วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย สไตล์เดินทางเดี่ยวๆ

ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ คนเริ่มนิยมให้บุตรหลานออกจากอ้อมอกเพื่อไปผจญภัยในต่างแดนกันมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กๆ เหล่านั้นได้มีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มีโอกาสได้ใช้ความคิดตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ก็ได้ทำให้เด็กๆ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะตัดสินใจและแสดงออกมากชึ้นนั่นเอง

เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวลจึงมีทิปส์แนะนำ เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย ไสตล์เดินทางเดี่ยวๆ มาบอก เพื่อเป็นการเตรียมตัวลูกหลานของท่านให้พร้อมก่อนออกเดินทางไกล ซึ่งทิปส์นี้ไม่ใช่แค่เหมาะสำหรับเด็กๆ และเยาวชนเพียงกลุ่มเดียว แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ ก็เหมาะที่จะปฏิบัติตามเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบแบคแพ็ค หรือเดินทางกับทัวร์ก็ตาม หากท่านเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ก็จะช่วยให้การเดินทางทุกครั้งของท่านมีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวลแน่นอนค่ะ


1. ถ่ายสำเนาเอกสารการเดินทาง พาสปอร์ตและวีซ่าพกติดตัวเอาไว้ และฝากสำเนาเอกสารอีก 1 ชุดไว้กับที่คนบ้าน เผื่อว่าเมื่อเอกสารสูญหายในระหว่างทาง อย่างน้อยเราก็ยังมีสำเนาเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจบ้าง

2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประกันการเดินทางที่คุณซื้อนั้นคุ้มครองครอบคลุมตลอดการเดินทาง

3. ให้แน่ใจว่าคุณได้มีการกรอกข้อมูลในหน้าสุดท้ายของพาสปอร์ต ที่ระบุไว้ว่าในกรณีฉุกเฉินเพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่พาสปอร์ตสูญหาย


4. ห้ามฝากกระเป๋าสัมภาระหรือรับฝากข้าวของจากคนแปลกหน้า เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมอะไรบ้างถูกยัดมาในกระเป๋าและส่งต่อให้กับเราอีกทีนึง

5.  หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิงหรือชายก็มีโอกาสที่จะเกิดอันตรายหรือพลาดพลั้งได้ทั้งนั้น

6. หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพง รวมทั้งไม่พกเงินสดหรือบัตรเครดิตติดตัวมากเกินไป ซึ่งนั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้านิ่งให้กับมิจฉาชีพนั่นเอง


7. หากต้องการแลกเงินในขณะอยู่ต่างประเทศ ให้ติดต่อเฉพาะตัวแทนที่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น แม้ว่าจะมีข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าจากคนนอกก็ตาม

8. ทำความคุ้นเคยกับกฎหมายและประเพณีของประเทศที่คุณกำลังจะไปเยือน และหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือประเพณีเหล่านั้น เพราะกฎของแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในประเทศที่เคร่งครัดในกฎระเบียบมากๆ อย่างเช่นประเทศมุสลิมและประเทศในเขตยุโรป เป็นต้น

9. อ่านคำเตือนการเดินทางรวมทั้งประกาศจากสถานเอกอัครราชทูตของประเทศที่คุณกำลังจะเดินทางไปก่อนการเดินทาง

10. มีความสุขกับการเดินทาง อย่ากังวลจนเกินเหตุจนทำให้สิ่งเหล่านี้มาบั่นทอนความสุขและความสนุกในการเดินทางท่องเที่ยวของคุณให้หายไป


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับทิปส์ง่ายๆ ที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ มัชรูมทราเวลก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังวางแผนจะเดินทางในอนาคตอันใกล้ไม่น้อย รวมทั้งทำให้ท่านรู้สึกสบายใจในการเดินทาง สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสนุกและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นไปอีกค่ะ 

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

“ฮอกไกโด” ฤดูไหนๆ ก็เที่ยวได้

คุณผู้อ่านเห็นด้วยไหมคะว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินของนักเดินทางที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะตอนบนของประเทศอย่างภูมิภาคฮอกไกโด ที่ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนที่นี่ก็สวยงามอยู่เสมอ ด้วยความโดดเด่นของแต่ละช่วงฤดูกาล ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน ใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วง แต่อากาศที่ฮอกไกโดก็ยังคงความบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง ทองฟ้ายังคงเป็นสีฟ้าใส ส่วนสีสันของดอกไม้บนภูเขาสูงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดูกาลที่ผันแปร แต่ธรรมชาติก็ยังใจดีกับดินแดนแห่งนี้โดยมอบสิ่งอื่นทดแทนให้ในแต่ละช่วงฤดูกาล  



สำหรับใครที่วางแผนเอาไว้ว่าอยากจะไปเที่ยวฮอกไกโดสักครั้ง แต่ติดปัญหาตรงที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปในช่วงฤดูไหนดี เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงฮอกไกโด ก็มักจะนึกถึงหิมะสีขาวโพลน หรือไม่ก็ดอกไม้บานหลากสีสัน ทั้งที่ความจริงแล้ว เสน่ห์ของฮอกไกโดนั้นมีอยู่ทุกฤดู โดยสถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโดที่น่าสนใจ เมื่อไปถึงฮอกไกโดแล้วควรไปเที่ยวที่ไหนอย่างไรดี วันนี้มัชรูมทราเวลมีคำตอบมาฝากทุกท่านแน่นอนค่ะ

อบอุ่น ผ่อนคลาย สบายใจที่ “โนโบริเบทสึ”



หลังจากต้องเดินทางติดต่อกันหลายชั่วโมง นักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮอกไกโดหลายๆ ท่านคงรู้สึกอ่อนเพลียเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่น้อย ดังนั้นสถานที่แรกที่มัชรูมทราเวลอยากจะขอแนะนำก็คือ เมืองโนโบริเบทสึที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งออนเซนนั่นเองค่ะ โดยทั่วไปโรงแรมในเมืองแห่งนี้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็จะมีออนเซนไว้บริการแขกผู้เข้าพักด้วย ส่วนออนเซนที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็มีที่โรงแรมไดอิจิ ทาคิโมโตะกัง เป็นต้น ซึ่งที่นี่ก็บ่อน้ำพุร้อนให้เลือกแช่ได้ถึง 7 แบบด้วยกัน ทั้งนี้สำหรับใครที่ไม่ได้พักที่ไดอิจิ ทาคิโมโตะกังก็สามารถมาใช้บริการได้เช่นกัน แต่ต้องเสียค่าบริการ 2,000 เยน หรือหากมาในช่วงเวลา 16.00 น. ขึ้นไป ก็จะเหลือแค่ 1,500 เยนเท่านั้นค่ะ

“จิโกกุดานิ” ที่นี่มีลิงแช่ออนเซน



เมื่อมาถึงเมืองโนริเบทสึ นอกจากกิจกรรมแช่ออนเซนเพื่อผ่อนคลายความเครียดแล้ว อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไม่ควรพลาดก็คือหุบเขานรกจิโกกุดานิ ที่มีจุดเด่นด้วยสภาพอากาศที่มีหิมะปกคลุมถึง 1 ใน 3 ของช่วงเวลาตลอดทั้งปี อีกทั้งสภาพภูมิประเทศยังเต็มไปด้วยโขดหิน มีน้ำพุและโคลนร้อนพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินอยู่ตลอดเวลา ส่วนไฮไลท์เด็ดของที่นี่ที่น่ารักสุดๆ ก็คือเจ้าลิงหิมะที่อาศัยอยู่แถบนี้กว่า 200 ตัว จนกลายเป็นอุทยานลิงหิมะขนาดใหญ่ ที่วันดีคืนดีพวกมันก็จะพากันยกโขยงมาแช่บ่อออนเซนเหมือนกับมนุษย์กันเลยทีเดียว ที่สำคัญเจ้าลิงพวกนี้ยังนิสัยดีและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ โดยเราสามารถถ่ายรูปขณะที่พวกมันแช่น้ำพุร้อนอย่างสบายตัวได้เลยล่ะค่ะ  

“ทะเลสาบโทยะ” ความสวยงามของธรรมชาติดุจดังภาพวาดที่มีชีวิต



มาเที่ยวฮอกไกโดทั้งที หากพลาดทะเลสาบโทยะ ก็อาจเรียกได้ว่าคุณยังมาไม่ถึงฮอกไกโดอย่างแท้จริง โดยโทยะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองโทยะ ที่มีชาติกำเนิดมาจากปากปล่องภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งมีความพิเศษไม่เหมือนใครคือ ในขณะที่แม่น้ำอื่นๆ ในช่วงฤดูหนาวจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่น้ำในทะเลสาบโทยะนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ส่วนช่วงหน้าร้อนอากาศที่นี่ก็เย็นสบาย ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยว โดยบางรายก็มาตั้งแคมป์พักผ่อนริมทะเลสาบก็มี และอีกหนึ่งไฮไลท์ของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือ ในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม จะมีการแสดงพลุไฟในเวลา 20.45 น. ทุกคืน นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งค่ะ นอกจากนี้เมื่อเราถ่ายภาพของทะเลสาบโทยะ จะสังเกตเห็นเกาะเล็กๆ ใจกลางทะเลสาบ นั่นเป็นเกาะที่มีชื่อว่านากาจิมะค่ะ เราสามารถไปเที่ยวที่เกาะได้นะคะ ยกเว้นในช่วงฤดูหนาว

โรแมนติก “โอตารุ”



โอตารุคือเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองซัปโปโรมากนัก แต่ถึงโอตารุจะเป็นเมืองเล็กแต่เสน่ห์ของที่นี่กลับไม่เล็กตามขนาดของเมือง เพราะโอตารุนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดในฮอกไกโดเลยทีเดียว โดยมีจุดไฮไลท์ประจำเมืองคือคลองโอตารุน้ำใสแจ๋วที่มีความยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร รวมถึงร้านรวงต่างๆ และบรรดาพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองนั่นเองค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าทั้งร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ของที่นี่มีความพิเศษซึ่งแตกต่างจากร้านทั่วๆ ไปที่เราคุ้นเคยอย่างแน่นอน เพราะว่าทั้งหมดปรับปรุงจากโกดังสินค้าในอดีตที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมคลองนั่นเอง ที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ริมคลองโอตารุจะถูกตกแต่งประดับประดาด้วยบ้านและตุ๊กตาหิมะและจุดเทียนโคมตลอดสองริมน้ำ ยิ่งเพิ่มความสวยงามโรแมนติกให้กับเมืองเล็กๆ แห่งนี้มากขึ้น

“ซัปโปโร” ความสมบูรณ์แบบแห่งฮอกไกโด



อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จะลืมไม่ได้เลยสำหรับฮอกไกโด และอาจเรียกได้ว่าเมืองแห่งนี้คือขวัญใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็ว่าได้ นั่นก็คือซัปโปโร เมืองที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโดนั่นเอง ซึ่งที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาล สมบูรณ์แบบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนโอโดริที่มีเหล่าพันธุ์ไม้และแปลงดอกไม้แต่งแต้มสีสันฤดูกาลทั้ง 4 ให้น่าหลงใหล, ภูเขาโมอิวะที่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์และยังมีจุดชมวิวที่งดงามเกินห้ามใจให้ได้ชม,  อิชิยามะกรีนสเปซ สวนศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัวไม่มีใครเหมือน, ทะเลสาบชิโคสึ ดินแดนสวรรค์สำหรับคนรักนก, ซัปโปโรโจซันเค เนเจอร์วิลเลจ สถานที่ตั้งแคมป์สุดเพอร์เฟคสำหรับผู้รักการผจญภัย เป็นต้น

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโด ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่านี่แค่น้ำจิ้มเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะหากท่านมีโอกาสไปสัมผัสด้วยตัวเองแม้เพียงสักครั้ง จะรู้เลยค่ะว่า แม้ท่านจะเคยเห็นฮอกไกโดผ่านภาพถ่ายที่ดีที่สุดและสวยที่สุดมาเป็นล้านๆ ครั้ง ก็เทียบไม่ได้เลยกับภาพของฮอกไกโดที่สัมผัสด้วยสายตาของท่านแม้เพียงครั้งเดียว 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองไปสัมผัสกับความงามของฮอกไกโดดูสักครั้ง มัชรูมทราเวลก็มีโปรแกรมที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นโปรแกรมให้ท่านได้ไปเยือนฮอกไกโดแบบเต็มอิ่ม 5 วัน 3 คืนกันเลยทีเดียว โดยออกเดินทางในช่วงวันหยุดแรงงานที่จะถึงนี้ ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mushroomtravel.com/th/group-tour/japan/mrtb0007-japan-5d-3n-by-tg.html หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ บริษัททัวร์ มัชรูมทราเวล โทร.0 2105 6234 กด 1