วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เกาะซามามิ... ความสมบูรณ์แบบที่หลบซ่อนใต้หน้ากากโอกินาวะ

จังหวัดโอกินาวะเป็นจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายเรียงเป็นแนวยาวกว่าพันกิโลเมตรจนถึงเกาะไต้หวัน โดยมีเกาะโอกินาวะเป็นศูนย์กลางและยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะริวกิวซึ่งในอดีตช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสถานะเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือแห่งสหรัฐฯ มาก่อน แต่ปัจจุบันโอกินาวะเปรียบได้ดังสวรรค์บนดิน ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่น บวกกับหาดทรายสีขาวเนื้อละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส และหมู่ปะการังพร้อมฝูงปลาหลากสีที่ยังคงความสมบูรณ์ในพื้นที่ทะเลแห่งนี้ ส่งให้ผลให้โอกินาวะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานพักร้อนในฝันของทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นไปโดยปริยาย 


อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความสวยงามของโอกินาวะที่น่าหลงใหล รวมทั้งหมู่เกาะน้อยใหญ่นับร้อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว ยังมีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเกาะมากมายเหล่านั้น และมีความสวยงามไม่แพ้เกาะใหญ่อย่างโอกินาวะเลย ซึ่งสถานที่แห่งนั้นก็คือเกาะซามามิที่มัชรูมทราเวลจะมาแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับเกาะแห่งนี้มากยิ่งขึ้นในวันนี้

รู้จักเกาะซามามิแห่งโอกินาวะ


เกาะซามามิเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่าเครามะ ในจังหวัดโอกินาวะ ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตชายฝั่งของเมืองนาฮะอันเป็นเมืองเอกของจังหวัดโยโกฮามะไปทางทิศใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ภายในเกาะพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี และมีหน้าผาสูงชัน และที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นก็คือความสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเกาะแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทะเลกว้างสีฟ้าใส หาดทรายขาวกว่า 25 แห่ง รวมถึงแนวปะการังอันงดงามของที่นี่ซึ่งส่งผลให้เกาะซามามิกลายเป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในโลกอีกด้วย อีกทั้งในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังมีโอกาสที่จะได้ชมปลาวาฬหลังค่อมที่หาชมได้ยากยิ่ง รวมถึง 3 เกาะร้างที่อยู่ไม่ห่างจากเกาะซามามิมากนักก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเฟอร์รี่ไปสำรวจเช่นเดียวกัน

 

ทั้งนี้เกาะมาซามิมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 600 หลังคาเรือน กระจายกันตามหมู่บ้านต่างๆ โดยมีหมู่บ้านหลักซึ่งมีชื่อเดียวกับเกาะนั่นเอง นอกจากนั้นภายในเกาะยังมีสถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งสำนักงานหมู่บ้าน ป้อมตำรวจ โรงเรียน  โรงแรมกว่า 40 แห่ง ร้านอาหาร 10 แห่ง และหอสังเกตการณ์อีก 6 แห่ง 

แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งเกาะซามามิ


หาดฟุรุซามามิ ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือของเกาะไปทางทิศตะวันออก โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 10 นาที ซึ่งฟุรุซามามิถือเป็นชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุด ด้วยความโค้งเว้าของชายหาดที่เหมาะเจาะพอดิบพอดี ประกอบกับหาดทรายสีขาว และแนวปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์รอบๆ ชายหาดแห่งนี้ จึงทำให้กิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยวก็คือการดำน้ำดูปะการังนั่นเอง 


หาดอามิ เป็นชายหาดที่เงียบสงบหากเทียบกับฟุรุซามามิ ซึ่งที่นี่แม้ไม่เหมาะกับการดำน้ำดูปะการัง แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ก็มีโอกาสที่จะได้ชมวิถีชีวิตของเต่าทะเลที่มักจะขึ้นมาวางไข่ในบริเวณนี้ รวมถึงการชมวิวทิวทัศน์ของเกาะเล็กเกาะน้อยรอบๆ อีกทั้งที่นี่ยังเหมาะสมสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย


หอสังเกตการณ์ทาคัตสึคิยามะ ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะในบริเวณด้านหลังหมู่บ้านซามามิ โดยหอแห่งนี้จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้ทั้งหมู่บ้านซามามิ ทางใต้ของเกาะ และหากวันไหนที่ฟ้าสดใสก็จะสามารถมองเห็นเมืองนาฮะที่ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาวะได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเล็กๆ ที่เชื่อมไปยังหาดฟุราซามามิและหาดโทกะชิกิได้ด้วย


หอสังเกตการณ์คามิโนฮามะ ตั้งอยู่บนถนนทางด้านตะวันตกของหมู่บ้านอามะ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าจากหาดอามิไปยังหอสังเกตการณ์แห่งนี้ได้ในเวลาประมาณ 15-20 นาที โดยคามิโนฮามะถือเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการถ่ายภาพน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ของหาดอามะ รวมถึงการดูพระอาทิตย์ตกดิน ป่าไม้ และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการมาปิกนิกอีกด้วย

Getting there: 


สำหรับการเดินทางสู่โอกินาวะนั้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเครื่องบินภายในประเทศจากโอซาก้าหรือโตเกียวมายังสนามบินเมืองนาฮะโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จากนั้นจึงต่อรถบัสหรือรถแท็กซี่ไปยังท่าเรือนาฮะ จากนั้นจึงต่อเรือไปยังเกาะซามามิ โดยมีเรือให้บริการ 2 แบบคือ เรือเฟอร์รี่ซามามิใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 120 นาที และเรือควีนซามามิ (เรือด่วน) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที
 

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เปิดการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ เยือน 6 เกาะแก่งแห่งเกาหลีใต้

เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว่า 50% ติดชายฝั่งทะเล ทั้งส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และทะเลญี่ปุ่น นั่นจึงทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศในโลกที่มีเกาะน้อยใหญ่รายล้อมอยู่มากมายถึง 3,358 เกาะที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการนอกชายฝั่งเกาหลีใต้ ซึ่งเกาะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือเกาะเจจูที่อยู่ทางใต้ของจังหวัดจอลลาใต้นั่นเอง เนื่องจากมีบรรยากาศที่โรแมนติกแบบประเทศในเขตร้อน และมีบรรยากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นสบายเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ รวมถึงยังมีสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่งดงามจับตาชวนให้น่าค้นหาอีกด้วย อย่างไรก็ดี นอกจากเกาะเจจูแล้ว เกาหลีใต้ยังมีเกาะอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย ดังเช่น 6 เกาะที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากในวันนี้


เกาะฮงโด (Hongdo)



เกาะฮงโดมีพื้นที่ 6.47 ตางรางกิโลเมตร อยู่ห่างจากท่าเรือมกโพไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 115 กิโลเมตร โดยที่มาของชื่อฮงโดที่แปลว่าสีแดงเข้มนั้นตั้งตามลักษณะของเกาะ ซึ่งทุกวันขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของวันจะเปลี่ยนเกาะแห่งนี้ให้เป็นสีแดงเข้มนั่นเอง นอกจากนั้นเกาะฮงโดยังมีจุดเด่นด้วยหน้าผาสูงที่มีหินรูปทรงต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ มีจุดชมวิวถึง 33 แห่ง รวมไปถึงเสน่ห์ของทะเลสีคราม และป่าไม้สีเขียวชอุ่มซึ่งประกอบด้วยพืชพรรณกว่า 270 ประเภท และเป็นบ้านของสัตว์ป่าถึง 170 สายพันธุ์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้เกาะแห่งนี้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติในปี ค.ศ.1965 และเปลี่ยนเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลดาโดแฮในปี ค.ศ.1981



เกาะอุลลึงโด (Ullengdo)



เกาะอุลลึงโดคือสถานที่พักผ่อนอีกหนึ่งแห่งซึ่งเป็นที่นิยมของชาวเกาหลี และเป็นพื้นที่ประมงสำคัญของชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยเฉพาะการจับปลาหมึก ทำให้สินค้าแปรรูปของที่นี่อย่างปลาหมึกแห้งกลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เกาะอุลลึงโดมีความยาว 268 กิโลเมตร และมีความกว้างถึง 73.15 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโพฮังอันเป็นตำแหน่งสุดปลายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ ซึ่งจุดเด่นของอุลลึงโดก็คือเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟ ถ้ำ น้ำตก หน้าผาสูงชันที่มีหินมีรูปร่างประหลาดอยู่มากมาย ต้นไม้โบราณนานาพรรณ ชวนให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนที่นี่ต่างหลงใหลในมนต์เสน่ห์ และอยากกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า


เกาะคอเจ (Geojedo) 






คอเจเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลีรองจากเกาะเจจู ทั้งยังเป็นอีกเกาะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวค่อนข้างได้รับความนิยม ด้วยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลฮัลลยอซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีที่รวมเกาะเล็กเกาะน้อยแห่งทะเลใต้อีกกว่า 400 เกาะ นอกจากนั้นคอเจยังถูกกล่าวขานด้วยความงามโดดเด่นของเนินเขาเขียวชอุ่มริมทะเลอย่าง  Hill of the Wind และไข่มุกดำแห่งชายหาดฮักดง มงดล ซึ่งเป็นหาดที่ประกอบไปด้วยก้อนกรวดสีดำโดยรอบ และก่อให้เกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อคลื่นสาดเข้าหาชายหาด

เกาะอุโด้ (Udo)



อุโด้เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะเจจู ซึ่งคำว่าอุโด้นี้ในภาษาเกาหลีจะหมายถึงเกาะวัว ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งมาจากลักษณะทางกายภาพของเกาะแห่งนี้ที่ดูคล้ายกับวัวกำลังนอนหมอบอยู่นั่นเอง โดยเกาะอุโด้ถือเป็นเกาะอีกแห่งของเกาหลีใต้ที่มีความสวยงามของธรรมชาติอันโดดเด่น และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ทะเลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลาทะเล หอยเป๋าฮื้อ ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ท่องเที่ยวของเกาะซึ่งมีชื่อเสียงก็ได้แก่หาดปะการังซอบินแบคซา ชายหาดปะการังสีขาวละมุนตัดกับน้ำทะเลสีมรกตหนึ่งเดียวของเกาหลี จุดชมวิวยอดเขาอุโด้บง และพิพิธภัณฑ์ประภาคาร เป็นต้น 

เกาะจินโด (Jindo) 



เกาะจินโดเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในเกาหลีใต้ อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่งอย่าง Moses Miracle ซึ่งคล้ายๆ กับทะเลแหวกของบ้านเรา แต่ที่เกาหลีปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนมีนาคม ในช่วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลลดลงจนปรากฏเป็นทางเดินกลางทะเลที่มีความกว้าง 35 เมตร และมีความยาวถึง 2.8 กิโลเมตร เป็นทางเชื่อมระหว่างเกาะจินโดและเกาะโมโดที่อยู่ใกล้เคียงเป็นเวลานานถึง 1 ชั่วโมงเต็ม และทุกๆ ครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ Moses Miracle ภายในเกาะแห่งนี้จะมีการจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ด้วย

เกาะมาราโด (Marado) 



เกาะมาราโดมีรูปร่างคล้ายกับมันเทศ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นจุดใต้สุดของประเทศ โดยอยู่ห่างจากเกาะเจจูลงไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาเกาะมาราโดมักจะถูกหมางเมินจากนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ อันเนื่องมาจากชายหาดของที่นี่ไม่ได้สวยงามดังเช่นเกาะอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันที่นี่กลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกแห่งของเกาหลีไปแล้ว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาของเกาะ อย่างหาดหินที่เต็มไปด้วยหินรูปร่างแปลกตามากมาย อันเนื่องมาจากถูกลมและน้ำทะเลกัดกร่อนมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้เกาะมาราโดยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของเกาหลีใต้อีกด้วย