แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวอินโดนีเซีย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวอินโดนีเซีย แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

หมู่เกาะราชาอัมพัต (Raja Ampat) สรวงสวรรค์ของนักดำน้ำ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความมหัศจรรย์ของโลกใต้ท้องทะเล วันนี้มัชรูมทราเวลจะพาท่านไปเยือนประเทศอินโดนีเซียกันค่ะ ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากประกอบไปด้วยเกาะแก่งต่างๆ มใากมายถึง  17,508 เกาะเลยทีเดียว โดยแบ่งออกเป็น 4 หมู่เกาะใหญ่คือ หมู่เกาะซุนดาใหญ่ หมู่เกาะซุนดาน้อย หมู่เกาะโมลุกะและหมู่เกาะอิเรียนจายาหรือหมู่เกาะปาปัวนิวกินีตะวันตก อันเป็นจุดหมายปลางทางของเราในวันนี้ซึ่งก็คือ “ราชาอัมพัต” หมู่เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะอิเรียนจายานั่นเอง



รู้จัก “หมู่เกาะราชาอัมพัต”

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับการดำน้ำที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วล่ะก็ มัชรูมทราเวลขอแนะนำหมู่เกาะราชาอัมพัตให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณค่ะ โดยหมู่เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเบิร์ด เฮดบนเกาะนิวกินีซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดปาปัวตะวันตก


ราชาอัมพัตเป็นหมู่เกาะที่มีพื้นที่ครอบคลุม 4,600,000 ไร่ ทั้งบนพื้นดินและทางทะเล โดยชื่อของหมู่เกาะราชาอัมพัต เป็นภาษาอินโดนีเซียอันมีความหมายว่า “ราชาทั้ง  4 พระองค์” ที่บ่งบอกถึงเกาะหลักทั้ง 4 ของหมุ่เกาะ นั่นก็คือ เกาะมิซูล (Misool) เกาะซาลาวาติ (Salawati) เกาะบาตันตา (Batanta) และเกาะไวเกียว (Waigeo) จากจำนวนของเกาะเล็กๆ ทั้งหมดกว่า 1,500 เกาะ ที่ประกอบเป็นหมู่เกาะราชาอัมพัตแห่งนี้ ทั้งนี้ความพิเศษของหมู่เกาะราชาอัมพัตก็คือ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นจุดดำน้ำที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากมีดินแดนสามเหลี่ยมปะการังที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นที่สุด ทั้งยังมีสถานะเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำของประเทศอินโดนีเซีย ด้วยปะการังที่มีมากกว่า 500 ชนิด ปลาทะเลอีกกว่า 1,300 สายพันธุ์ อย่างเช่น ปลากระเบนราหู ปลาพะยูน ปลาทูน่ายักษ์ ปลากะพง ปลาน้ำดอกไม้ และปลาเฉพาะถิ่น เป็นต้น รวมถึงหอยกว่า 700 ชนิด นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าทะเลถึง 6 ใน 7 สายพันธุ์ที่มีอยู่ในโลกนี้อีกด้วย

เกาะมิซูล (Misool)



เกาะมิซูลคือ 1 ใน 4 เกาะสำคัญที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของหมู่เกาะราชาอัมพัต และอยู่ไม่ไกลจากเกาะมานูกันของมาเลเซียมากนัก ที่สำคัญเกาะมิซูลยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เนื่องจากที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวอันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทที่มีชื่อว่า “มิซูล อีโค รีสอร์ท” ซึ่งรายล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาวเม็ดละเอียด และแนวปะการังหลากสีสัน อันเป็นแหล่งอาศัยของฝูงปลาทะเลสีสวยกว่า 1,200 ชนิด และสัตว์ตระกูลหอยอีกกว่า 699 ชนิด ยังไม่รวมถึงสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอีกหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่อีกจำนวนมาก

เกาะซาลาวาติ (Salawati) 



เกาะซาลาวาติเป็นอีกหนึ่งเกาะหลักของหมู่เกาะราชาอัมพัตซึ่งมีพื้นที่ของเกาะประมาณ 1,623 ตารางกิโลเมตร และมีความสวยงามไม่แพ้เกาะหลักอื่นๆ เช่นเดียวกัน จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยี่ยมชมเกาะหลายหมื่นคนต่อปี ปัจจุบันมีนักธุรกิจหลายคนได้ให้ความสนใจเกาะซาลาวาติ เพื่อจะเข้ามาพัฒนาเกาะแห่งนี้ให้เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทที่สวยงามและเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนยังเกาะซาลาวาติในอนาคตนั่นเอง

เกาะบาตันตา (Batanta)



เกาะบาตันตาเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 3 เกาะหลักของราชาอัมพัต แต่มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือธรรมชาติที่สมบูรณ์ด้วยภูเขาหินที่ตะปุ่มตะป่ำซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าฝนอันหนาแน่น ทำให้เกาะบาตันตาแห่งนี้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติแบบดิบๆ ให้มาเยือนที่นี่ไม่สร่างซา โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือการดูนก เพราะที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของนกเฉพาะถิ่นที่มีอยู่หลายสายพันธุ์และหาดูไม่ได้จากที่อื่น

เกาะไวเกียว (Waigeo)



เกาะไวเกียวคือเกาะหลักของราชาอัมพัตและเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหน้าผาสูงตระหง่าน ทั้งยังเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของภูมิภาคแห่งนี้ ความพิเศษของเกาะไวเกียวก็คือเป็นเกาะที่เข้าถึงได้โดยง่ายด้วยขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ที่พักก็ยังมีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 3 เกาะที่เหลือ นั่นจึงทำให้เกาะไวเกียวเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความท้าทายแต่ไม่ยุ่งยาก โดยกิจกรรมยอดนิยมของเกาะไวเกียวก็คือการดำน้ำดูปะการังและการดูนกนั่นเอง

ทัวร์อินโดนีเซีย

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวในเมืองหลวงดินแดนอิเหนา

เมื่อพูดถึงดินแดนอิเหนา เชื่อแน่ว่าหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรากำลังหมายถึง “ประเทศอินโดนีเซีย” 1 ใน 10 ชาติอาเซียนของเรานี่เองค่ะ ซึ่งวันนี้มัชรูมทราเวลจะนำทุกท่านไปเที่ยวยังเมืองหลวงของแดนอิเหนาอย่างกรุงจาการ์ตากัน เนื่องจากได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งประวัตศาสตร์ที่เต็มไปด้วยโบสถ์และอาคารเก่าแก่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมอันยาวนานของดินแดนแห่งนี้ นอกจากนี้จาการ์ตายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนอีกมากมาย นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หมู่เกาะ สวนสัตว์ สวนสนุก เป็นต้น ดังเช่น 5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำกรุงจาการ์ตาที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้



1. อนุสาวรีย์แห่งชาติโมนัส




อนุสาวรีย์แห่งชาติโมนัสถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ผู้คนรู้จักมากที่สุดในกรุงจาการ์ตาจนได้ชื่อว่าเป็นไอคอนแห่งจาการ์ตาเลยก็ว่าได้ โดยอนุสาวรีย์ความสูง 137 เมตรแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสแห่งเสรีภาพนั้น ภายในคือพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมทรัพย์สินทางประวัตศาสตร์และวัตถุทางโบราณคดีของประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนั้นยังมีสถานะเป็นหนึ่งในศูนย์รวมความบันเทิงของเมือง ที่ผู้คนหลากหลายสถานะทางสังคมมักจะมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่เสมอไม่ว่าช่วงกลางวันหรือยามค่ำคืน อีกทั้งที่นี่ยังมักจะถูกใช้เป็นศูนย์กลางของงานแสดงศิลปะและเทศกาลวัฒนธรรมอยู่เสมอโดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรีอีกด้วย ส่วนข้างบนของอนุสาวรีย์แห่งชาติโมนัสประชาชนยังสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์รอบๆ เมืองได้จากหอสังเกตการณ์ทางด้านบน 

2. ตามันมินิอินโดนีเซียอินดาห์




ตามันมินิอินโดนีเซียอินดาห์ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “Beautiful Indonesia Miniature Park” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความมีเสน่ห์ของชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนเกาะของอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา ในพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 250 เอเคอร์ (ประมาณ 625 ไร่) โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมที่นี่ก็จะได้พบกับความหลากหลายของอาคารบ้านเรือนในรูปแบบต่างๆ ในแต่ละจังหวัดของประเทศ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม วัตถุมงคลประจำแต่ละเผ่า รวมถึงศิลปะ ประเพณี และการแสดงทางวัฒนธรรมจากทั้งหมด 33 จังหวัดในประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นภายในบริเวณตามันมินิอินโดนีเซียอินดาห์ยังมีทะเลสาบขนาดเล็กให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งสวนกล้วยไม้ สวนนก พิพิธภัณฑ์ โรงภาพยนตร์ IMAX โรงละคร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมายไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน 

3. อันคอล ดรีมแลนด์




อันโชลเบย์ ซิตี้ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า “อันคอล ดรีมแลนด์” นั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในบริเวณตอนเหนือของเมืองหลวงริมอ่าวจาการ์ตาที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสมบูรณ์มากที่สุด ทั้งยังเป็นสวนสาธารณะและสวนสนุกสำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดและน่าสนใจที่สุดในจาการ์ตาอีกด้วย โดยภายในประกอบไปด้วยสนามกอล์ฟ โรงแรม ไนท์คลับ สระว่ายน้ำ น้ำตก และสวนสนุกที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ธีมด้วยกันคือ จาการ์ตา อินโดนีเซีย เอเชีย แอฟริกา อเมริกา ยุโรป และแฟนตาซี นอกจากนั้นยังอัดแน่นไปด้วยเครื่องเล่นที่ล้วนผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001: 2000 อย่างเช่น รถไฟเหาะ Halilintar, Istana Boneka, Balada Kera เป็นต้น

4. สวนสัตว์รากูนัน




สวนสัตว์รากูนันเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศอินโดนีเซียที่สร้างขึ้นในปี 1864 ในชื่อ "En Planten Dierentuin" ซึ่งหมายถึง "พืชและสวนสัตว์" โดยในตอนแรกรัฐบาลได้บริจาคที่ดินจำนวน 30 ไร่ในกรุงจาการ์ตาเพื่อก่อตั้งสวนสัตว์แห่งนี้ จนกระทั่งได้เปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1966 ทางตอนใต้ของกรุงจาการ์ตา ปัจจุบันสวนสัตว์รากูนันมีพื้นที่ทั้งหมด 140 ไร่ ภายในประกอบไปด้วยศูนย์อนุรักษ์ลิงอุรังอุตังที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนสัตว์แห่งนี้ปีละหลายล้านคน นอกจากนี้ก็ยังประกอบไปด้วยสารพัดสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ อีกกว่า 295 ชนิด รวมทั้งสิ้นกว่า 4,040 ตัว 

5. จาการ์ตา โอลด์ ทาวน์




โกตา ตูอา หรือที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม “จาการ์ตา โอลด์ ทาวน์” นั้น เป็นย่านใจกลางเมืองเดิมของกรุงจาการ์ตาในยุคอาณานิคมซึ่งเรียกว่าปัตตาเวียที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 1.3 ตารางกิโลเมตร ภายในกำแพงที่ล้อมรอบ ซึ่งในอดีตช่วงศตวรรษที่ 17-19 พื้นที่แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีแห่งเอเชียก็ว่าได้ เนื่องจากพ่อค้าจากหมู่เกาะต่างๆ ในสมัยนั้นได้ใช้บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการค้าโลก โดยเฉพาะเครื่องเทศซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวยุโรปเป็นอย่างมาก แม้ปัจจุบันกรุงจาการ์ตาจะเปลี่ยนโฉมไป แต่ตึกเก่าในยุคอาณานิคมที่ผสมผสานระหว่างประวัตศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวดัตช์และชาวจีนก็ยังคงหลงเหลืออยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะในบริเวณจัตุรัสฟสาตาฮิลลาห์ที่ปูพื้นด้วยหินหยาบใจกลางย่านเมืองเก่านั้นดูจะมีสภาพดีและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็ว่าได้

เป็นอย่างไรบ้างคะคุณผู้อ่านสำหรับแหล่งท่องเที่ยวแห่งกรุงจาการ์ตาที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียแห่งนี้นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่หลากหลายแล้ว ในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ เช่นกัน และสถานที่ทั้งหมดนี้ก็กำลังรอให้ท่านได้เหยียบย่างไปชมด้วยสายตาของตัวเองแล้วค่ะ

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

พิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่ อัญมณีแห่งชวาตะวันออก

หากพูดถึงภูเขาไฟ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจินตนาการถึงความน่าเกรงขาม และความน่ากลัวเมื่อภูเขาไฟเกิดการระเบิดและพ่นลาวาสูงเฉียดฟ้า ทั้งๆ ที่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ภูเขาไฟถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าพิศวงด้วยมีทัศนียภาพที่สวยงามซับซ้อน ดูน่าค้นหายิ่งนัก


เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวล จึงจะพาทุกท่านเดินทางสู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีบนมงกุฎของชวาตะวันออก อีกทั้งที่นี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยภูเขาไฟโบรโม่คือหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทจาภูเขาไฟทั้งหมดประมาณ 400 ลูกของอินโดนีเซีย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ซึ่งเคยเกิดระเบิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ภูเขาไฟโบรโม่เกิดการระเบิดก็คือเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 ใน 10 แห่งอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกด้วย


เปิดประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ


บนเนินเขาสูงกว่า 40 กิโลเมตร บนชายฝั่งทางตอนเหนือของหมู่เกาะชวาตะวันออก เมื่อนักเดินทางเพื่อมุ่งสู่ภูเขาไฟโบรโม่  จำเป็นที่จะต้องผ่านหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่านและหมอกควันจากภูเขาในแถบนี้ที่ไม่ใช่แค่จากบรูโม่เท่านั้น เพราะภายในแถบนี้ยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังไม่มอดดับอยู่อีก 2 ลูกด้วยกัน  และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปชมความงามอันน่ามหัศจรรย์ของภูเขาไฟโบรโม่ ส่วนใหญ่จะรีบเดินทางมาให้ถึงที่หมายก่อนฟ้าสาง เพื่อให้ทันเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะสาดแสงแห่งความสว่างไสวไปทั่วพื้นพิภพนั่นเอง


และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายที่จะพิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่  เส้นทางยอดนิยมก็คือการเดินทางจากสุราบายาสู่  เมืองโปรโบลิงโก้ แล้วไปต่อที่หมู่บ้านเซโมโร ลาวัง จากนั้นจึงพักค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน เพื่อให้ทันกับการไปชมพระอาทิตย์ในช่วงเช้านั่นเอง รวมถึงการชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ด้วย โดยเซโมโร ลาวังเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร มีอุณหภูมิหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้ามืด ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจำเป็นจะต้องพกพาเสื้อหนาวหรือกางเกงขายาวมาด้วยเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับการปีนเขาหรือการเดินเท้าในระยะไกลๆ

Getting there 


เส้นทางการเดินทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางยอดนิยมของนักเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนมัธยมในพื้นที่ ที่ใช้เส้นทางนี้ในการเข้าค่ายสันทนาการ นอกจากนั้นก็ยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ที่รักการผจญภัยเช่นเดียวกัน โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังภูเขาไฟโบรโม่ หากไม่เลือกซื้อทัวร์ก็สามารถเดินทางมาด้วยตัวเองได้หลากหลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ Juanda International Airport เมืองสุราบายาซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่มากที่สุดนั่นเอง 


1. นั่งแอร์พอร์ตบัสจาก Juanda International Airport ไปยังสถานีขนส่ง Bungur Asih เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโปรโบลิงโก้ ก่อนจะต่อรถไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังที่ตั้งอยู่บริเวณขอบปากของแอ่งภูเขาไฟซึ่งเป็นหนทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ ทั้งนี้ค่าโดยสารสำหรับรสบัสด่วนปรับอากาศนั้นอยู่ที่ราคาประมาณ 25,000 รูเปียต่อคน ส่วนรถบัสธรรมดาราคาอยู่ที่ 14,000 รูเปียต่อคน และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง 

2. เมื่อเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้ นักท่องเที่ยวต้องต่อรถมินิบัสสีเขียวเพื่อไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังในราคาค่าโดยสารประมาณ 250,000-300,000 รูปเปียต่อคน (ขึ้นอยู่กับการต่อรอง) โดยมินิบัสนี้จะมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง และรถจะออกเดินทางทันทีเมื่อมีผู้โดยสารขึ้นเต็มรถบัส ซึ่งบางครั้งอาจต้องรอนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้หลังเวลา 16.00 น. ควรจะหาที่พักค้างแรมภายในเมืองและเดินทางในตอนเช้าจะดีกว่า เนื่องจากในช่วงเย็นนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมีผู้โดยสารเต็มคันรถ 


ส่วนการเดินทางเพื่อขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องขี่ม้าหรือเดินขึ้นไป แต่ม้าจะสามารถไปส่งถึงเพียงแค่ไหล่เขาเท่านั้น ช่วงถัดไปนักท่องเที่ยวจะต้องเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปด้วยตัวเองในระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยในระหว่างทางจะมีที่พักให้ได้นั่งพักเหนื่อยเป็นจุดๆ ซึ่ง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมและชื่นชอบมากที่สุดเมื่อเดินทางถึงยอดภูเขาไฟโบรโม่ก็คือ การเดินบนขอบปากปล่องภูเขาไฟนั่นเอง โดยเส้นทางจะมีลักษณะเป็นสันกว้าง นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้โดยรอบ แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากสักหน่อยเนื่องจากขอบปากปล่องภูเขาไฟนั้นเป็นสันทรายที่ค่อนข้างลื่น นอกจากนั้นยังมีความเชื่ออีกหนึ่งอย่างก็คือ การซื้อดอกไม้จากชาวบ้านที่นำขึ้นมาขายแล้วอธิษฐานถึงสิ่งที่ต้องการแล้วโยนลงไปในปากป่องภูเขาไฟ อันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากคู่รักหนุ่มสาวที่เดินทางมาเยือนที่นี่ที่ต่างขอให้ความรักของตนสมหวังและครองรักกันตราบชั่วนิรันด์นั่นเอง
ทัวร์อินโดนีเซีย