว่าร้านปกตินิดหน่อย

ย่าน Mong Kok

Sea View Congee

ร้านนี้ถือว่าดีงามด้วย ทำเลใกล้ตึก Sincere House ที่มีเกสต์เฮาส์ราคาถูกอยู่หลายแห่ง เราไปพักที่ Ah Shan Hostel ก็เลยได้ไปชิมร้านนี้เพราะมันอยู่ใกล้ค่ะ ไปเที่ยวกลับมาค่ำๆ ก็เข้าที่พักอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น แล้วค่อยลงมากินโจ๊กให้อิ่มหนำสำราญก่อนนอน ตอนนั้นฟีลลิ่งเหมือนไปกินร้านกับข้าวหน้าปากซอย เพราะไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่ให้อิ่มท้องก็พอ (แต่ถ้าสายช็อปปิ้งยังไม่ยากนอน ก็ไปเดินย่อยที่ Fa Yuen Street หรือ Lady Street Market ก่อนก็ได้ค่ะ)

พิกัด: MTR Mong Kok Exit D2 เดินเลียบถนนสายหลักคือ Argyle Street ข้ามไป 3 ไฟแดง ตรง Fa Yuen Street จะมีเซเว่นอยู่หัวมุม เดินเลยเซเว่นไปอีกนิด แต่ไม่ถึงร้าน Mc Donald’s นะคะ ชื่อร้านจะเป็นตัวหนังสือภาษาจีนสีแดง แต่สังเกตดูได้ว่าหน้าร้านจะมีปาท่องโก๋เรียงโชว์ในตู้ ส่วนใครที่พักตึก Sincere House ทางเข้าตึกจะมีทั้งสองฝั่งคือ Tung Choi St. กับ Fa Yuen St. เราเข้าทาง Tung Choi แต่ออกทาง Fa Yuen ก็มึนเลยสิคะ หลงทิศไปพักหนึ่ง แต่โชคดีที่หาข้อมูลร้านนี้แล้วจำได้ว่าต้องเดินเลยเซเว่นไป

โจ๊กหมูกับปลา เนื้อหมูซอยเป็นเส้นๆ อร่อย ส่วนปลาสไลซ์บาง แต่ติดก้างมาด้วยเลยรู้สึกไม่โอเคกับเนื้อปลา โจ๊กร้านนี้เนื้อจะไม่ข้นเท่า Ocean Empire เป็นโจ๊กใสๆ ซอฟต์ๆ แต่เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน รสชาติกลมกล่อม คงแล้วแต่ว่าจะชอบเนื้อโจ๊กแบบไหน เราคิดว่าอร่อยไปคนละอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง (30$) กุ้งตัวโต เนื้อแน่น แต่ร้านนี้แป้งจะหนากว่าร้านโจ๊กม่วงนะคะ แล้วก็เหมือนจะมีกลิ่นข้าวแป้งอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็อร่อยดีค่ะ
โดยรวมถือว่าอร่อยเกินคาด โดยเฉพาะโจ๊กถือว่าดีมาก เมนูโจ๊กและของกินอื่นๆ จะราคาแพงกว่า Ocean Empire สาขา Yau ma tei ประมาณ2-3$ แต่เข้าใจว่าเป็นเพราะทำเลที่ดี

ย่าน Jordan

New Forest Restaurant

จริงๆ ไม่อยากจะรีวิวร้านนี้เลยให้ตายสิ…แต่ก็ถือว่าเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราก็แล้วกันเนอะ ความผิดพลาดนั้นก็คือ การเตรียมตัวหาข้อมูลเรื่องของกินควรจะมีแผนสำรองไว้เสมอ ถึงแม้จะออกตัวแล้วว่าเราไม่ใช่สายกิน แต่ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าทุกมื้อจะต้องเป็นร้านที่ควรค่าแก่การไปชิม วันนั้นเลยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไป Australia Dairy Company ซึ่งเป็นอีกร้านหนึ่งที่มีชื่อเสียงของย่าน Jordan จะไปชิมไข่คนที่ขึ้นชื่อว่าหอม อร่อยสุดๆ อันนี้คือตั้งใจมากินเลยนะ กว่าจะหาร้านเจอก็หลงทางนิดหน่อย แต่ Google map ก็ช่วยนำทางให้มาเจอจนได้ ป้ายแบบนี้ใช่เลย แต่พอเลื่อนสายตาดูคนที่เข้าแถวรออยู่หน้าร้าน…หางแถวอยู่ไหนหนอ? แม่เจ้า! คนเข้าแถวยาวเป็นกิโล

หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว ถ้ามัวแต่รอคิวนี่คงจะไม่ได้ไปเที่ยวไหนแล้ว เราก็เลยตัดสินใจหาอะไรแถวนั้นกินดีกว่า ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่พลาดมาก เพราะย่าน Jordan เนี่ยมีร้านอาหารเยอะนะ แต่ด้วยความที่ไม่มีแผนสำรอง ตั้งใจมากิน Australia Dairy Company อย่างเดียว ไม่ได้หาข้อมูลร้านเด็ดร้านดังในย่านนี้อีก ก็เลยเลือกร้านที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั่นแหละ กะว่ากินเสร็จก็เข้า MTR Jordan เที่ยวต่อเลย

พิกัด: MTR Jordan Exit C2

บะหมี่อะไรสักอย่าง ราคาประมาณ 40$ รวมเครื่องดื่มคือชานม หรือกาแฟ แล้วแต่เราจะเลือก จริงๆ เส้นบะหมี่มันอร่อยนะคะ เหนียวนุ่มดีมาก แต่ด้วยความที่น้ำซุปมันไม่อร่อยเลยอ่ะ รสชาติแปลกๆ ไม่มีความกลมกล่อม อาจเป็นเพราะผักดองที่ใส่มาให้ ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นผักอะไรแน่ 555 ก็ทนกินได้แค่บะหมี่ครึ่งหนึ่ง และแฮม 2 แผ่นที่โปะมาข้างบน เครื่องดื่มที่อยู่ในเซ็ตด้วยกัน เราเลือกเป็นชานม ซึ่งถือว่าอร่อยสุดแล้ว ถือว่ามีชานมกู้หน้าขึ้นมาได้ละกัน
ที่เลือกร้านนี้เพราะเห็นเมนูตัวอย่างข้างหน้าร้านแล้วก็ดูน่ากินดีนะ คนก็เกือบเต็มอยู่เหมือนกัน บางทีอาหารบางอย่างมันก็อาจจะอร่อยดีก็ได้นะ อย่างพวกขนมปัง ไข่ดาว เราอาจพลาดเองที่สั่งเมนูนี้

ย่าน Wong Tai Sin

Red ant restaurant @ Temple Mall

สำหรับใครที่เดินทางไปไหว้พระที่วัด Wong Tai Sin ก็ไปหาอะไรกินที่ห้าง Temple Mall ได้นะคะ เพราะสะดวกมาก เดินโผล่มาจากทางออก MTR ทางเดียวกับที่ไปวัดก็เห็นเลย เราไปไหว้พระตอนสายๆ ออกจากที่พักมาก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย ไหว้เสร็จก็เดินเข้าไปหาของกินในห้าง ด้านในมีร้านค้าหลากหลายแต่ช่วงสิบโมงกว่าๆ นี่ก็ยังเปิดไม่ครบทุกร้าน ก็เจอร้านนี้แหละที่รู้สึกว่าน่าจะโอเคเพราะดูเมนูแล้วราคาไม่แพง

พิกัด: เดินเข้าประตูห้างฝั่งที่ใกล้กับวัด น่าจะชั้น 2 หรือชั้น 3 นี่แหละ ไม่ไกลจากบันไดเลื่อนค่ะ (แนะนำว่าแถวๆ บันไดเลื่อนมันจะมีเครื่องค้นหาร้านต่างๆ ว่าตั้งอยู่โซนไหน ลองพิมพ์ชื่อร้านดูแล้วน่าจะได้รับพิกัดที่ถูกต้องนะ เพราะเราไปเจอร้านนี้โดยบังเอิญก็เลยจำไม่ค่อยได้)

แสงไฟเหลืองซะ ถ่ายรูปออกมาแล้วดับเลย แต่จริงๆ อร่อยนะคะ เป็นเซ็ตอาหารเช้า ราคามีตั้งแต่ 28$-30$-33$ ไม่แพงเลยค่ะ ราคานี้รวมเครื่องดื่มด้วย ชาเลมอน เลือกได้ว่าจะเอาร้อนหรือเย็น แต่ถ้าเป็นแบบเย็นต้องเพิ่มเงินค่าน้ำแข็งอีก (น่าจะ3$) อันนี้เราชอบมาก รู้สึกว่าเป็นชาเลมอนที่อร่อยสุดเลย

สรุปคือเป็นร้านที่สะดวก และอร่อย ราคาไม่แพง ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างวัด Wong Tai Sin ด้วยค่ะ


ย่าน Diamond Hill



ถัดจาก Wong Tai Sin station มาอีกสถานีเดียว สถานที่น่าสนใจก็คงจะเป็นวัดนางชี Chi Lin Monastery หรือสวน Nan Lian Garden ติดกับสถานี Diamond Hill มีห้าง Plaza Hollywood เดินไปหาของกินได้สบายๆ

Xpress teppanyaki @ Plaza Hollywood

ร้านนี้ตั้งอยู่ติดกับ Food Republic ถ้าไม่อยากกินร้านนี้ในฟู้ดคอร์ทก็มีของกินหลากหลายนะคะ มีร้านอาหารไทยด้วย แต่เดินๆ ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรเตะตาเลยจบที่ร้านนี้ซึ่งเราหมายตาไว้แต่แรก ตอนเราไปคนไม่เยอะแบบในรูปนะคะ อาจเพราะไปตอนสายๆ ก่อนเที่ยง ก็เลยยังไม่มีใครเขากินกัน ในร้านไม่มีลูกค้าอยู่เลย แอบคิดในใจว่าจะอร่อยไหมเนี่ยเพราะร้านว่างซะขนาดนี้ แต่สักพักก็มีคนทยอยมาเรื่อยๆ นะคะ ดีซะอีกที่เราไม่ต้องรอนาน

พิกัด: Diamond Hill MTR Station, Exit C2 ชั้น 3 Plaza Hollywood (เดินตามป้าย Food Republic)

เราได้นั่งตรงที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์ให้เชฟทำอาหารให้ดูต่อหน้าเลยค่ะ เขาก็จะเอาแผ่นฟอยล์มาวางไว้ให้เป็นอันดับแรก ช่วงกลางวันมี Lunch Set ซึ่งจะรวมข้าว / ซุป / ผัดปลาหมึกกับกุ้ง / ผัดผัก / และเครื่องดื่ม เมนูมีให้เลือกประมาณ 8 อย่าง ทั้งเนื้อวัว หมู ไก่ ประมาณนี้ค่ะ ราคาตั้งแต่ 58$-152$ เมนูที่เราเลือกคือ… Chicken Steak Set (72$) เริ่มจากผัดผัก…บอกเลยว่ามันอร่อยมาก ไม่ใช่แค่ผัดจืดๆ เลี่ยนๆ แต่มันมีความหวาน ไม่แน่ใจว่าจากผักหรือเป็นเพราะน้ำที่เขาราดลงไปตอนผัด (แต่มันก็ดูใสๆ เหมือนน้ำเปล่ามากเลยนะ) ทำเอาคนที่ไม่ค่อยชอบกินผักอย่างเรายังต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีจริง ตรงกลางเป็นปลาหมึกกับกุ้งค่ะ อันนี้น่าจะผัดเหมือนกันแต่เป็นแนวเผ็ดๆ แซบมาก พริกและกระเทียมเยอะ รสชาติแบบนี้ยังไม่เคยลิ้มรสจากร้านไหนในฮ่องกงเลย ส่วนสเต๊กไก่จะหั่นมาเป็นชิ้นๆ เครื่องปรุงรสต่างๆ ซึมเข้าไปในทุกอณูเนื้อ และไก่ก็นุ่มมาก กินกับข้าวร้อนๆ….อื้มมม (เราขอปาดน้ำลายแป๊บ) มีข้าวและซุปที่รวมอยู่ในเซ็ต น้ำซุปจะเป็นแบบมีรสเปรี้ยวนิดๆ

Sliced Beef Set (58$) ที่กองตรงกลางนั้นคือเต้าหู้ที่สั่งเพิ่มมาเป็นพิเศษ อันนี้ก็อร่อย

ร้านนี้ประทับใจมาก กลับมาแล้วก็ยังคิดถึงและอยากไปกินอีกค่ะ

Tsim Sha Tsui


Honeymoon dessert @ Harbour City


สำหรับเรื่องของหวานต้องยกให้ร้านนี้จริงๆ มีสาขากระจายตัวอยู่มากมายตามแต่ใครจะสะดวกตรงไหน จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจตามหาร้านนี้เลยนะ แต่ไปเจอโดยบังเอิญก็เลยลองเสียหน่อย เป็นสาขาเล็กๆ ใน Cooked Deli by city’ super (คล้ายๆ ฟู้ดคอร์ทที่รวมของกินมากมาย ทั้งของคาวของหวาน)


พิกัด: cookedDeli by city’super, Harbour City, 17 Canton Road, Tsim Sha Tsui (อยู่ไม่ไกลจาก city’super เป็นโซนเดียวกันเลยค่ะ เดินตามป้าย city’super น่าจะหาง่ายกว่า แต่รู้สึกว่าที่ Harbour City ก็มีสาขาที่เป็นร้านจริงๆ เลยนะ อันนี้เป็นแค่เคาน์เตอร์เล็กๆ หรือไม่อย่างนั้นสาขาที่นองปิงก็มีค่ะ…ลองดูสาขาที่คุณสะดวก)
เครปมะม่วง ราคาประมาณสามสิบกว่าเหรียญ แต่ควรค่าในการลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต! ทางร้านมีของหวานอย่างอื่นด้วย แบบที่เป็นคล้ายๆ สาคูก็มี แต่เราเป็นคนชอบเครปแบบนี้อยู่แล้ว ตอนแรกสั่งแบบที่ข้างในเป็นกล้วยหอม เพราะเราชอบกล้วยหอมเป็นพิเศษ แต่พอดีว่าวันนั้นหมดเลยได้เป็นมะม่วงมาแทน แป้งเครปบางและนุ่ม ครีมข้างในก็อร่อย ส่วนมะม่วงก็หวานอร่อยมากเลย ค่อยๆ ละเลียดกินแบบไม่อยากให้หมดเลยแหละ ถือว่าดีงามมากค่ะ

Hong Kong Island

ร้านในฝั่งเกาะฮ่องกงเราเคยไปชิมมาแค่ 2 ร้านนะคะ อาจเพราะไม่ได้พักฝั่งนี้ แล้วเวลาเราข้ามมาเที่ยวก็กินข้าวจากฝั่งเกาลูนมาเรียบร้อย เลยไม่ค่อยมีประสบการณ์มากเท่าไหร่

ย่าน Sheung Wan

Dim Sum Square
เนื่องจากมีความคิดว่าอยากกินติ่มซำที่ราคาไม่แพง และที่สำคัญต้องอยู่ในฝั่งฮ่องกงเพราะวันอื่นๆ ที่เราเที่ยวฝั่งเกาลูน ลิสต์เมนูร้านอาหารเราเต็มหมดแล้ว คือคิวเต็มหมด เหลือมื้อนี้มื้อเดียวแหละที่จะต้องกินติ่มซำให้ได้ ค้นหาข้อมูลไปๆ มาๆ เลยมาเจอร้านนี้ อยู่ใกล้สถานี Sheung Wan เดินทางสะดวก จากทางออกสถานีรถไฟฟ้าก็เดินมาไม่ไกล

พิกัด: Sheung Wan MTR Station, Exit A2 เดินตรงไปบน Hillier Street เรื่อยๆ ร้านตั้งอยู่หัวมุมถนน Jervois Street

ตอนที่เราเดินทางไปถึงเป็นช่วง 13.00 -14.00 แล้ว แต่คนก็ยังเยอะอยู่ คิวข้างหน้าไหลไปเรื่อยๆ ข้างหลังก็ยังมีมาเพิ่มอีก ด้วยความหิวก็มีโอดโอยในใจบ้าง อยากเลี้ยวออกจากแถวไปร้านบะหมี่ที่เพิ่งเดินผ่านมาจังเลย…แต่เพื่อติ่มซำเราก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ สุดท้ายก็ได้โต๊ะนั่งเสียที สั่งมา 3 อย่าง จริงๆ อยากสั่งมาชิมให้มากกว่านี้นะคะ แต่ตอนนั้นไปคนเดียว อันดับแรกที่มาถึงก่อนใครเลย ซาลาเปาไส้หมูแดงค่ะ (18$) เป็นซาลาเปาที่อร่อยมากกกกก…ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เนื้อแป้งแน่นๆ หน่อย ไม่ได้โปร่งบางละลายในปาก รสชาติออกหวาน ซึ่งมันตัดกับซอสหมูแดงข้างในที่เค็มนิดๆ ไส้ซาลาเปาเข้มข้นมากแล้วหมูก็นุ่มสุดๆ ตอนเราแบ่งครึ่งนะจะเห็นไส้อัดแน่นอยู่ข้างใน โอ๊ยฟินมาก ตอนนั้นเหมือนเห็นประกายระยิบระยับ (เวอร์ 5555)

อันดับต่อมา… ฮะเก๋า (Shrimp Cristal Dumplings ‘Ha Gao’ 26$) 4 ลูกโตๆ เลยค่ะ ไม่ได้เล็กนะ เพราะเข่งที่เห็นนี่ก็ใหญ่เกือบเท่าจานข้าวอ่ะ กุ้งข้างในกรุบๆ กรอบๆ อร่อยดีมาก ทำเอาฟินได้อีก คำเตือน: ควรกินตอนมันยังร้อนๆ ไม่อย่างนั้นก็เอาเข่งอื่นทับเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ รู้สึกว่าพอตัวฮะเก๋ามันโดนแอร์ในร้านแล้วแป้งด้านบนที่โดนอากาศมันจะออกเหนียวๆ หน่อย (คือคำแรกที่เรากินตอนเพิ่งมาถึงใหม่ๆ มันไม่เป็นน่ะ) ขนมจีบ (Crab, Pork, and Shrimp Dumpling ‘Siu Mai’ 23$) รวมๆ มาหลายอย่าง แยกแยะไม่ค่อยได้ว่าอันไหนเป็นอะไรเพราะรสชาติไม่ต่างกันมาก รู้แต่ว่ามีชิ้นหนึ่งที่เป็นขนมจีบกุ้ง แต่ก็คืออร่อยค่ะ (ถ้าเฉพาะจีบกุ้งรู้สึกว่าจะแพงกว่านี้อีกนิดหน่อยประมาณ2-3$)

สำหรับร้านนี้โดยรวมก็คืออร่อยทุกอย่าง แต่เราชอบซาลาเปาหมูแดงเป็นพิเศษเลยค่ะ นอกจากนี้ระหว่างที่กินก็มีสาวฝรั่ง(สวยมาก)คนหนึ่งมาแชร์โต๊ะด้วย เห็นเขาสั่งซาลาเปาลาครีมลาวา กับเสี่ยวหลงเปา ซึ่งก็ดูน่ากินไม่แพ้กัน เรื่องอาหารต้องยอมรับว่าดี แต่ที่เรารู้สึกไม่ค่อยโอเคสำหรับร้านนี้คงจะเป็นเรื่องการบริการ…บอกก่อนเลยว่าเราไปกินทุกร้านที่ฮ่องกงไม่เคยหวังว่าจะต้องดูแลดีอะไร ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง สั่งของกินมาได้ไม่ลำบากก็โอเคแล้ว กับที่นี่มันก็ดำเนินมาอย่างราบรื่นจนกระทั่งใกล้จะกินเสร็จ เราเหลือแค่ซาลาเปาลูกหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะอิ่มมากแค่ไหนด้วยความเสียดายก็ยังพยายามจะกินให้หมดนะ

กลุ่มสาวเกาหลีที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กินเสร็จแล้วแต่ก็ยังนั่งเม้าท์มอยกันอยู่ ลุงที่เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านก็มาบอกพวกนางให้ไปเช็คบิลล์ได้แล้วเพราะมีคนรอคิวอยู่ ก็พูดเสียงดังแบบแข็งๆ อ่ะนะ ไม่ได้อัญเชิญออกจากร้านแบบนุ่มนวลอะไร หลังจากนั้นลุงก็หันมากดดันเราที่กำลังดื่มชาอยู่บ้าง คือพูดเป็นจีนกวางตุ้งนะ จับใจความได้แค่ “ฉา” บวกกับภาษากาย เราก็พอเข้าใจได้ว่าหมายถึงดื่มชาเสร็จแล้วก็ให้ไปคิดเงินเลย (ในสถานการณ์แบบนั้นลุงแกคงไม่ได้หมายความว่าจะเติมน้ำชาไหม่หรอกเนอะ – -“) เลยจำเป็นต้องตัดใจจากซาลาเปาหมูแดง ออกจากร้านมาเห็นคนรอคิวอยู่ประมาณ 3-4 คนเท่านั้นเอง คือเข้าใจที่ลุงไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอคิวนาน แต่พอโดนไล่ให้รีบจ่ายเงิน รีบออกมา มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเฟลนะ เพราะเราก็กำลังกินอยู่ ไม่ได้นั่งเอ้อระเหยลอยชายให้เปลืองพื้นที่เขา เดินออกมาก็ยังคิดอยู่ว่าผิดที่ฉันกินช้าเกินไปใช่ไหม? พยายามจะไม่ดราม่านะ เพราะเรารีวิวของกินใช่มะ 5555 โดยสรุปสำหรับเราอาหารร้านนี้อร่อยค่ะ แต่ถึงจะอร่อยแค่ไหน ก็คงไม่กลับไปกินอีกล่ะค่ะ ไปหาร้านอื่นที่เขาเต็มใจบริการดีกว่า (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ)

Teakha
Café น่ารักในย่านฮิปสเตอร์ POHO มีบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง พนักงานน่ารักทุกคน


พิกัด: Shop B, 18 Tai Ping Shan Road, Sheung Wan ดูวิธีการเดินทางโดยละเอียดได้จากเว็บไซต์ของร้าน http://teakha.comคลิกตรงคำว่า How to access teakha I – Sheung Wan ?

วันนั้นที่ไปมีแต่วัยรุ่นฮ่องกงทั้งนั้นเลยค่ะ เป็นกลุ่มเพื่อนที่มานั่งชิลล์กินขนม และนั่งเม้าท์กัน แต่เราดันไปคนเดียวนี่สิ และที่สำคัญแบตฯ มือถือใกล้จะหมด พอถ่ายรูปได้ 2-3 รูปหน้าจอดับคาที่เลย…ถ้าไปกับเพื่อนมันคงจะดีไม่น้อยเลยแหละ ที่ร้านมีทั้งขนมหวานและเครื่องดื่มค่ะ แต่ละอย่างก็น่ากินๆ ทั้งนั้นเลย ราคาประมาณ 4x$ ขึ้นไป อาจจะไม่ตรงตามจุดมุ่งหมายของเราที่เน้นเรื่องความประหยัด แต่ก็ถือว่ารับได้ (หลังจากอยู่ฮ่องกงมาหลายวัน พยายามคิดเสียว่ามันคือจำนวนบาทค่ะ อย่าคูณเป็นเงินไทยแล้วจะใช้จ่ายสบายใจขึ้น 5555)

เครื่องดื่มที่เราสนใจคือชาค่ะ มีทั้งชาจีน ชาอินเดีย ชาเย็นของไทยก็มี แต่สุดท้ายก็สั่งมาแบบง่ายๆ Green tea blossom (60$) น่าจะชื่อนี้นะ เป็นชาเขียวมะลิแบบที่เรียกว่าชาดอกไม้บานค่ะ คือใบชาและดอกไม้จะถูกอัดให้แห้ง พอโดนน้ำร้อนแล้วมันก็จะบานออกมา (เคยเห็นคลิปมันบานสวยมากเลย แต่อันนี้รู้สึกว่ายังไม่ค่อยสวย) ทางร้านมีรายละเอียดบอกที่มาของชาแต่ละเมนูว่ามาจากไหน ทั้งจีน อินเดีย ศรีลังกา ฯลฯ แต่อันนี้เห็นว่าเป็นชาที่ปลูกในฮ่องกง เพิ่งรู้ว่าที่ฮ่องกงมีปลูกชาด้วย หรือเราอ่านผิดไป? กลิ่นหอมชา และดอกมะลิ คือหอมแบบธรรมชาตินะคะ ไม่ใช่สังเคราะห์มาซะกลิ่นฉุนเลย ชาดี…บรรยากาศดี แต่เนื่องจากชาแช่อยู่ในกาน้ำตลอด ช่วงหลังๆ เลยรู้สึกว่าขมไปหน่อย เสียดายที่ตักชาออกให้มันคงรสชาติเหมือนแก้วแรกๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเพอร์เฟคเลย

สำหรับร้านนี้ต้องขอขอบคุณคำแนะนำจากเพจ Eat like 852 ได้ลิสต์มาหลายร้านเลย ไว้คราวหน้าจะไปตามดื่มชาร้านอื่นด้วย แต่คราวนี้ขอเป็น Teakha ก่อนเพราะสะดวกสุด เสียดายที่แบตฯ หมดทั้งกล้องถ่ายรูป และกล้องมือถือ แต่ร้านนี้มีดีมากกว่าที่คุณเห็นแน่นอน คะแนนใน Open Rice ได้รับความนิยมมาก ใครที่พอมีเวลาอยากจะหาร้านนั่งสบายๆ ปล่อยให้เวลาเดินช้าลงแล้วซึมซับบรรยากาศฮ่องกงไว้ ก็ลองดูนะคะ

Lantau Island

Hong Kong International Airport

ร้านอาหารในสนามบิน ใครคิดว่าไม่สำคัญ จริงๆ มันเป็นสถานที่สำคัญเลยนะ อย่างเช่นตอนจะกลับ ส่วนตัวเราคิดว่าเผื่อเวลาไว้เยอะๆ มาเช็คอินหรือโหลดกระเป๋าที่สนามบิน เสร็จแล้วค่อยไปหาของกินหรือช้อปปิ้ง มันจะโอเคกว่ามาก (แต่ถึงจะเผื่อเวลาไว้แล้วก็ยังต้องกระหืดกระหอบไป Gate ทุกที เพราะลืมว่าต้องรอคิว และรออาหารอีก)

Mc Donald’s

ถ้าไม่รู้จะกินอะไร หรือเช้ามาก / ดึกมาก ร้านอื่นปิดหมดแล้ว ถามหาแม็คเลยค่ะ 555 อย่าดูถูกว่าแม็คที่ไทยก็มี ไปฮ่องกงแล้วจะกินทำไม จริงๆ เมนูมันต่างกันนะ และราคาก็เป็นมิตรด้วย

พิกัด Level 5 Arrivals Meeters & Greeters Hall, Terminal 1 ร้านเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ดึกดื่นแค่ไหนก็ยังมีคนตลอด ช่วงเช้านี่คิวยาวมากกกกก แต่ก็รวดเร็วดีนะคะ ตอนเราไปได้สั่งกับพนักงานวัยรุ่นผู้ชาย สำเนียงภาษาอังกฤษฟังยากมาก เราก็ไม่ได้เก่งอังกฤษด้วยนะ รู้พอเอาตัวรอดได้เท่านั้น เลยมีปัญหาด้านการสื่อสารนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ได้กินนะ

เซ็ตนี้จำราคาไม่ได้ แต่ก็น่าจะไม่แพง ข้างล่างเป็นแพนเค้กสองชิ้น อร่อยสุด รองลงมาก็ไข่คน แต่แอบเย็นชืดไปหน่อยสงสัยทำเผื่อไว้นาน ขนมปังเฉยๆ ค่ะ ส่วนสเต๊กเนื้อบดนั่นไม่รู้ว่าเนื้ออะไรแต่กลิ่นเครื่องเทศแรงมาก ในซองสีฟ้าๆ คืออะไรไม่รู้อีกเหมือนกัน รสชาติมันๆ

สรุปคือก็พอใช้ได้ค่ะ คือมันกลางๆ น่ะ ไม่อร่อยแต่ก็ไม่เลวร้าย

Café de coral
ร้านฟาสต์ฟู้ดที่มีทั้งอาหารแบบตะวันออกและตะวันตก

พิกัด Level 7, East Hall, Departures, Terminal 1 Hong Kong International Airport, Chek Lap Kok เจอร้านนี้เพราะเดินๆ เลือกร้านอาหารอยู่ในสนามบินด้วยความที่ไม่รู้จะกินอะไร ขณะที่กำลังคิดว่าจะกลับไปกินแม็คอีกมื้อดีไหม สายตาก็เหลือบไปเห็นทางเข้าร้านนี้ซึ่งค่อนข้างอยู่ลับตาสักหน่อย เลยเดินไปดูเมนูหน้าร้าน มีหลากหลายมาก จะเป็นแนวไส้กรอกขนมปัง ข้าว โจ๊ก มีหมด น่ากินทุกอย่างเลย ราคาก็ไม่แพง เลยตัดสินใจกินร้านนี้แหละ พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ มีเป็นเซ็ตให้เลือกก็บอกชื่อเซ็ตได้เลย

สเต๊กไก่ เนื้อไก่นุ่มรสชาติอร่อย มีซอสราดมาให้นิดหน่อยด้วย ไส้กรอก ครัวซองต์ก็ดีนะคะ แล้วยังมีไข่มาให้ 2 ฟอง …จะกินยังไงไหวคะ ชานมร้อนต้องเติมน้ำตาลอีกสองซองเล็ก (มาก) แล้วก็พอดีเลยค่ะ แต่เราไม่ชอบหวานเลยนะยังต้องใส่ตั้ง 2 ซอง คนชอบหวานจะขนาดไหน

สุดท้ายก็กินไม่หมดจริงๆ เหลืออย่างละนิดละหน่อย แต่โดยรวมคืออร่อยทุกอย่าง เราไม่รู้ว่าเมนูอื่นอย่างพวกข้าวอะไรนี่จะอร่อยไหม ถ้าได้กลับไปฮ่องกงอีกก็ยังอยากกินสเต๊กไก่นี่อีกครั้งค่ะ

Hung’s Delicacies

อาจจะไม่ได้ราคาถูกมากแต่รับรองว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน ถ้าถามหาร้านอร่อยในสนามบินฮ่องกงก็อยากจะแนะนำร้านนี้เลยค่ะ เห็นว่าเป็นร้านที่ได้รับ Michelin star ด้วยนะ แต่เป็นสาขาอื่นไม่ใช่สาขาสนามบิน แต่เจ้าของเดียวกันรสชาติก็คงไม่ต่างกันมาก (มั้ง)


พิกัด 3P116-117, Level 3, Sky Plaza, Terminal 2, HK International Airport

มีทั้งเป็ดย่าง ห่านย่าง หมูกรอบ หมูแดง ฯลฯ แนวอาหารจีนนี่แหละค่ะ เมนูเด็ดน่าจะเป็นห่านย่าง แต่เราไม่โอเคกับห่าน (แพงด้วย) เลยสั่งเป็นไก่มาแทน ไก่ต้มเนื้อนุ่ม ราดซีอิ๊วนิดหน่อยแล้วโปะหน้าด้วยกระเทียมเจียว เนื้อไก่จริงๆ จะจืด รสชาติจะอยู่ที่ซอสกับน้ำมันเจียวหอมมากกว่าค่ะ เค็มๆ มันๆ กินกับข้าวแล้วฟินมาก อีกเมนูเป็นเต้าหู้ค่ะ เนื้อนิ่ม รสชาตินุ่ม

ผักกาดลวก สั่งมาไว้แก้เลี่ยนน่ะค่ะ แต่มีกระเทียมเจียวมาให้ด้วย กินแบบจิ้มน้ำมันนี่ก็อร่อย (ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้เลี่ยนหรือทำให้เลี่ยนกว่าเดิม) กาแฟเย็นรสชาติธรรมดามาก อันนี้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ข้าวถ้วยเล็กแต่จัดมาพูนเลย กินเกือบไม่หมด

สนนราคามื้อนี้น่าจะประมาณ 2xx แต่ก็กินกันได้ถึงสามคนค่ะ ลองหารดูราคาแล้วก็ไม่แพงจนเกินไป เรียกว่าเป็นมื้อส่งท้ายที่สนามบินที่ประทับใจมาก

New Territories

สุดท้ายเป็นเขต New Territories ซึ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยมีคนเที่ยวเท่าไหร่ (เท่าที่ดูจากกระทู้เที่ยวฮ่องกง) ยกเว้นวัดกังหันหรือ Che Kung Temple ที่โด่งดัง เพราะนั่งรถไฟใต้ดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว อยู่ไม่ไกลจากสถานที่เที่ยวอื่นด้วย แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ และอยากสัมผัสความเป็นฮ่องกงจริงๆ การออกมาเที่ยวนอกเมืองก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ ที่แยกมาเป็นอันดับสุดท้ายเพราะมันไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็อยากบอกเล่าเผื่อจะมีคนสนใจ

ย่าน Tai Po Market

“ทำไมต้องไป Tai Po Market?” หลายคนอาจจะสงสัย เนื่องจากเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยไปกัน เพราะอาจต้องเสียเวลาเดินทางด้วยรถไฟ KCR สายสีฟ้า คือสายที่ไปเซินเจิ้นนั่นแหละค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างก็อาจจะเป็น Lam Tsuen Wishing Tree วัดที่โยนผลส้มเพื่ออธิษฐานขอพร มีพิพิธภัณฑ์รถไฟฮ่องกงด้วย หรือตลาดท้องถิ่นอย่าง Tai Po Market

Uo-Show 魚尚

ที่ร้านมีอาหารญี่ปุ่นทั้งแบบซูชิและซาซิมิ มีให้เลือกเยอะเลยค่ะ แซลมอนซาซิมิก็ดูสดน่ากินมากเลย ถ้าใครผ่านมาแถว Tai Po อย่าลืมแวะซื้อข้าวปั้นที่ร้านนี้นะคะ แนะนำเลยค่ะ

พิกัด ร้านตั้งอยู่ที่ Shop 12, Tai Po Market MTR Station, Tai Po (Exit A3)

ข้อเสียของร้านนี้คือไม่มีที่นั่งให้ ส่วนเราซื้อแบบเล็กๆ พกใส่กระเป๋า แล้วรีบขึ้นรถมินิบัสไปวัดเจ้าแม่กวนอิมต่อค่ะ ไส้ข้างในเป็นแซลมอน ไข่หวาน และแตงกวา อร่อยมากเลยค่ะ แซลมอนก็ให้มาแบบพอดี ไม่น้อยจนเกินไป ไม่อยากจะนึกว่าถ้าได้ปลาดิบทั้งแผงจะฟินแค่ไหน

ข้อมูลเพิ่มเติม; Tai Po Market Station ถึงจะขึ้นชื่อว่า Tai Po Market แต่ไม่ได้อยู่ติดตลาดเลยนะคะ ถ้าคิดจะไปเดินเที่ยวตลาดนี่ต้องต่อรถไปอีกที แต่ถ้าพอมีเวลาก็ลองไปดูได้นะคะ เห็นว่ามีร้านอาหารซึ่งเป็นที่นิยมอยู่หลายร้านเหมือนกัน ส่วนใครที่อยากหาอะไรนั่งกินแบบสบายๆ หน่อย ก็เห็นจะเป็นที่ห้าง Up Town plaza นี่แหละค่ะที่สะดวกสุด เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย สรุป Exit A3 ทางเดียวอยู่ เยื้องทางซ้ายมือเป็นร้านข้าวปั้น ขวามือคือทางเข้า Up Town plaza ตรงไปเป็นทางลอดไปยังจุดจอดมินิบัส ไม่ต้องไปไหนไกลก็อิ่มเลยละค่ะ

หลากหลายเมนูที่ได้ไปชิมมา ถูกบ้าง แพงบ้าง มีทั้งอร่อยและไม่อร่อย ขุมทรัพย์ในฮ่องกงยังมีอีกมากมายนัก ไม่สามารถไปตามล่ามาได้จนครบจริงๆ ใครเคยไปกินร้านไหนมาบ้าง? หรือมีร้านเด็ดก็อย่าลืมเล่าสู่กันฟังบ้างสิคะ เผื่อคราวหน้าเราจะได้ไปบ้าง

เครดิตรูปภาพ Open rice, เว็บไซต์สนามบินฮ่องกง

ขอบคุณรูปภาพอาหารส่วนใหญ่จากพี่สาวผู้ร่วมทริปที่คอยถ่ายรูปเอาไว้ตอนที่ข้าพเจ้าหิวจนตาลาย ไม่สนใจถ่ายรูปอะไรทั้งนั้น…ขอบคุณคนอ่านมากนะคะ

เห็นมั้ยคะว่าฮ่องกงไม่ได้มีแต่ของแพงๆเสมอไป  คุณเองก็สามารถหาของกินอร่อยๆราคาสบายกระเป๋าได้ง่ายแสนง่าย เพราะฉะนั้นหากอยากเดินทางไป ก็ไปได้เลยค่ะ ใกล้ๆแค่นี้เอง หรือลองแวะมาดูโปรแกรมกันก่อนได้ที่ MushroomTravel/Hongkong นะคะ