วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

เปิดประสบการณ์แช่น้ำแร่ญี่ปุ่นออนเซ็น

คุณคงเคยได้ยินว่า การเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ไม่ได้ไป แช่น้ำแร่ออนเซ็น ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงประเทศญี่ปุ่น อาจเพราะการอาบน้ำแร่ร้อน ออนเซ็น นั้น ได้กลายเป็นสัญญลักษณ์และวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นมาช้านานแล้ว และในวันนี้ “มัชรูมทราเวล” พาคุณไปสัมผัสสวรรค์แช่น้ำแร่ญี่ปุ่น ออนเซ็น กันจ้า ^-^

 

ออนเซ็น...วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น

บ่อน้ำพุร้อน หรือ การอาบน้ำแร่ ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า "ออนเซ็น" คือสถานที่อาบน้ำร้อน (น้ำแร่) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่ เป็นห้องอาบน้ำรวม แยกชาย-หญิง ที่ทุกคนต้องเปลือยเปล่า แล้วลงแช่น้ำร่วมกัน อุณหภูมิของน้ำแร่มีความร้อนประมาณ 45-50 องศา ตามมาตรฐานแบบญี่ปุ่น ซึ่งในหมู่ผู้หญิงญี่ปุ่นเขาลงแช่บ่อน้ำพุร้อนกัน เพราะน้ำแร่นั้นมีแร่ธาตุและสรรพคุณต่างๆ ดีต่อร่างกาย ผิวพรรณ อันส่งผลต่อเรื่องความงาม ในขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นนิยมแช่น้ำแร่ร้อนออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายความเครียด สบายตัว ปัจจุบัน "ออนเซ็น" จึงกลายเป็นสถานที่ผ่อนคลายเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับทุกฤดู โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องไปแช่น้ำพุร้อนเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น

  

เดิม ออนเซ็น เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟในประเทศญี่ปุ่น เพราะเกาะแห่งนี้เป็นผืนแผ่นดิน มีทำเลที่ตั้งอยู่บนบริเวณอ่อนไหวของเปลือกโลก ซึ่งมีภูเขาไฟอยู่หลายแห่งใต้ดิน จึงมีแหล่งน้ำพุร้อนมากมายกระจายอยู่ทั่วประเทศ และเมื่อเย็นตัวลง จะปล่อยแก๊สและไอน้ำออกมา จนกระทั่งกลายเป็นน้ำพุร้อน ประกอบกับญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตหนาว อากาศทั่วไปหนาวเย็น และยิ่งหนาวเหน็บอย่างแสนทรมานช่วงฤดูหนาว บางพื้นที่มีหิมะตกปกคลุมนานหลายเดือน น้ำแร่ร้อนจึงเป็นมรดกอันล้ำค่าจากธรรมชาติที่มอบให้ชาวญี่ปุ่นเกือบทุกจังหวัด และกลายวัฒนธรรมวิถีชีวิตแช่น้ำแร่ อาบน้ำร้อน ปฎิบัติมาแต่โบราณนับพันปี จนกลายเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น






ว่ากันว่า ทั่วประเทศญี่ปุ่นนั้น มีสถานที่อาบน้ำแร่ร้อน หรือ ออนเซน มากถึง 27,000 แห่งเลยทีเดียว ยังไม่รวมสถานอาบน้ำร้อนที่ใช้น้ำประปาธรรมดา ที่ทำให้ร้อนไว้นอนแช่กัน ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำพุร้อน เรียกกันว่า "เซนโต" อีกมากมายนับพันแห่ง หรือแม้แต่ที่บ้านของชาวญี่ปุ่นก็มักนิยมทำ "โอฟุโระ" หรือ อ่างอาบน้ำร้อน ไว้นอนแช่กันเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว ทั้ง ออนเซน และ เซนโต จึงเป็นที่อาบน้ำรวมผู้คนไปใช้บริการอาบน้ำ แช่น้ำ ในอ่างอาบน้ำร่วมกัน ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า น้ำแร่ร้อนนี้ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ สรรพคุณดีต่อร่างกาย ผิวพรรณ สวยงาม



สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว เมื่อ ออนเซ็น เขาจะถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด แบบไม่อายกัน แม้เป็นเพื่อนๆ กัน หรือ ไม่รู้จักกัน เขาก็ไม่สนใจ ถือว่า นี่คือการผ่อนคลายเครียดนั่นเอง อาจเป็นเพราะความคุ้นเคยมาแสนนาน เกิดมาก็ออนเซ็น แก้ผ้าโถงๆ อาบน้ำอยู่รวมๆ กันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เป็นเรื่องเฉยๆ ธรรมดาๆ เราอาจสังเกตุได้ง่ายๆ จากบ้านของคนญี่ปุ่นทั่วไป เขามีห้องอาบน้ำในบ้าน แยกต่างหากกับห้องน้ำ ซึ่งแตกต่างจากกับบ้านคนไทย ที่มีห้องน้ำและที่อาบน้ำรวมกัน จุดนี้เองแสดงให้เห็นว่า คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการแช่น้ำ อาบน้ำกันมาก แม้แต่ในบ้าน เขาก็ยังแช่อ่างน้ำ ในขณะที่คนไทยอาบน้ำด้วยฝักบัว หรืออาบน้ำด้วยขัน




ที่จริงแล้ว วัฒนธรรมการอาบน้ำร่วมกันนั้น มีมาช้านานแล้วในสังคมญี่ปุ่น โดยกล่าวกันว่า การเปลือยกายลงแช่บ่อน้ำพุร้อนมีข้อดี 2 ประการ นั้นคือ




1) ช่วยให้ดื่มด่ำกับคุณประโยชน์ของน้ำพุร้อน และบรรยากาศรอบตัวได้อย่างเต็มที่ โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อีกทั้งช่วยให้คนกับธรรมชาติมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น




2) ช่วยลดช่องว่างระหว่างบุคคลกับบุคคล ในสมัยก่อนนักรบหรือซามูไรนั้น มักพกดาบติดตัวตลอดเวลา แต่เมื่อลงแช่น้ำพุร้อน ไม่ว่าคุณเป็นใครมาจากไหน ก็ต้องเปลือยกายปลดอาวุธ และนั่นคือสิ่งที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่าทุกคนมีสถานะเท่าเทียมกัน รวมทั้งเกิดความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า Hadaka no Tsukiai หรือ การคบกันแบบเปิดเปลือยหรือแบบไม่มีวาระปิดบังซ่อนเร้น ช่างเป็นวัฒนธรรมชวนฉงนของชาวญี่ปุ่นแน่แท้...




ดังนั้น การอาบน้ำด้วยการเปลื้องผ้าลงไปแช่ใน ออนเซน ร่วมกัน จึงเป็นเรื่องที่แสนธรรมดา หากว่าคุณมีโอกาสไปแช่ออนเซ็น ก็น่าจะเรียนรู้วิธีปฎิบัติและธรรมเนียมการแช่น้ำร้อนกัน


  


ข้อควรรู้ และวิธีปฏิบัติและธรรมเนียมการแช่น้ำร้อน

1. ไม่ต้องอาย เพราะการอายทำให้เราดูเป็นตัวประหลาด และเป้าสายตามากยิ่งขึ้น คนญี่ปุ่นเค้าทำ อะไรกัน ก็ทำตามเค้า
2. อย่าใส่กางเกงใน เมื่อเข้าไปออนเซ็น เพราะเป็นการกระทำที่สกปรกสำหรับคนที่นั่น ต้องไปแต่ตัวเปล่าเล่าเปลือย พร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ที่จัดเตรียมให้
3. ก่อนลงแช่น้ำร้อน ให้อาบน้ำทำความสะอาด เพราะหากคุณไม่อาบน้ำ เค้าหาว่าสกปรก
4. ตอนอาบน้ำ ให้ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ผืนเดียว วางปิดส่วนที่อยากปิดไว้ (ที่สำหรับอาบน้ำก่อนแช่น้ำร้อน เป็นแบบนั่งอาบน้ำ)
5. อาบเสร็จ ได้เวลาลงแช่น้ำร้อนออนเซ็น



6. ตอนแช่น้ำร้อน อย่านำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่น ลงไปด้วย ให้ลงไปแต่ตัว (เอาผ้าวางไว้ี่ที่ขอบอ่าง, สระหรือบ่อน้ำร้อน หรือไม่ก็วางไว้บนศรีษะ)
7. อย่าถูขี้ไคล เค้าให้คุณอาบน้ำให้สะอาดก่อนแช่ ไม่ได้ให้มาอาบในบ่อน้ำร้อน
8. อย่าว่ายน้ำเล่น หรือทำตัวเปรียบเสมือนอยู่ในสวนน้ำ
9. นั่งแช่ไปเรื่อยๆ เฉยๆ จนรู้สึกอยากขึ้น ก็ขึ้นได้



  


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแช่ออนเซ็น

สำหรับผู้ที่ไม่เคยแช่ ออนเซ็น อย่าลงไปแช่นานมาก อาจเวียนหัว ระวังเป็นลมซะก่อน เมื่อคุณปรารถนาจะแช่น้ำแร่ร้อน ออนเซ็น คุณสามารถเดินเข้าห้องได้เลย แต่ไม่ต้องแปลกใจนะ หากคุณเห็นคนแก้ผ้าอยู่เต็มไปหมด ทำเฉยๆซะ เดินๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อรับผ้าขนหนู ถอดเสื้อผ้าให้หมด แล้วเอาเสื้อผ้าใส่ล๊อคเกอร์ เดินตรงเข้าไปใน ออนเซ็น ได้เลย ถ้าอาย แนะนำให้ถือผ้าเล็กๆ ไปด้วย ที่เค้าเอาไว้คลุมศีรษะ ตอนเดินคุณก็เอามาบังข้างหน้าแล้วกัน พอเดินเข้า ออนเซ็น อันดับแรกสิ่งที่ต้องทำ คือการเอาน้ำราดตัวก่อน ถูสบู่และฟอกตัวให้เรียบร้อย ก่อนลงบ่อ ออนเซ็น เมื่อลงบ่อแล้ว ให้เอาผ้ามาคลุมผมออก เวลา ออนเซ็น จริงๆ ไม่มีใครสนใจกันหรอก แก้ผ้า แช่น้ำแร่ อาบน้ำร้อนแสนสบายอุรา ถือซะว่า เปิดประสบการณ์แปลก ใหม่ ดี สำหรับคุณที่มีรอยสัก บางสถานที่ ออนเซ็น เขาห้ามเข้านะจ๊ะ




ส่วนคุณที่ไม่เคยลงไปแช่น้ำร้อน ออนเซ็น เริ่มแรกให้คุณนั่งอยู่ริมบ่อน้ำร้อนก่อน เพราะน้ำร้อนมากๆ แล้วค้อยๆ ลองหย่อนขาลงไปทีละขา ซักพัก คุณก็ลงไปทั้งตัวเลย พอแช่ไปนานสักพัก คุณจะรู้สึกสบายตัวมากๆ หากมีหลายบ่อ ให้คุณลองย้ายบ่อดูบ้าง เพราะแต่ละบ่อนั้นมีความร้อนไม่เท่ากัน ในออนเซ็น เขามีห้องซาวน่า ห้องนวดตัว พอออกจากซาวน่า แนะนำให้แช่บ่อน้ำเย็น ก่อนจะกลับเข้าห้องพัก คุณจะได้ไม่รู้สึกหนาวมากนัก เพราะช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกาย ออนเซ็น ไม่มีกำหนดว่าต้องแช่นานเท่าไร แต่แนะนำแช่น้ำแร่ประมาณ 45 นาทีก็พอแล้ว


 

ว่ากันว่า คนญี่ปุ่นเขามีความสุขมากๆ กับกิจกรรมแช่น้ำแร่ อาบน้ำร้อน ออนเซ็น กันจริงๆ ช่างผ่อนคลาย สบายตัว สบายใจ สังเกตุได้จากสีหน้าตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข อิ่มเอมใจ ราวกับว่าได้เจอสิ่งที่ใช่ในชีวิตทีเดียว 


 

ลองเปิดประสบการณ์แช่น้ำแร่ร้อน ออนเซ็น ตามแบบฉบับญี่ปุ่น “มัชรูมทราเวล” ขอให้คุณมีความสุขกับ ออนเซ็น ผ่อนคลายและสุขภาพดีถ้วนหน้ากัน แล้วมากระซิบบอกว่าเป็นอย่างไงนะจ๊ะ...

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น