วัดลามะ หรือ วัดยงเหอกง วัดใหญ่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในกรุงปักกิ่ง และเป็นหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายทิเบตอันลือชื่อ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1694 มีตำหนักต่างๆ กว่า 1,000 ห้อง สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1694 เดิมเป็นตำหนักที่ประทับของจักรพรรดิหย่ง เจิ้น หรือ องค์ชายสี่ ผู้เป็นพระราชบิดาของจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง หลังจากพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ได้ยกตำหนักนี้ให้เป็นเสนาสนะสงฆ์ในปีค.ศ. 1744 ครั้นถึงรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ที่นี่ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของพุทธศซาสนานิกายหมวกเหลืองแบบทิเบตที่ นอกกรุงลาซา
วัดลามะ เป็นวัดใหญ่มีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ปัจจุบันมีพระลามะอาศัยอยู่ราว 200 รูป มาเที่ยววัดนี้ เขาถือโชคลางนะจ๊ะ เมื่อคุณเห็นธรณีประตูค่อนข้างมาก ต้องเดินก้าวเท้าซ้ายยาวๆ สูงๆ ข้ามธรณีประตู เพราะเขาเชื่อว่าจะทำให้ได้เงินเป็นจำนวนมาก บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างร่มรื่น เชิญนมัสการพระพุทธรูปอารยเมตไตรย์ที่งดงามและสูงถึง 23 เมตร โดยเชื่อกันว่า เป็นงานแกะสลัก จากไม้จันทน์องค์ใหญ่ที่สุดในโลกและได้ถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ค ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาหมื่นสุข “ว่านฟู่เก๋อ”
เวลาเปิด - ปิด : เมษายน - ตุลาคม เวลา 09.00 - 16.30 น. พฤศจิกายน - มีนาคม เวลา 09.00 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม : 25 หยวน ค่าบริการชุดหูฟังพร้อมแผนที่นำเที่ยวอิเล็กทรอนิกส์ : 20 หยวน ค่ามัดจำ 100 หยวน
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินที่สถานี Yonghe Gong
พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้ง
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง เป็นการแสดงหุ่นที่เล่าเรื่องแต่ละราชวงศ์ที่ปกครอง ในการขึ้นครองราชของกษัตริย์แต่ละราชวงศ์นั้น ตั้งอยู่ในอาคารชั้นเดียว จัดแสดงประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคร้อยปีที่ผ่านมาจนถึงยุคสงครามฝิ่นเรื่อยมาจนถึงปักกิ่งยุคใหม่ ที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้า โดยแต่ละฉากมีขนาดสมจริง มีคำบรรยายให้ทราบความเป็นมา เขาจำลองห้องต่างๆ กว่า 20 ห้อง หลายสมัย หุ่นเหมือนจริงมากๆ ที่นี่ เป็นแหล่งความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี มีศิลปะ มีความโหดร้าย การแย่งชิงอำนาจให้ได้ศึกษา ในด้านที่ดีก็มีมากมาย
กำแพงเมืองจีน
คนไทยเรียกว่า กำแพงเมืองจีน ในขณะที่คนจีนเรียกว่า ฉางเฉิง แปลว่า กำแพงยาว เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโบราณของจีน ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นโลก ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จากดวงจันทร์ได้
กำแพงเมืองจีน เปรียบเสมือนมังกรตัวมหึมาที่ทอดกายจากทะเลหวงไห่ลัดเลี้ยวผ่านห้ามณฑล สองเขตปกครองตนเอง ไปสิ้นสุดลงที่กลางทะเลทรายโกบี สร้างโดยจักรพรรดิจิ๋นซีแห่งราชวงศ์ฉิน เพื่อเป็นเครื่องกีดขวางของชนเผ่าผู้รุกรานจากทางเหนือ ใช้แรงงานก่อสร้างนับหมื่นคน กำแพงเมืองจีน นี้ มีความยาวทั้งสิ้นถึงกว่า 6,350 กิโลเมตร
มาถึง ปักกิ่ง ทั้งที ก็คงต้องเดินขึ้น “กำแพงเมืองจีน” มีข้อแนะนำคุณว่า 1) เวลาเดินให้ไปแค่พอประมาณพอ เพราะต้องเก็บแรงขากลับด้วย 2) ให้การแต่งกายยืดหยุ่น สบายๆ ต่ออากาศหน่อยนะจ๊ะ เพราะไม่งั้นเวลาเดินๆ จะรู้สึกเหนื่อยและเกร็งกับการเดินขึ้นลงขั้นบันไดจ้า ขอให้เดินออกกำลังกายขึ้น ชม กำแพงเมืองจีน ที่นี่...ช่างอัศจรรย์จริงๆ สมแล้วกับการได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เวลาเปิด - ปิด : 06.40 - 18.30 น. ค่าเข้าชม : เมษายน - ตุลาคม 45 หยวน พฤศจิกายน - มีนาคม 40 หยวน ค่าบริการชุดหูฟังพร้อมแผนที่นำเที่ยวอิเล็กทรอนิกส์ : 40 หยวน ค่ามัดจำ 100 หยวน
การเดินทาง : รถเมล์สาย 919 ด้านหลังประตูเมืองเต๋อเฉิงเหมิน (Deshengmen) อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟใต้ดิน Ji Shui Tan โดยออกเดินทางเที่ยวแรกเวลา 05.30น. (ราคา 12 หยวน) ขากลับรถเที่ยวสุดท้ายเวลา 18.30น. ปกติแล้วโรงแรมส่วนใหญ่มีบริการนำเที่ยวกำแพงเมืองจีนไปพร้อมกับสุสานราช วงศ์หมิง ราคาประมาณ 160 หยวน (รวมค่าเข้าชมแล้ว)
สนามกีฬาโอลิมปิค
บางคนเรียกว่า “สนามกีฬาโอลิมปิครังนก” ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสวิสเซอร์แลนด์ Herzog & de Meuron เดินตามรอยสนามกีฬาชื่อดังของโลก “โคลอสเซี่ยม” ที่พยายามให้เอื้ออำนวยต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสถาปัตยกรรมของชาวเยอรมัน มีอัฒจรรย์ใช้จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันกีฬามวลมนุษยชาติที่ปักกิ่ง ปีค.ศ.2008 เดือน 8 วันที่ 8 เวลา 8 โมง (20.00 น.) จุผู้ชมได้ 91,000 ที่นั่ง
สนามกีฬาโอลิมปิค เป็นอัฒจรรย์ลักษณะคล้าย “รังนก” มีโครงตาข่ายเหล็กสีเทาเหมือนกิ่งไม้หอหุ้มเพดานและพนังอาคารทำด้วยวัสดุ โปร่งใส อัฒจันทร์มีลักษณะรูปทรงชามสีแดง ดูคล้ายกับพระราชวังต้องห้ามของจีนและชมสระว่ายน้ำ สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด มีรูปลักษณ์คล้าย “ก้อนน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่” เป็นโครงสร้างที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการเดินเครื่องเพื่อกรองน้ำเสียของ สระว่ายน้ำ และกำแพงอาคารเหมือนฟองน้ำที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เก็บภาพสวยๆ มาฝากด้วยนะจ๊ะ
ประตูชัยหรือ ประตูเต๋อเซิงเหมิน
กรุงปักกิ่งไม่มี ประตูชัย แต่คนไทยเราเรียกกันเอง ประตูชัยหรือ ประตูเต๋อเซิงเหมิน มีแต่ป้อมเก่าๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์แมนจู (ราชวงศ์ชิง) ด้านเหนือของกรุงปักกิ่ง โดยสมัยก่อนป้อมเหล่านี้มีไว้ใช้ยิงธนู และมีเพียง 2 ประตูชัยเท่านั้น ซึ่งเรียกเป็นภาษาจีนว่าประตู "เต๋อเซิ่งเหมิน" ประตูนี้เมื่อก่อนใช้เวลาฮ่องเต้เสด็จไปสงครามจะออกจากเมืองโดยใช้ประตูแห่งนี้ สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งมีอายุ 500 กว่า สมัยก่อนเขาใช้ที่นี่ เป็นประตูนี้ส่งแม่ทัพออกรบนะ
ปัจจุบันนี้ ประตูชัย ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพถ่ายประตูเมืองต่างๆ ของปักกิ่ง คือ พิพิธภัณฑ์ ผีซิว หรือ ปี่เซี๊ยะ ถือเป็นสัตว์เทพชนิดหนึ่ง และเป็นลูกตัวที่เก้าของมังกร ผีซิวถือเป็นสัตว์ดุร้ายชนิดหนึ่ง แบ่งเป็นเพศผู้ เพศเมีย เพศเมียเรียกว่า “ผี” ส่วนเพศผู้เรียกว่า “ซิว” โดยผีซิวตัวผู้จะหาทรัพย์ ส่วนตัวเมียก็เฝ้าทรัพย์ ดังนั้น คนจีนจึงนิยมเก็บสะสมไว้เป็นคู่ ที่คนจีนเชื่อว่า ปี่เซี๊ยะ สามารถนำเงินทองและโชคลาภให้กับผู้เป็นเจ้าของและช่วยเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้ เชิญเลือกเช่ามาบูชา นอกจากนั้น สด้านล่างของประตูชัย ก็มีตลาดแบบกะดินขายของด้วย
สวนสัตว์ปักกิ่ง/สวนสัตว์หมีแพนด้า
สวนสัตว์หมีแพนด้า สวนสัตว์ปักกิ่งใหญ่สุดในประเทศจีน เดิมเป็นอุทยานหลวงในยุคราชวงศ์หมิง ปัจจุบันมีสัตว์อยู่ราว 6,000 ตัว ทั้งแพนด้า เสือไซเบียเรีย ลิงขนทอง หมีขาวขั้วโลกเหนือแ นกกระเรียนหงอนแดง และสวนน้ำที่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่มากกว่า 50,000 ชนิด
สวนสัตว์ปักกิ่งนี้ มีประวัติความเป็นมานานกว่า 90 ปี ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงปักกิ่ง หากใครมาเที่ยวที่นี่ จะชมสัตว์ต่างๆในสวนสัตว์ การปลูกต้นไม้ และดอกไม้หลายชนิด เช่น ต้นแป๊ะก๊วยและโบตั๋น เป็นต้น และชมความน่ารักของสัตว์หายาก แสนรู้ของหมีแพนด้ายักษ์ สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองจีน บันทึกภาพเป็นที่ระลึก
เวลาเปิด - ปิด : 07.30 - 17.30 น.ค่าเข้าชม : เมษายน - ตุลาคม 15 หยวน พฤศจิกายน - มีนาคม 15 หยวน หากชมแพนด้าจ่ายเพิ่มอีก 5 หยวน เข้าชม Aquarium ผู้ใหญ่จ่ายเพิ่ม 100 หยวน เด็ก 50 หยวน
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินที่สถานี Xizhi Men แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปอีกที (ค่าแท็กซี่ประมาณ 15 - 20 หยวน) รถเมล์สาย 7, 27, 103, 105, 107, 111, 332, 334, 360, 601, 814 และ 904
“ปักกิ่ง” เป็นเมืองหลวงตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน ที่สืบทอดมาจนกระทั่งปัจจุบัน ทำให้ปักกิ่งมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์มากมาย ลองเลือกเที่ยวกันเองตามอัธยาศรัยแล้วกันนะจ๊ะ เชิญท่อง มหานครปักกิ่ง ถิ่นมังกร เมืองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ แล้วรับรองว่าคุณจะต้องมนต์เสน่ห์ เย้ายวนใจของเมืองหลวงของพญามังกรแห่งนี้ ไมรู้ลืม จนต้องปรารถนากลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น