แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Singapore แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Singapore แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ข้าวมันไก่สิงคโปร์ ร้านไหนจัดว่า “เด็ด” มาถึงแล้วต้องลอง

pic-5

เปิดมาก็น้ำลายไหลเลย เพราะวันนี้ มัชรูมทราเวล จะพาไปรู้จักของอร่อยกันที่….สิงคโปร์  กับเมนู ข้าวมันไก่สิงคโปร์ นั่นเอง ถ้าถามว่าไปสิงคโปร์จะกินอะไรดี? มัชรูมทราเวลเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าในโปรแกรมของทุกคน จะต้องมีไปชิม ข้าวมันไก่สิงคโปร์ อย่างแน่นอน เพราะ “ข้าวมันไก่” ถือว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์ ที่ใครๆ ก็ต้องไปลองลิ้มชิมรสกันให้จงได้ ความพิเศษคือ มันเป็นสูตรไหหลำแท้ๆ ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในบรรดาสูตรข้าวมันไก่ต่างๆ ที่คนสิงคโปร์เรียกว่า “Hainanese Chicken Rice” ซึ่งต่างจากข้าวมันไก่ของไทยที่ส่วนใหญ่จะเป็นสูตรแต้จิ๋ว
ข้าวมันไก่สูตรไหหล่ำนั้น มีสูตรเฉพาะที่การหุงข้าวด้วยน้ำซุปไก่ผสมสมุนไพร ทำให้มีกลิ่นหอมหวนชวนกิน เม็ดข้าวเรียงตัวสวย ร่วนซุย ไม่มันมากจนเกินไป เนื้อข้าวเนียนนุ่มน่าทาน ส่วนเนื้อไก่ จะใช้ไก่นำเข้าจากมาเลย์ นำไปต้มในน้ำซุปกระดูกหมู หอมกลิ่นกระเทียมและขิง เนื้อไก่จะมีความนุ่ม ฉ่ำ น่าหม่ำสุดๆ ส่วนหนังก็จะกรอบนิดๆ และที่ต่างจากบ้านเราอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ จะมีน้ำซอสราดมาบนเนื้อไก่ด้วย ซึ่งน้ำราดนั้นก็จะเป็นน้ำซุปที่เหลือจากการต้มไก่ นำมาปรุงรสอีกเล็กน้อย จึงทำให้เนื้อไก่ชุ่มช่ำอยู่ตลอดเวลา อีกส่วนหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ มากๆ ก็คือ น้ำจิ้ม ที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกัน 3 อย่าง ก็คือ น้ำจิ้มซีอิ้วดำ (แบบไม่หวาน), น้ำจิ้มขิงผสมต้นหอมปั่นรวมกัน รสชาติจะออกเผ็ดนิดๆ หอมกลิ่นขิงอ่อนๆ, และน้ำจิ้มเปรี้ยว เป็นพริกและกระเทียมปั่นรวมกับน้ำส้มสายชู ที่ปรุงมาแบบไม่เปรี้ยวมากนัก นี่แหละเอกลักษณ์ของ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ ขนานแท้ และเมื่อส่วนผสมทุกอย่างมารวมตัวกัน ก็จะออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้
pic-1
มาถึงแล้วก็ต้องจัดเต็มไม่กลัวแคลกันค่า พูดเลยว่า อร่อย เวอร์… เอ้อ..เอ้อ..เอ้อ.. ครอบครัวไหนกำลังเตรียมตัวไปเที่ยว ขอบอกเลยว่าร้านข้าวมันไก่ในสิงคโปร์นั้นมีเยอะมากกกก ในวันนี้เราได้คัดสรรร้านข้าวมันไก่ 4 ร้านอร่อยชื่อดัง ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อไปเยือนสิงคโปร์มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ อย่ารอช้า มาเริ่มกันเลย~

1 Tian Tian Hainanese Chicken Rice

ร้านข้าวมันไก่ เทียน เทียน ได้ชื่อว่าเป็นอะไรที่ “Die, Die, must try” คือต้องลองให้ได้ก่อนตาย! ร้านข้าวมันไก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในระดับแนวหน้าของสิงคโปร์ ถือเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวไทยก็ว่าได้ โด่งดังจนได้รับการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ไม่เฉพาะแต่คนไทย สำหรับคนสิงคโปร์เองก็ด้วย
pic-2
ร้านนี้เป็นที่ยอมรับในความอร่อยหอมนุ่มของข้าวมัน และเนื้อไก่เน้นๆ ที่นุ่มฉ่ำเต็มคำ พร้อมน้ำราดรสเลิศบรรเจิดลิ้น ไก่ที่นี่จะมีสองแบบให้เลือก คือ แบบต้ม และแบบย่าง จะสั่งเป็นจานเดียว ครึ่งตัวหรือทั้งตัว ทางร้านก็มีบริการ หรือจะสั่งชุดใหญ่แยกข้าวแยกเนื้อ และมีผักมีซุปให้ต่างหากก็ได้ รับรองว่าเนื้อไก่ของที่นี่นุ่มและหอมมาก การันตีความอร่อยเหาะที่ท้าให้คุณต้องไปลองให้ได้
pic-4
pic-3
เวลา เปิด-ปิด : 10.00 -21.00 น. (ร้านปิดทุกวันจันทร์)
วิธีการเดินทาง : ร้านตั้งอยู่ใน Maxwell Food Centre ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี China Town MRT หรือ Tanjong Pagar MRT เดินออกมาจากสถานี ก็จะเห็นศูนย์อาหาร Maxwell Food Centre ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
พิกัด :

2 Boon Tong Kee Chicken Rice

“บุญตงกี่” ถือว่าเป็นร้านข้าวมันไก่ระดับตำนานที่ต้องจารึกไว้เลยล่ะค่ะ โดยเริ่มจากการขายข้าวมันไก่แบบรถเข็นอยู่แถวไชน่าทาวน์ ขายเฉพาะข้าวมันไก่อย่างเดียว และด้วยรสชาติข้าวมันไก่ที่อร่อยขึ้นชื่อ บวกกับซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ทำให้ลูกค้าติดอกติดใจกัน จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นาย เทียนบุญหัว เจ้าของร้าน จึงตัดสินใจเปิดร้าน บุญตงกี่ ขึ้น ที่ถนน บาเลสเตียร์ (Balestier Road) ในปี พ.ศ. 2526 หลังจากเปิดร้านได้เพียง 2 ปี ลูกค้าก็มากมายมหาศาล ร้านแทบถล่มไม่พอนั่ง จึงขยายสาขาออกไปอย่างรวดเร็ว
pic-5
เนื้อไก่ขาวอวบ เนื้อแน่น ฉ่ำซอส รสนุ่มละมุนลิ้นที่ยิ่งกินก็ยิ่งฟิน มีให้เลือกด้วยกันหลายแบบ ทั้งแบบต้ม แบบย่าง และแบบไก่กรอบ คุณสามารถสั่งคละเคล้ากันได้ แต่ละแบบล้วนคัดสรรมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ เนื้อขาวอวบเน้นๆ เหนียวนุ่มหนุบหนับแบบพอดี๊พอดี และติดมันน้อยมาก รับรองว่าไม่เลี่ยนอย่างแน่นอน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวมันที่หอมหวน และน้ำจิ้มสูตรเด็ด เป็นส่วนผสมที่เข้ากันแบบเพอร์เฟคลงตัวสุดๆ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
pic-6
ร้าน “บุญตงกี่” มีทั้งหมด 7 สาขาด้วยกัน แต่สาขาแรกที่เป็นออริจินัลเลยก็คือ สาขา Balestier
เวลา เปิด-ปิด : 11.00 – 16.45 น. และ 17.00 – 4.30 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานี Novena ขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งตรงข้ามไปยังโบสถ์ Balestier แล้วต่อรถเมล์สาย 131 ไปลงที่ป้าย Shaw Plaza สาขาสุดท้ายอยู่ที่ถนน Rangoon ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Farrer Park หรือถ้าจะให้สะดวกก็เรียกแท็กซี่ไปเลยค่ะ
พิกัด :

อีกสาขาหนึ่งที่เดินทางสะดวกคือ สาขา Whampo West Blk
เวลา เปิด-ปิด : 11.00 – 15.00 น. และ 17.15 – 22.00 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Boon Keng MRT เดินออกทาง Exit B เลี้ยวขวา แล้วเดินไม่ถึง 3 นาที ก็จะเห็นคนต่อแถวยาวๆ คุณก็รีบไปต่อซะ เพราะนี่แหละคือร้านข้าวมันไก่อันเลื่องชื่อที่คุณตามหาอยู่นั่นเอง
พิกัด :

3 AH Tai Chicken Rice

ข้าวมันไก่ร้าน อาไท จะพิเศษตรงที่เนื้อไก่จะนุ่มมาก และก่อนเสิร์ฟเขาจะเอาไก่คลุกน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน เนื้อไก่จึงชุ่มน้ำซอสในตัว หอมนุ่ม ละลายในปากเลย ส่วนตัวข้าวก็หอมเนียน อร่อย ทานแล้วไม่เลี่ยน คือส่วนผสมทุกอย่างลงตัวเป๊ะอย่างพอดิบพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
pic-7
pic-8
เวลา เปิด-ปิด : 11.00 – 19.30 น. (ร้านปิดทุกวันอังคาร)
วิธีการเดินทาง : ร้านตั้งอยู่ใน Maxwell Food Centre ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี China Town MRT หรือ Tanjong Pagar MRT เดินออกมาจากสถานี ก็จะเห็นศูนย์อาหาร Maxwell Food Centre ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
พิกัด :

4 Chatterbox

เป็นภัตตราคารที่ขายข้าวมันไก่ไหหล่ำที่แพงที่สุดในประเทศ จานละ 23.80 เหรียญ++ ยังไม่รวม service charge และภาษี (มันจะแพงขนาดน้านนนน) ข้าวมันไก่ของร้าน Chatterbox มีชื่ออีกอย่างว่า Mandarin Chicken Rice เพราะร้านนี้ปักหลักอยู่ในโรงแรม Meritus Mandarin Hotel มาช้านานจนกลายเป็นข้าวมันไก่ในตำนานของโรงแรมแมนดารินไปแล้วค่ะ ข้าวมันไก่ของเค้าขึ้นชื่อว่าใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ใช้ข้าวหอมมะลิในการหุง เวลาทานจะได้กลิ่นหอมทั้งจากเนื้อไก่และจากข้าว และทีเด็ดอยู่ที่ซอสพริกผสมขิงสูตรพิเศษของร้านที่เชฟใหญ่การันตีความหอมอร่อยด้วยตัวเอง ถ้าใครอยากกินฟินๆ แบบไม่แคร์กระเป๋าพร้อมเปย์ แนะนำค่ะ
pic-9
pic-10
เวลา เปิด-ปิด : 7.00-10.00 น. | 11.00-23.00 น.
วิธีการเดินทาง : Somerset MRT โรงแรมจะอยู่บนถนน Orchard Link ข้างๆ ห้าง Takashimaya ตรงถนนออร์ชาร์ด
พิกัด :

และนี่ก็เป็น 4 ร้านข้าวมันไก่สุดปัง ที่คุณไม่ควรพลาด เมื่อไปเยือนสิงคโปร์ รับรองว่าอร่อยถูกใจ แถมยังได้สัมผัสกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้านอีกด้วย อย่าลืมไปแวะทานกันให้ได้นะคะ แล้วคุณจะบอกว่า ข้าวมันไก่สิงคโปร์ โอ้โห อร่อยจริ๊งจริงง…

ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————
Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์สิงคโปร์ ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Garden by the Bay...New Destination at Singapore


ใครเลยจะคิดว่าเกาะเล็กๆ ที่พื้นที่ส่วนใหญ่เกิดจากการถมทะเลอย่างประเทศสิงคโปร์ จะสามารถกลายเป็นประเทศที่มีสถานะทางการเงินอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ไปเยือนเกาะเล็กๆ แห่งนี้หลายล้านคนต่อปี ทั้งที่สิงคโปร์นั้นหากเทียบกับประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงต่างๆ แล้ว ถือว่าค่อนข้างโชคร้ายที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวจากธรรมชาติค่อนข้างน้อย แต่ประเทศสิงคโปร์กลับกลายหนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลในฐานะของเมืองท่องเที่ยวจากสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาทดแทน ดังเช่นเมกะโครงการล่าสุดจากรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนสิงคโปร์ให้กลายเป็นเมืองแห่งสวนสาธารณะ โดยนอกจากจะเป็นสถานที่ที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศแล้ว ยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล


พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ของสิงคโปร์นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Garden by the Bay” ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดถึง 250 เอเคอร์ ตั้งอยู่ใจกลางของสิงคโปร์ริมอ่าวมารีน่าเบย์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินจากอ่าวมาที่สวนแห่งนี้เพียง 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งสวนแห่งนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ส่วนคือ สวนริมอ่าวทางใต้ สวนริมอ่าวทางตะวันออก และอ่าวกลางสวนซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมสวนทั้งสองเอาไว้ นอกจากนี้จุดชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่าง Marina Bay Financial District อันเป็นสะพานลอยฟ้า ที่นอกจากจะเป็นชุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามเย็นของคู่รักหรือครอบครัวอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในทั้ง 3 ส่วนของ Golden by the Bay นี้ยังได้แบ่งออกเป็นส่วนย่อยต่างๆ อีก 7 โซนด้วยกัน ซึ่งแต่ละโซนนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นความรู้คือส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการของสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต อันได้แก่ Flower Dome, Cloud Forest, Supertree Grove, Heritage Gardens, Dragonfly & Kingfisher Lakes, Bay East Garden และ World of Plants

Flower Dome



Flower Dome เป็นโดมดอกไม้ที่มีความสูงถึง 38 เมตร และมีขนาดพื้นที่กว่า 3 เอเคอร์ ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวทางด้านทิศใต้ของ Garden by the Bay เมื่อนักท่องเที่ยวก้าวเท้าเข้าสู่ Flower Dome คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่โลกของฤดูใบไม้ผลิ เพราะที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยพืชดอกหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลก ที่ต่างแข่งกันชูช่อเบ่งบานอวดสีสันสดใสรอต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปี เพราะโดมดอกไม้แห่งนี้ได้จำลองสวนของทวีปต่างๆ พร้อมกับควบคุมภูมิอากาศให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชนั้นๆ ไว้ถึง 9 โซนด้วยกัน ได้แก่ California Garden, Olive Grove, Mediterranean Garden, South American Garden, South African Garden, Australia Garden, Succulent Garden, The Baobabs และ Flower Field  นอกจากนั้นภายในโดมยังได้มีการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ประมาณ 23-25 องศาเซลเซียส เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสุขกับการเดินชมสวนได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป







สำหรับโซนการจัดแสดงพันธุ์พืชต่างๆ ที่แบ่งแยกย่อยออกไปนั้น ในส่วนของโซน Succulent Garden และ The Baobabs เป็นสวนของพืชที่อยู่ในโซนอันมีอากาศที่อบอุ่น รวมทั้งพืชจากโซนที่แห้งแล้งที่สุด อย่างเช่นต้น Baobab นอกจากนี้พืชที่จัดแสดงส่วนใหญ่นั้นมาจากสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แอฟริกา และมาดากัสการ์ เป็นต้น, Australia Garden สวนออสเตรเลียนั้นเป็นพืชที่เติบโตในเขตที่มีความแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง รวมทั้งพืชที่มักจะเติบโตในสภาพอากาศอันอบอุ่นพอสมควรในประเทศออสเตรเลีย อย่างเช่นต้นยูคาลิปตัสที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี, South African Garden สวนแอฟริกาใต้เป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกาใต้อันกว้างใหญ่ ทั้งยังรวมถึงต้น Protea ซึ่งเป็นฯดอกไม้ประจำชาติของประเทศแอฟริกาใต้อีกด้วย, South American Garden สวนอเมริกาใต้นั้นเป็นพืชจากเขตกึ่งแห้งแล้งพอสมควรของทวีปอเมริกาใต้ อย่างเช่นต้น Monkey puzzle และ Chilean Wine Palm จากประเทศชิลี

นอกจากนั้นไฮไลท์สำคัญของ Flower Dome ก็คือในโซน Flower Field  ที่นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพรรณที่บางชนิดอาจไม่เคยเห็นมาก่อนแล้ว สิ่งที่พิเศษอีกอย่างก็คือ หากนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสมาเยือนที่นี่ในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ก็จะมีโอกาสได้เห็นการจัดดิสเพลย์ดอกไม้อันสวยงามตระการตา อย่างเช่น การจัดสวนในบรรยากาศของเทศกาลอีสเตอร์ หรือเทศกาลคริสมาสต์ เป็นต้น

Cloud Forest



Cloud Forest ถูกจำลองบรรยากาศของดินแดนลึกลับที่มีทั้งภูเขาสูงชันและเมฆหมอกในพื้นที่ 2 เอเคอร์ ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์พืชหายากบนภูเขาที่สูงชัน ไมว่าจะเป็นพืชที่มักขึ้นอยู่บริเวณภูเขาในเขตร้อนซึ่งมีความสูงกว่า 1,000 เมตร ถึง 3,000 เมตร ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ โดยได้มีการจำลองภูเขาขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีความคล้ายคลึงกับบรรยากาศของจริงมากที่สุด ในบรรยากาศของเมฆหมอกและป่าไม้อันเขียวชอุ่ม รวมทั้งน้ำตกจำลองที่สวยงามไม่แพ้ของจริง  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลิฟท์เพื่อไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขาจำลองแห่งนี้ได้




ไม่เพียงเท่านั้น ในโซน Cloud Forest  แห่งนี้ยังมีส่วนจัดแสดงพืชที่เกือบหายสาบสูญไปจากโลกอย่างเช่นกล้วยไม้บางชนิด และเฟิร์นหายากในบริเวณด้านบนของภูเขา ซึ่งจะมีทางเดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินสำรวจพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งมีความยาวรอบภูเขาจำลองถึง 35 เมตร และหากคุณสังเกตให้ดีที่นี่ก็จะมีสวนลับอยู่แห่งหนึ่ง อันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่มาจากหุบเหวในประเทศนิวซีแลนด์นั่นเอง

Supertree Grove 




Supertrees Grove ตั้งอยู่ริมอ่าวทางด้านทิศใต้ ทั้งยังเป็นโซนที่ใหญ่ที่สุด ถูกออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยสวนแนวตั้งอันมีความสูงตั้งแต่ 20- 50 เมตร ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเฟิร์นและกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์กว่า 200 ชนิด เพราะ Supertrees นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นต้นไม้หุ่นยนต์ เนื่องจากถูกออกแบบขึ้นมาให้มีโครงสร้างและฟังก์ชั่นภายในเลียนแบบการทำงานของระบบนิเวศน์เหมือนกับต้นไม้จริงๆ นอกจากนั้นมันยังต้องอาศัยพลังงานของแสงอาทิตย์เทียมเพื่อนำมาใช้สำหรับการทำงานบางส่วนเช่นเดียวกับวิธีการที่ต้นไม้สังเคราะห์แสง และมันยังสามารถสะสมน้ำเพื่อนำมาใช้งานภายในสวน รวมทั้งมันยังทำหน้าที่ทำความเย็นและระบายอากาศภายในบริเวณสวนแห่งนี้ทั้งหมด




นอกจากนั้นในโซนแห่งนี้ยังประกอบด้วยทางเดินยกระดับ OCBC สกายเวย์ ที่มีระยะทาง 128 เมตร เป็นทางเดินยาวที่มีความสูงถึง 22 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่าง Supertrees ภายใน Supertree Grove ที่นอกจากจะเป็นเส้นทางชมวิวแบบชิลล์ๆ แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ส่วนในช่วงเย็นก็ยังมีการแสดงแสงสีประกอบกับเสียงดนตรีอันน่าตื่นตาตื่นใจที่เรียกว่า Rhapsody Garden อีกด้วย

Heritage Gardens 



Heritage Gardens นำเสนอรากฐานของประวัติศาสตร์อันเกิดจากความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวสิงคโปร์ อีกทั้งยังก่อเกิดวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งสวนแห่งนี้ได้นำเสนอเรื่องราวผ่านพืชพรรณต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ โดยแบ่งแยกย่อยออกเป็นทั้งหมด 4 ธีมหลักด้วยกัน นั่นคือ Indian Garden, Chinese Garden, Malay Garden และ Colonial Garden




ในขณะที่นักท่องเที่ยวเดินผ่านแต่ละสวนในโซนนี้ สิ่งที่คุณจะพบนั้นคือเรื่องราวของการมีส่วนร่วมจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันต่อการก่อตัวของประเทศสิงคโปร์ อย่างเช่น Malay Garden ที่เน้นเสนอเกี่ยวกับเรื่องของผลไม้ที่กินได้ และพืชสมุนไพรของชาวมลายูท้องถิ่นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย รวมทั้งบ้านกำปงที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด, Colonial Garden นอกจากจะนำเสนอพืชเศรษฐกิจส่งออกที่สำคัญของสิงคโปร์แล้ว ในส่วนนี้ยังมีบ้านสไตล์โคโลเนียลสีดำและสีขาวที่สร้างขึ้นจากปูนและเปลือกหอยบด ที่สำคัญไม้ที่ใช้ยังป้องกันปลวกและแมลงได้ดี ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นอดีตประเทศอาณานิคมของสิงคโปร์นั่นเอง, Indian Garden สวนสไตล์อินเดียในรอบรั้วสีฟ้า รวมทั้งต้นกำเนิดของธรรมชาติและสัตว์หลากหลายชนิด และ Chinese Garden สวนจีนที่มีเอกลักษณ์ของศิลปะแบบจีน นอกจากนั้นยังมีไฮไลท์คือรูปปั้นของพระพุทธเจ้าใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็คือต้นศรีมหาโพธิ์ และพืชสมุนไพรอีกหลายชนิด

Dragonfly & Kingfisher Lakes



ทะเลสาบ Dragonfly & Kingfisher Lakes ตั้งอยู่ตรงกลาง Garden by the Bay ที่ไม่เพียงจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนที่รายล้อมเท่านั้น แต่ทะเลสาบแห่งนี้ยังอุดมไปด้วยสัตว์น้ำ และพืชน้ำหลากหลายชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยดูดซับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้ำ นอกจากนี้ยังมีระบบกรองน้ำสะอาดที่เชื่อมต่อกับอ่าวมารีน่าเบย์ ทะเลสาบของที่นี่จึงมีน้ำที่ใสสะอาดอยู่เสมอ และจุดเด่นอีกอย่างของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือฝูงแมลงปอที่มีอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวจึงเพลิดเพลินกับการเดินเล่นริมทะเลสาบพร้อมฝูงแมลงปอหลากสีสันที่บินวนเวียนอยู่รอบตัว




Bay East Garden



Bay East Garden คือโลกของความสงบริมน้ำทางด้านทิศตะวันออกที่มองเห็นวิวอันสวยงามของเส้นขอบฟ้า Marina Bay Financial District อ่าวมารีน่าเบย์ Supertrees ต้นปาล์ม และสนามหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีเส้นทางเดินเล่นริมน้ำซึ่งมีความยาวถึง 2 กิโลเมตร ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมของครอบครัวที่มักจะพากันมาเดินเล่นหรือปิกนิกเสมอ อีกทั้งการเดินทางมาที่นี่ก็ยังง่ายดาย ด้วยรถบริการสาธารณะสาย 158 หรือเดินข้ามมารีน่าเบย์มาเพียง 5 นาทีเท่านั้น





World of Plants



World of Plants คือโลกพฤกษศาสตร์ที่มีความสวยงามและน่าสนใจด้วยดินแดนของต้นไม้เขียวขจี และพืชเขตร้อนที่งดงาม ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ถึงพันธุ์พืชดั้งเดิมของโลก ไม่ว่าจะเป็นพืชในเขตป่าฝนอย่างเช่นชุมชนเห็ด รวมทั้งดอกไม้สายพันธุ์ต่างๆ ที่มักจะเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ไม่เพียงเท่านั้น ในโซนแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิด อย่างเช่นนกเงือก หรือบรรดาลิงชนิดต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน





และทั้งหมดนี้ก็คือ Garden by the Bay แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุด ทั้งยังเป็นเมกะโปรเจ็กต์ของประเทศสิงคโปร์ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด หากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนเกาะเล็กๆ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

ทัวร์สิงคโปร์