วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

6 เทคนิคประหยัดรายจ่ายในการท่องเที่ยว... ที่ใครก็สามารถทำได้

หากพูดถึงเรื่องของการ แน่นอนล่ะว่าทุกคนรักการเดินทางท่องเที่ยวและอยากไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจฝันก็คือเรื่องของการเงิน เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล นั่นจึงทำให้เรื่องท่องเที่ยวสำหรับคนส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดอย่างหนักเลยทีเดียว ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจไม่ใคร่จะเฟื่องฟูอย่างในปัจจุบันด้วยแล้ว การท่องเที่ยวจึงถูกมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่เหมาะสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้น อย่างไรก็ดี วันนี้มัชรูมทราเวลมี 6 เทคนิค ที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถประหยัดรายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้


1. ค้นหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง

เมื่อคุณกำหนดจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือการศึกษาหาข้อมูล ซึ่งไม่ใช่แค่การหาข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวว่าที่ไหนสวย ที่ไหนน่าไป หรือร้านอาหารร้านไหนอร่อยเท่านั้น แต่ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีท่องเที่ยวยังต่างประเทศด้วย  ซึ่งหากต้องขอวีซ่า ก็ต้องดูด้วยว่าระหว่างการขอผ่านตัวแทนกับยื่นสถานทูตด้วยตนเองนั้นอันไหนจะสะดวกและประหยัดมากกว่ากัน รวมไปถึงศึกษาแผนที่และเส้นทางแต่ละจุดอย่างละเอียด โดยอาจค้นหาด้วยตัวเองจากเว็บบอร์ดสาธารณะ อ่านจากหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว หรืออาจจะปรึกษาบริษัททัวร์ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็เพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่น และยังสามารถวางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าได้อีกทางหนึ่งด้วย

2. ประเมินรายจ่ายที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง

หลังจากได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือวางแผนทางการเงินที่จะต้องใช้จ่ายตลอดทั้งทริป ซึ่งรวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรมที่พักด้วย โดยประเมินสิ่งจำเป็นที่ต้องจ่าย แล้วคำนวณค่าใช้จ่ายออกมากเป็นตัวเลขคร่าวๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ายานพาหนะ ค่าบัตรเข้าชมการแสดงและกิจกรรมต่างๆ ค่าทิป ค่าของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ค่าของฝากของที่ระลึก เป็นต้น จากนั้นเมื่อถึงเวลาของการเดินทาง ในท่องเที่ยวควรจะติดสมุดบันทึกเล่มเล็กติดตัวไปด้วย เพื่อจดบันทึกสรุปค่าใช้จ่ายจริงในแต่ละวัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้เงินได้ง่ายยิ่งขึ้น

3. พิจารณาเลือกข้อเสนอที่ดีกว่า

ปัจจุบันธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของราคา และโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ลูกค้าที่จะซื้อบริการเป็นผู้ได้เปรียบจากการแข่งขันนี้ และมีอำนาจในการต่อรองเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นก่อนที่นักท่องเที่ยวจะซื้อบริการ หรือจองห้องพัก ฯลฯ ควรมีการตรวจสอบราคาจากหลายๆ แห่งก่อนเดินทางประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเปรียบเทียบกันเสียก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งข้อเสนอที่ดีกว่าอาจจะไม่ได้หมายถึงเฉพาะราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น แต่ต้องมองถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับด้วย เช่นโรงแรมบางแห่งอาจจะมีโปรโมชั่นจองห้องพัก2 คืน ฟรี 1 คืน เป็นต้น


4. กำหนดช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเงินในกระเป๋า

แม้ว่าช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงลองวีคเอนจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว แต่ก็เป็นช่วงเวลายอดนิยมที่ผู้คนมากมายเลือกที่จะท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ราคาของสิ่งต่างๆ พุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าทัวร์สำหรับกิจกรรมและการเข้าชมสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งอาหารการกินที่มีราคาแพงกว่าปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นแล้วเลือกเดินทางไปในช่วงโลว์ซีซั่น นอกจากจะได้ราคาที่ถูกมากๆ แล้ว ก็ยังจะได้เห็นเสน่ห์ที่แตกต่างของสถานที่นั้นๆ ซึ่งคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม บางสถานที่อาจมีข้อยกเว้นสำหรับการเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น อย่างเช่นหมู่เกาะต่างๆ ที่หากเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวจะเป็นช่วงมรสุม เป็นต้น    

5. ระมัดระวังข้อเสนอที่ราคาถูกจนเหลือเชื่อ

แน่นอนหากพูดถึงของถูกและของฟรี ใครกันล่ะจะไม่ชอบ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ของที่มีราคาถูกมากๆ นั้น เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นของดีมีคุณภาพอาจมีความเป็นไปได้ไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ อย่างการจองโรงแรมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งโรงแรมบางแห่งอาจมีราคาที่ถูกอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับภาพถ่ายที่ถูกอัพโหลดมาเพื่อการโฆษณา จนดึงดูดให้เราต้องกดจองห้องพักอย่างว่องไวโดยไม่แม้แต่จะอ่านคอมเม้นท์รีวิวของลูกค้าที่เคยเข้าไปพัก ก่อนจะรู้ตัวทีหลังว่าภาพห้องพักสุดหรูที่เราเห็นบนเว็บไซต์นั้น แท้จริงคือภาพถ่ายเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว แต่สภาพปัจจุบันอาจจะแย่จนคุณต้องหิ้วกระเป๋ามองหาที่พักแห่งใหม่แทบจะทันทีก็เป็นได้ นอกจากนี้การหลงใหลกับราคาที่ถูกแสนถูกก็อาจจะทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพบางประเภทโดยไม่รู้ตัว

6. ปฏิเสธการจ่ายที่เกินจริง

บางสถานที่ที่มีการรวมตัวของนักท่องเที่ยวมากๆ ที่นั่นก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบของผู้ให้บริการเช่นเดียวกัน อย่างสนามบิน สถานีรถไฟ รวมทั้งสถานีขนส่งที่จะมีรถรับจ้างคอยดักรอนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย ซึ่งถ้าคุณโชคไม่ดี ก็อาจเจคนขับรถที่โก่งราคาเกินจริงหลายเท่า ทางที่ดีควรตรวจสอบเส้นทางและการเดินทางในแต่ละจุดเสียก่อน หรือหากมีข้อสงสัยควรสอบถามที่เคาน์เตอร์ Information เพื่อขอข้อมูลการเดินทาง รวมถึงรถรับจ้างบางคันอาจได้รับค่าหัวคิวจากร้านอาหารบางแห่งให้พาลูกค้าเข้าร้าน โดยคิดราคาค่าอาหารแพงกว่าปกติเพื่อหักเป็นค่าหัวคิว เป็นต้น  


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น