แม้ว่าหลายๆ พื้นที่ของจีนจะเคยตกเป็นอาณานิคมของชาติต่างๆ ในทวีปยุโรป แต่มาเก๊าคือเมืองแรกๆ ที่ถูกครอบครองโดยชาติโปรตุเกสที่พากันมาตั้งรกรากอยู่ในมาเก๊านับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ก่อนจะถูกส่งคืนยังจีนเมื่อปี ค.ศ. 1999 นี่เอง ทั้งที่โลกผ่านยุคแห่งการล่าอาณานิคมมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม ทำให้ปัจจุบันนี้มาเก๊ากลายเป็นเขตปกครองพิเศษร่วมกับฮ่องกง ภายใต้การปกครองในลักษณะหนึ่งประเทศสองระบบอันเป็นแนวคิดซึ่งมาจากอดีตผู้นำจีนอย่างเติ้งเสี่ยวผิง นอกจากนี้ถึงแม้ว่าวันนี้มาเก๊าจะไม่เป็นอาณานิคมของโปรตุเกสแล้วแต่ภาษาราชการและภาษาที่ยังคงมีอิทธิพลต่อชาวมาเก๊าก็ยังคงเป็นภาษาโปรตุกีสอยู่นั่นเอง รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
2. มาเก๊าคือหนึ่งในมรดกที่สำคัญของโลก
หากมองอย่างผิวเผิน มาเก๊าถือเป็นเป็นเมืองที่ทันสมัย ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างอันเป็นสถานประกอบการบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ในหลายๆ พื้นที่ อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 2005 องค์การยูเนสโกก็ได้รับรองให้ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมาเก๊ากลายเป็นมรดกโลกในที่สุด ด้วยพื้นที่แห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยอนุสรณ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งถือว่าเป็นผลงานศิลปะชิ้นยอดที่ผสมผสานระหว่างอารยธรรมจีนและยุโรปได้อย่างลงตัวและสวยงาม ดังเช่นจัตุรัสเซนาโด ซากปรักหักพังของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ และกำแพงเมืองเก่าอันทรงคุณค่า เป็นต้น
3. แม้ไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่มาเก๊าคือเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก
มาเก๊าเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในโลก นั่นคือ 20,497 คนต่อตารางกิโลเมตร โดยสาเหตุหลักๆ ก็เนื่องมาจากมาเก๊านั้นมีแหล่งกาสิโนแห่งใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งสามารถดึงดูดนักเสี่ยงโชคจากทั่วโลกได้ปีละประมาณ 30 ล้านคนเป็นอย่างน้อย นั่นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงต้องมีโครงการบุกเบิกที่ดินระหว่างสองเกาะทางใต้ของจีนซึ่งก็คือมาเก๊าและฮ่องกงไปเรื่อยๆ เพื่อใช้รองรับสำหรับการทำให้มาเก๊ากลายเป็นแหล่งการพนันแบบถูกกฎหมายเพื่อแข่งขันกับมหานครลาสเวกัสของอเมริกานั่นเอง
4. อาหารมาเก๊าคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างอาหารจีนและโปรตุเกส
อาหารการกินในมาเก๊านั้นมีให้เลือกรับประทานกันอย่างมากมาย โดยแต่ละเมนูก็เรียกได้ว่าเป็นการรวมสิ่งที่ดีที่สุดของส่วนผสมระหว่างอาหารจีนและอาหารโปรตุเกส รวมทั้งวิธีการปรุงอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากการที่มาเก๊าเคยเป็นอดีตอาณานิคมของประเทศโปรตุเกสด้วย ซึ่งอาหารแต่ละเมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทอาหารทะเลอย่างปลาคอด ปลาซาร์ดีน ปู ฯลฯ นำมาปรุงรสด้วยเครื่องเทศที่หลากหลายอย่างขมิ้น อบเชย พริก และมะพร้าว เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการอบหรือคั่วเป็นเวลานานๆ ทั้งนี้สำหรับเมนูอาหารประจำชาติของมาเก๊าที่นักท่องเที่ยวควรมาลองสักครั้งก็ได้แก่เมนู Minchi ที่ทำจากเนื้อสับหรือหมูสับ นำมาปรุงรวมกับมันฝรั่ง หัวหอม ซอสถั่วเหลืองหรือไข่ไก่ตามชอบ
5. ประชากร 1 ใน 5 ของมาเก๊ามีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน
เนื่องจากมาเก๊าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกาสิโนเป็นส่วนใหญ่ซึ่งกาสิโนแต่ละแห่งนั้นก็จำเป็นต้องใช้พนักงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น 20% ของประชากรในมาเก๊าจึงประกอบอาชีพภายในกาสิโนที่มีรายได้ดี แต่การรับพนักงานเข้าทำงานในกาสิโนนั้นจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของครอบครัวเสียก่อนเพื่อให้ได้พนักงานที่มีความซื่อสัตย์จริงๆ อีกทั้งผู้ที่เข้ามาเสี่ยงโชคภายในกาสิโนส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง
6. บาคาร่า (Baccarat) คือเกมยอดฮิตตลอดกาลของทุกกาสิโนมาเก๊า
ปัจจุบันมาเก๊านั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของการพนันโลก ซึ่งส่วนใหญ่กาสิโนทุกแห่งของที่นี่จะมีเกมยอดนิยมที่นักเสี่ยงโชคนิยมเล่นมากที่สุดก็คือการเล่นไพ่ชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างเล่นง่ายและมีความเสี่ยงต่ำก็คือเกมบาคาร่า (Baccarat) รวมทั้งเกมสล็อตอันเป็นที่นิยมในอันดับต่อมา ซึ่งรายได้ของมาเก๊าที่มาจากบ่อนกาสิโนต่อปีนั้นนับว่าเป็นตัวเลขที่มหาศาล โดยมียอดรวมถึง 33,000,000,000 เหรียญสหรัฐฯ ที่ถือว่ามากกว่ารายได้ของลาสเวกัสถึง 5 เท่า
7. โคโลอานคือสถานที่หนึ่งเดียวของมาเก๊าที่ยังคงเงียบสงบ
หมู่บ้านโคโลอานคือหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะมาเก๊า ซึ่งปัจจุบันที่นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวของมาเก๊าที่ยังคงเงียบสงบและงดงาม และยังไม่ถูกอิทธิพลของแหล่งกาสิโนเข้ามาครอบงำ อันเนื่องมาจากกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวดของการออกโฉนดที่ดินในแถบนี้ที่ยุ่งยากกว่าพื้นที่อื่นๆ ของมาเก๊า ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวท่านใดต้องการความสงบแบบชิลล์ๆ ด้วยภาพของหมู่บ้านที่น่ารักและถนนอันมีต้นไม้เรียงรายตลอดสองฟากฝั่ง รวมทั้งหากอยากชิมทาร์ตไข่แบบต้นตำรับแท้ๆ ที่ไม่หวานเกินไป และขนมขึ้นชื่อชนิดอื่นๆ ของโคโลอานไม่ควรพลาดที่นี่เป็นอันขาด
8. พิสูจน์ชายหาดสีดำของมาเก๊า
มีเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่จะมีหาดทรายสีดำ ซึ่งหาด Hac Sa Beach ที่มีความหมายว่าอ่าวทรายสีดำก็เป็นหนึ่งในนั้นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ทั้งนี้ Hac Sa Beach เป็นชายหาดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดด้วยความยาวหลายกิโลเมตรและมีชื่อเสียงที่สุดในมาเก๊า โดยมันตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของโคโลอาน ซึ่งทรายสีดำของชายหาดที่นี่มีสีที่เป็นเอกลักษณ์จากแร่ธาตุที่อยู่ใต้ก้นทะเลที่พัดมาเกยฝั่งจนก่อเกิดเป็นชายหาดที่มีทรายสีดำนั่นเอง
แม้ว่ามาเก๊าจะกลับคืนสู่ประเทศจีนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2542 แต่เมืองแห่งนี้ ณ ปัจจุบันก็ยังเต็มไปด้วยร่องรอยของอิทธิพลประเทศโปรตุเกสที่มาเก๊าเคยเป็นอาณานิคมมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ผสมผสมระหว่างศิลปะจีนและโปรตุเกสได้อย่างกลมกลืนและสวยงาม รวมถึงอาหารเมนูต่างๆ ที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง บวกกับการเป็นศูนย์รวมของบ่อนกาสิโนที่มีมากกว่า 33 แห่งทั่วเมือง จึงไม่แปลกที่วันนี้มาเก๊าจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทั้งนักเสี่ยงโชคและนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางไปเยือน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น