แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทัวร์ราคาถูก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทัวร์ราคาถูก แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 เทคนิคการจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อให้เหลือที่ว่างอย่างง่ายๆ

เมื่อจะต้องออกเดินทางในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อธุรกิจ หรือไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยมีจุดหมายปลายทางอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ยุ่งยากและน่าหนักใจมากที่สุดสำหรับหลายๆ คนก็คือการจัดกระเป๋านั่นเอง เพราะการจัดกระเป๋าเดินทางนั้นไม่ใช่แค่การยัดๆ เสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ใส่ลงไปในกระเป๋าเท่านั้น แต่คุณต้องคำนึงถึงขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าด้วย โดยเฉพาะการเดินทางโดยเครื่องบินที่มีการจำกัดน้ำหนักทั้งกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องและกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่อง รวมถึงในกรณีที่คุณเป็นขาช้อปตัวยงแล้วล่ะก็ การจัดกระเป๋ายิ่งเป็นเรื่องที่ลำบากมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะไม่เช่นนั้นกระเป๋าเดินทางใบโปรดของคุณอาจระเบิดตัวเองในระหว่างทาง หรือไม่ก็ออกลูกออกหลานเพิ่มขึ้นอีกหลายใบ จนคุณไม่สามารถแบกกลับมาได้เพียงคนเดียว


ทั้งนี้มัชรูมทราเวลตระหนักดีว่าการเดินทางในแต่ละครั้ง ทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเอกสาร การจัดกระเป๋า จนกระทั่งจบทริป ดังนั้นวันนี้มัชรูมทราเวลจึงมีทิปส์สำหรับการจัดกระเป๋าเดินทางมาฝากคุณผู้อ่านค่ะ ซึ่งทิปส์ที่เรานำมาฝากนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าได้มากขึ้น และสามารถช้อปปิ้งของที่ต้องการได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำหนักกระเป๋าอีกต่อไป

1. สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากสวยตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือเมื่อเราต้องจัดกระเป๋าเดินทางความรู้สึกของการรักพี่เสียดายน้องจึงเกิดขึ้น คุณจะมีความรู้สึกว่าเสื้อตัวนี้ก็สวย เดรสชุดนั้นใส่สบาย กางเกงตัวนู้นฉันใส่แล้วหุ่นดี และพอคุณรู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าก็กองเป็นภูเขาเลากาเสียแล้ว ทางแก้ปัญหาก็คือให้ตัดใจเสีย แล้วเลือกเสื้อผ้าเพียงครึ่งเดียวจากกองเสื้อผ้าที่คุณเลือกไว้เท่านั้น

2. โดยปกติสายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ดังนั้นสิ่งของที่ผู้โดยสารนำติดตัวไม่ควรชิ้นใหญ่จนไม่สามารถยัดใส่กระเป๋าได้ และควรเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ระหว่างอยู่บนเครื่องหรือเมื่อลงจากเครื่องเรียบร้อย อย่างเช่นเอกสารการเดินทาง เครื่องสำอาง หมอนรองคอ หรือเสื้อคลุมในกรณีที่จุดหมายปลายทางมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น เป็นต้น


3. หากสัมภาระที่นักท่องเที่ยวต้องการพกพาไปด้วยหรือซื้อกลับมาเป็นสิ่งของที่แตกหักได้ง่าย อย่างเช่น เหล้า เครื่องแก้ว เครื่องปั้นดินเผา เครื่องลายคราม เป็นต้น ก่อนจะเก็บลงกระเป๋าเดินทางควรบรรจุในหีบห่อที่แข็งแรงเสียก่อนโดยภายในต้องมีวัสดุกันกระแทกซ้อนเอาไว้ด้วย จากนั้นในขั้นตอนโหลดกระเป๋า ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ทราบ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้นำฉลาก fragile หรือฉลากแก้วแตกมาติดไว้ที่กระเป๋า ซึ่งหมายถึงสิ่งของภายในหีบห่อนั้นสามารถแตกเสียหายหรือชำรุดได้โดยง่ายนั่นเอง

4. จัดกระเป๋าเดินทางโดยใช้วิธีการมิกซ์แอนด์แมตซ์ ซึ่งทิปในข้อนี้อาจจะเหมาะสำหรับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง หรือนักท่องเที่ยวประเภทขาลุยแบ็กแพคเกอร์ทั้งหลายที่ไม่ได้เน้นความสวยความงามของตัวเองสักเท่าไรนัก ยกอย่างเช่น คุณวางแผนการเดินทางไว้ทั้งหมด 9 วัน เพียงคุณนำเสื้อยืดไป 3 ตัว กับกางเกงอีก 3 ตัว ก็สามารถมิกซ์แอนด์แมตซ์เสื้อผ้าให้เป็น 9 ชุดได้แล้ว


5. ผู้เขียนยอมรับว่าหนังสือคือแหล่งความรู้ชั้นดี โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเดินทางไปในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยแล้วล่ะก็ ไกด์บุ๊คดีๆ สักเล่มสองเล่มก็ช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้นมีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ดังนั้นการแบกหนังสือติดตัวไปด้วยอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก หากนักท่องเที่ยวต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ควรโหลดเก็บไว้ในไอแพดหรือสมาร์ทโฟนจะสะดวกและประหยัดเนื้อที่ได้มากกว่า

6. เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเตารีดหรือไดร์เป่าผมก็ตาม นั่นก็เพราะว่าโรงแรมส่วนใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไว้สำหรับแขกผู้เข้าพักอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี ควรเลือกเฉพาะเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นต้องรีดหรือค่อนข้างยับยาก ส่วนทรงผมสำหรับคุณผู้หญิง ควรจะเตรียมกิ๊ฟท์หรือยางมัดผมเก๋ๆ ไปด้วย ก็จะทำให้สะดวกในการจัดแต่งทรงผมโดยที่ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผมให้ยุ่งยาก


7. แจ๊คเก็ตและเสื้อกันหนาวถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการจัดกระเป๋าเดินทางเลยทีเดียว เนื่องจากขนาดที่ใหญ่และความหนาที่มากกว่าเสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปจึงทำให้กินพื้นที่ของกระเป๋าและทำให้น้ำหนักของกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโล ดังนั้นก่อนจะจัดกระเป๋าเราควรตรวจสภาพอุณหภูมิของสถานที่ที่เราจะไปเสียก่อน ถ้าอุณหภูมิไม่หนาวมากนัก เพียงแค่เสื้อคลุมตัวบางก็เพียงพอแล้ว

8. หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าประเภทยีนส์ทั้งหลายแหล่ เพราะนอกจากยีนส์จะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากแล้ว มันยังดูดซับสิ่งสกปรกได้ง่ายรวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ด้วย ดังนั้นหากจะเลือกเสื้อผ้าสำหรับการเดินทาง ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายซึ่งนอกจากจะสวมใส่สบายแล้ว ยังระบายอากาศและซับเหงื่อได้ดีอีกด้วย


9. สิ่งของชิ้นไหนที่สำคัญสำหรับคุณ หากไม่จำเป็นต้องใช้กรุณาอย่าพกติดตัวเดินทางไปด้วยอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กล้องตัวใหญ่ ขาตั้งกล้อง เป็นต้น เพราะนอกจากคุณจะต้องระมัดระวังมากกว่าปกติแล้ว ยังอาจต้องทนปวดเมื่อยจนหมดสนุกเมื่อต้องแบกมันไว้บนบ่าอยู่ตลอดเวลา

10. ของใช้พื้นฐานสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู โลชั่น ถุงเท้า เสื้อยืด ฯลฯ แทบจะทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีขายและราคาไม่แพงมากนัก ดังนั้นหากคุณจะลืมเตรียมสิ่งของพวกนี้ คุณก็สามารถหาซื้อได้สบายๆ

เห็นไหมคะว่า เพียงเทคนิคง่ายๆ ในการจัดกระเป๋าเดินทางที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทั้ง 10 ข้อนี้ คุณก็จะเหลือพื้นที่ว่างในกระเป๋าอย่างเหลือเฟือแล้วล่ะค่ะ จากนี้จะช้อปจะซื้อของเยอะแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าระเบิดอีกต่อไปแล้ว 

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

8 ทิปส์ เที่ยวกับทัวร์อย่างไรให้มีความสุข

สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ที่มีแพลนต้องการไปเที่ยวตามเส้นทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ไม่อยากเตรียมตัวให้ยุ่งยาก ทั้งการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละวัน การคำนวณเวลา การต่อรถทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถเมล์ รวมทั้งการหาโรงแรมที่พัก เป็นต้น แน่นอนค่ะว่าการเดินทางไปกับคณะทัวร์ จะทำให้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้หมดไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่าคงมีนักท่องเที่ยวหลายๆ ท่านเช่นกันที่ไม่กล้าที่จะเดินทางไปกับทัวร์ ด้วยเพราะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว หรือกลัวจะอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทริปแล้วล่ะก็ วันนี้มัชรูมทราเวลมีทิปส์เด็ดๆ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดทิปส์สำหรับการท่องเที่ยวกับทัวร์มาฝากค่ะ โดยทิปส์ที่เรานำมาฝากนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางสำหรับให้นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถนำไปปรับใช้สำหรับบางสถานการณ์ที่ชวนให้หงุดหงิดใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยที่ท่านคาดไม่ถึง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านมีความสุขจากการเดินทางท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ


1. ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ

การเดินทางท่องเที่ยวทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง หรือไปเป็นกลุ่มแบบกรุ๊ปทัวร์ แน่นอนอาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่เราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องอาหารไม่ถูกปาก เพื่อนร่วมทริปที่ขึ้นรถช้าจนทำให้คนอื่นๆ ต้องรอนานไปสักนิด รถติดจนทำให้การเดินทางบนท้องถนนจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งนานเกินไปจนทำให้เวลาในการเที่ยวลดลง เป็นต้น ซึ่งปัญหาที่กล่าวมานี้ล้วนทำให้เราทุกคนสามารถเกิดอารมณ์หงุดหงิดรำคาญใจได้ทั้งนั้น ซึ่งถ้าหากเราลุกขึ้นมาเอะอะโวยวายก็จะยิ่งทำให้เหตุการณ์บานปลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังจะทำให้คนอื่นที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวหมดสนุกไปด้วย ดังนั้นแทนที่จะโวยวาย ลองตั้งสติสักนิดแล้วหายใจเข้าลึกๆ นับ 1 ถึง 10 หรือถึง 100 ดีกว่าค่ะ

2. ตื่นให้เช้ากว่าปกติ

ก่อนที่เราจะเลือกไปเที่ยวกับทัวร์ หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินตัวเลข 6,7,8 มาบ้างจากในภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงการไปเที่ยวกับทัวร์ที่ต้องตื่น 6 โมงเช้า รับประทานอาหารเช้า 7 โมง และรถออกจากโรงแรม 8 โมง ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะมีทั้งทัวร์ที่กำหนดเวลาตามนี้ หรือไม่ใช่แบบนี้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี การที่นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ตื่นแต่เช้านั้นนับว่าได้เปรียบคนที่ตื่นสายกว่าหลายอย่าง ทั้งมุมมองของบรรยากาศรอบๆ ที่เงียบสงบและแตกต่างกว่าปกติ หรือภาพของพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้า และที่สำคัญการตื่นแต่เช้ายังทำให้เราได้มีเวลารับประทานอาหารเช้าและใช้เวลาเตรียมตัวก่อนออกเดินทางอย่างเหลือเฟืออีกด้วย


3. อย่ากลัวที่จะพูดคุยกับผู้คนรอบข้าง

เมื่อพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่มก็ตาม นับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทริปหรือไกด์ทัวร์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นการผูกมิตรได้เพื่อนคุยใหม่ๆ ทำให้การเที่ยวในทริปนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไปแล้ว เรายังอาจจะได้รับรู้ข้อมูลในการท่องเที่ยวที่มากขึ้นก็ได้ แถมการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอาจจะทำให้เราได้คอนเนคชั่นต่อยอดในงานหรือธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย

4. ถ่ายภาพให้ได้มากที่สุด

เวลาไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม เราไม่มีทางรู้หรอกว่านี่คือโอกาสเดียวหรือเปล่าที่เราจะได้เห็นและสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ ณ สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นที่เราได้เหยียบย่างเข้าไป อย่างเช่นวันที่ฟ้าเปิดจนมองเห็นยอดภูเขาอันสูงลิบลิ่ว หรือป่าไม้ในสายหมอก เป็นต้น รวมทั้งภาพถ่ายของเรากับเพื่อนร่วมทริป ไกด์ หัวหน้าทัวร์ คนขับรถ ฯลฯ ที่คงเป็นไปได้ยากที่เราจะได้เจอพวกเขาในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการถ่ายภาพสิ่งเหล่านี้ไว้มากที่สุด เมื่อวันเวลาผ่านไป หากเรามีโอกาสมาเปิดดูรูปถ่ายเก่าๆ นั่นจะทำให้เราหวนคิดถึงความสุข ความทรงจำ ประสบการณ์ และความประทับใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้ประสบพบเจอมาไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม


5. ลองเปิดใจ และไม่คาดหวังจนเกินไป

การต้องไปเที่ยวกับคนแปลกหน้าเป็นกลุ่มใหญ่ เราอาจจะได้พบเจอกับคนที่เรารู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ จนอาจจะทำให้การท่องเที่ยวในวันต่อๆ ไปนั้นกร่อยสนิท ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าตัดสินคนอื่นเพียงแค่อคติในใจ ลองเข้าไปคุยหรือศึกษานิสัยใจคอของเขาดูเสียก่อน บางทีภาพภายนอกกับนิสัยใจคอภายในของบุคคลนั้นๆ อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ รวมทั้งการคาดหวังกับบางสิ่งจนเกินไปก็อาจจะทำให้เราผิดหวังได้เช่นกันหากมันไม่ได้เป็นไปตามที่ใจหวัง อย่างเช่นคุณหวังว่าอากาศจะสดใส ฟ้าเปิดจนทำให้ได้เห็นความงามของสถานที่ต่างๆ อย่างเต็มตา แต่กลับผิดหวังเพราะมีเมฆหมอกมาบดบัง เป็นต้น ในสถานการณ์นี้หากคุณคิดในแง่ดีว่า สิ่งที่เห็นนั้นก็แฝงไว้ด้วยความงามในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณมีความสุขมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

6. “Say yes” ให้บ่อยครั้ง

เมื่อเราต้องเดินทางท่องเที่ยวร่วมกับคนที่ไม่รู้จัก แน่นอนว่าสิ่งที่จะทำให้ทริปของคุณสนุกขึ้น นั่นก็คือเราจำเป็นจะต้องทำความรู้จักคุ้นเคยกับบุคคลอื่นบ้าง ซึ่งบางทีในกลุ่มเพื่อนร่วมทางอาจจะมีบางคนหรือหลายๆ คนต้องการทำความรู้จักสนิทสนมกับคุณเช่นเดียวกัน โดยพวกเค้าอาจจะเข้ามาชวนคุณเดินไปเป็นกลุ่มด้วยกัน หรือมีน้ำใจแบ่งปันขนมของคบเคี้ยวให้ในระหว่างเดินทาง หรือแม้กระทั่งอาจจะชวนคุณไปดื่มนอกเวลาทัวร์ในช่วงกลางคืน เป็นต้น ซึ่งหากคุณพิจารณาแล้วว่าไม่เสียหายอะไร หรือไม่ติดธุระด่วนอะไร ก็ลองตอบรับให้บ่อยครั้งขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เพลิดเพลินกับเพื่อนร่วมทริปแล้ว


7. เก็บบันทึกแต่เรื่องราวดีๆ ที่ทำให้คุณสุขใจทุกครั้งเมื่อนึกถึง

สิ่งไหนที่ทำให้รู้สึกแย่ก็ลืมมันไปเสีย เก็บบันทึกแต่เรื่องราวดีๆ ความสุขและความประทับใจจากการท่องเที่ยว คุณไม่ควรปล่อยให้เรื่องบางเรื่องมาทำให้ความสุขของคุณหดหายหรือลดน้อยลงไป เพราะเราไม่รู้หรอกว่า โอกาสแบบนี้จะย้อนกลับมาหาเราอีกทีเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งไหนที่ให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพราะเมื่อวันหนึ่งเมื่อคุณย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณรู้สึกเป็นสุขใจ ซึ่งมันคงดีกว่าความทรงจำที่ทำให้คุณรู้สึกแย่อยู่ตลอดเวลา จนเข็ดกับการเดินทางท่องเที่ยวไปเลยก็ได้

8. รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีตลอดทั้งการเดินทาง

คงเป็นเรื่องไม่สนุกแน่หากเราอุตส่าห์เสียเงินเสียทองหลายหมื่นบาทเพื่อไปเที่ยว แล้วจู่ๆ ปัญหาสุขภาพกลับมาทำให้เสียเซลฟ์ เที่ยวก็เที่ยวได้ไม่เต็มที่ สนุกก็แค่แกนๆ ดังนั้นก่อนการเดินทางในช่วงจัดกระเป๋าเดินทาง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือยาสามัญประจำบ้านต่างๆ ควรเตรียมไปให้พร้อม หรือหากต้องเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการป่วยง่ายก็ควรดูแลตัวเองให้ดี ก่อนจะรับประทานอาหารทุกครั้งควรล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงสุก หรือผ่านการปรุงมานานแล้ว เป็นต้น เพียงเท่านี้คุณก็จะปลอดภัยและเที่ยวได้อย่างสนุกสนานตลอดทั้งทริปแล้วล่ะค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับทิปส์ที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ซึ่งเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นจะเป็นประโยชน์สำหรับใครก็ตามที่กำลังตัดสินใจว่าควรจะเที่ยวด้วยตัวเองหรือควรจะไปเที่ยวกับทัวร์ดี แต่อย่างไรก็ดี ทุกครั้งที่คุณออกเดินทาง อย่าลืมเก็บเกี่ยวความประทับใจและความทรงจำดีๆ ใส่กระเป๋าเดินทางกลับสู่เมืองไทยอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ

มัชรูมทราเวล

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย สไตล์เดินทางเดี่ยวๆ

ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ คนเริ่มนิยมให้บุตรหลานออกจากอ้อมอกเพื่อไปผจญภัยในต่างแดนกันมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กๆ เหล่านั้นได้มีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มีโอกาสได้ใช้ความคิดตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ก็ได้ทำให้เด็กๆ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะตัดสินใจและแสดงออกมากชึ้นนั่นเอง

เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวลจึงมีทิปส์แนะนำ เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย ไสตล์เดินทางเดี่ยวๆ มาบอก เพื่อเป็นการเตรียมตัวลูกหลานของท่านให้พร้อมก่อนออกเดินทางไกล ซึ่งทิปส์นี้ไม่ใช่แค่เหมาะสำหรับเด็กๆ และเยาวชนเพียงกลุ่มเดียว แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ ก็เหมาะที่จะปฏิบัติตามเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบแบคแพ็ค หรือเดินทางกับทัวร์ก็ตาม หากท่านเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ก็จะช่วยให้การเดินทางทุกครั้งของท่านมีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวลแน่นอนค่ะ


1. ถ่ายสำเนาเอกสารการเดินทาง พาสปอร์ตและวีซ่าพกติดตัวเอาไว้ และฝากสำเนาเอกสารอีก 1 ชุดไว้กับที่คนบ้าน เผื่อว่าเมื่อเอกสารสูญหายในระหว่างทาง อย่างน้อยเราก็ยังมีสำเนาเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจบ้าง

2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประกันการเดินทางที่คุณซื้อนั้นคุ้มครองครอบคลุมตลอดการเดินทาง

3. ให้แน่ใจว่าคุณได้มีการกรอกข้อมูลในหน้าสุดท้ายของพาสปอร์ต ที่ระบุไว้ว่าในกรณีฉุกเฉินเพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่พาสปอร์ตสูญหาย


4. ห้ามฝากกระเป๋าสัมภาระหรือรับฝากข้าวของจากคนแปลกหน้า เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมอะไรบ้างถูกยัดมาในกระเป๋าและส่งต่อให้กับเราอีกทีนึง

5.  หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิงหรือชายก็มีโอกาสที่จะเกิดอันตรายหรือพลาดพลั้งได้ทั้งนั้น

6. หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพง รวมทั้งไม่พกเงินสดหรือบัตรเครดิตติดตัวมากเกินไป ซึ่งนั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้านิ่งให้กับมิจฉาชีพนั่นเอง


7. หากต้องการแลกเงินในขณะอยู่ต่างประเทศ ให้ติดต่อเฉพาะตัวแทนที่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น แม้ว่าจะมีข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าจากคนนอกก็ตาม

8. ทำความคุ้นเคยกับกฎหมายและประเพณีของประเทศที่คุณกำลังจะไปเยือน และหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือประเพณีเหล่านั้น เพราะกฎของแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในประเทศที่เคร่งครัดในกฎระเบียบมากๆ อย่างเช่นประเทศมุสลิมและประเทศในเขตยุโรป เป็นต้น

9. อ่านคำเตือนการเดินทางรวมทั้งประกาศจากสถานเอกอัครราชทูตของประเทศที่คุณกำลังจะเดินทางไปก่อนการเดินทาง

10. มีความสุขกับการเดินทาง อย่ากังวลจนเกินเหตุจนทำให้สิ่งเหล่านี้มาบั่นทอนความสุขและความสนุกในการเดินทางท่องเที่ยวของคุณให้หายไป


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับทิปส์ง่ายๆ ที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้ มัชรูมทราเวลก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังวางแผนจะเดินทางในอนาคตอันใกล้ไม่น้อย รวมทั้งทำให้ท่านรู้สึกสบายใจในการเดินทาง สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสนุกและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นไปอีกค่ะ 

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

6 เทคนิคประหยัดรายจ่ายในการท่องเที่ยว... ที่ใครก็สามารถทำได้

หากพูดถึงเรื่องของการ แน่นอนล่ะว่าทุกคนรักการเดินทางท่องเที่ยวและอยากไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจฝันก็คือเรื่องของการเงิน เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล นั่นจึงทำให้เรื่องท่องเที่ยวสำหรับคนส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดอย่างหนักเลยทีเดียว ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจไม่ใคร่จะเฟื่องฟูอย่างในปัจจุบันด้วยแล้ว การท่องเที่ยวจึงถูกมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่เหมาะสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้น อย่างไรก็ดี วันนี้มัชรูมทราเวลมี 6 เทคนิค ที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถประหยัดรายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้


1. ค้นหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง

เมื่อคุณกำหนดจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือการศึกษาหาข้อมูล ซึ่งไม่ใช่แค่การหาข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวว่าที่ไหนสวย ที่ไหนน่าไป หรือร้านอาหารร้านไหนอร่อยเท่านั้น แต่ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีท่องเที่ยวยังต่างประเทศด้วย  ซึ่งหากต้องขอวีซ่า ก็ต้องดูด้วยว่าระหว่างการขอผ่านตัวแทนกับยื่นสถานทูตด้วยตนเองนั้นอันไหนจะสะดวกและประหยัดมากกว่ากัน รวมไปถึงศึกษาแผนที่และเส้นทางแต่ละจุดอย่างละเอียด โดยอาจค้นหาด้วยตัวเองจากเว็บบอร์ดสาธารณะ อ่านจากหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว หรืออาจจะปรึกษาบริษัททัวร์ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็เพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่น และยังสามารถวางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าได้อีกทางหนึ่งด้วย

2. ประเมินรายจ่ายที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง

หลังจากได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือวางแผนทางการเงินที่จะต้องใช้จ่ายตลอดทั้งทริป ซึ่งรวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรมที่พักด้วย โดยประเมินสิ่งจำเป็นที่ต้องจ่าย แล้วคำนวณค่าใช้จ่ายออกมากเป็นตัวเลขคร่าวๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ายานพาหนะ ค่าบัตรเข้าชมการแสดงและกิจกรรมต่างๆ ค่าทิป ค่าของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ค่าของฝากของที่ระลึก เป็นต้น จากนั้นเมื่อถึงเวลาของการเดินทาง ในท่องเที่ยวควรจะติดสมุดบันทึกเล่มเล็กติดตัวไปด้วย เพื่อจดบันทึกสรุปค่าใช้จ่ายจริงในแต่ละวัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้เงินได้ง่ายยิ่งขึ้น

3. พิจารณาเลือกข้อเสนอที่ดีกว่า

ปัจจุบันธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของราคา และโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ลูกค้าที่จะซื้อบริการเป็นผู้ได้เปรียบจากการแข่งขันนี้ และมีอำนาจในการต่อรองเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นก่อนที่นักท่องเที่ยวจะซื้อบริการ หรือจองห้องพัก ฯลฯ ควรมีการตรวจสอบราคาจากหลายๆ แห่งก่อนเดินทางประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเปรียบเทียบกันเสียก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งข้อเสนอที่ดีกว่าอาจจะไม่ได้หมายถึงเฉพาะราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น แต่ต้องมองถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับด้วย เช่นโรงแรมบางแห่งอาจจะมีโปรโมชั่นจองห้องพัก2 คืน ฟรี 1 คืน เป็นต้น


4. กำหนดช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเงินในกระเป๋า

แม้ว่าช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงลองวีคเอนจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว แต่ก็เป็นช่วงเวลายอดนิยมที่ผู้คนมากมายเลือกที่จะท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ราคาของสิ่งต่างๆ พุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าทัวร์สำหรับกิจกรรมและการเข้าชมสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งอาหารการกินที่มีราคาแพงกว่าปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นแล้วเลือกเดินทางไปในช่วงโลว์ซีซั่น นอกจากจะได้ราคาที่ถูกมากๆ แล้ว ก็ยังจะได้เห็นเสน่ห์ที่แตกต่างของสถานที่นั้นๆ ซึ่งคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม บางสถานที่อาจมีข้อยกเว้นสำหรับการเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น อย่างเช่นหมู่เกาะต่างๆ ที่หากเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวจะเป็นช่วงมรสุม เป็นต้น    

5. ระมัดระวังข้อเสนอที่ราคาถูกจนเหลือเชื่อ

แน่นอนหากพูดถึงของถูกและของฟรี ใครกันล่ะจะไม่ชอบ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ของที่มีราคาถูกมากๆ นั้น เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นของดีมีคุณภาพอาจมีความเป็นไปได้ไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ อย่างการจองโรงแรมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งโรงแรมบางแห่งอาจมีราคาที่ถูกอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับภาพถ่ายที่ถูกอัพโหลดมาเพื่อการโฆษณา จนดึงดูดให้เราต้องกดจองห้องพักอย่างว่องไวโดยไม่แม้แต่จะอ่านคอมเม้นท์รีวิวของลูกค้าที่เคยเข้าไปพัก ก่อนจะรู้ตัวทีหลังว่าภาพห้องพักสุดหรูที่เราเห็นบนเว็บไซต์นั้น แท้จริงคือภาพถ่ายเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว แต่สภาพปัจจุบันอาจจะแย่จนคุณต้องหิ้วกระเป๋ามองหาที่พักแห่งใหม่แทบจะทันทีก็เป็นได้ นอกจากนี้การหลงใหลกับราคาที่ถูกแสนถูกก็อาจจะทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพบางประเภทโดยไม่รู้ตัว

6. ปฏิเสธการจ่ายที่เกินจริง

บางสถานที่ที่มีการรวมตัวของนักท่องเที่ยวมากๆ ที่นั่นก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบของผู้ให้บริการเช่นเดียวกัน อย่างสนามบิน สถานีรถไฟ รวมทั้งสถานีขนส่งที่จะมีรถรับจ้างคอยดักรอนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย ซึ่งถ้าคุณโชคไม่ดี ก็อาจเจคนขับรถที่โก่งราคาเกินจริงหลายเท่า ทางที่ดีควรตรวจสอบเส้นทางและการเดินทางในแต่ละจุดเสียก่อน หรือหากมีข้อสงสัยควรสอบถามที่เคาน์เตอร์ Information เพื่อขอข้อมูลการเดินทาง รวมถึงรถรับจ้างบางคันอาจได้รับค่าหัวคิวจากร้านอาหารบางแห่งให้พาลูกค้าเข้าร้าน โดยคิดราคาค่าอาหารแพงกว่าปกติเพื่อหักเป็นค่าหัวคิว เป็นต้น  


วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเดินป่าปีนเขา

สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในแบบผจญภัย การเดินป่าปีนเขาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่น้อย คือนอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว การเดินป่าปีนเขายังถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีอีกทางหนึ่งอีกด้วย เนื่องจากร่างกายได้มีการเคลื่อนไหวและออกแรงอยู่ตลอดเวลา โดยภูมิภาคเอเชียของเราก็มีเทือกเขาหลายๆ แห่งที่มีความสวยงามและเหมาะแก่การปีนเขาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหลังจากที่นักท่องเที่ยวกำหนดสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทางได้แล้ว เตรียมหนังสือเดินทาง และวีซ่าสำหรับประเทศที่ต้องยื่นวีซ่าไว้แล้ว อย่างต่อไปก็ต้องมีการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมเสียก่อนที่จะออกเดินทาง และสำหรับผู้ที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะนี้มาก่อน วันนี้มัชรูมทราเวลก็มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัวมาบอกเล่าเก้าสิบให้ได้ทราบกัน เพื่อเตรียมความพร้อมและความปลอดภัยดังนี้

เรียนรู้พื้นฐานของการแค้มปิ้ง 

แน่นอนว่าเพียงแค่การอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับทักษะของการตั้งแค้มป์อาจไม่เพียงพอสำหรับนักเดินทางในสถานการณ์จริง ดังนั้นสิ่งที่นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติก่อนออกเดินทางก็คือการสอบถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นก็ควรฝึกการใช้ชีวิตในป่าโดยจำลองสถานการณ์จริงบ้าง อย่างเช่นการจุดไฟ หุงข้าว ทำอาหาร กางเต็นท์ เป็นต้น 

เลือกสถานที่ต้องการไป

เมื่อนักท่องเที่ยวตกลงใจว่าต้องการเดินทางท่องเที่ยวในแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุดแล้ว จากนั้นก็ควรกำหนดสถานที่ที่ต้องการจะไปล่วงหน้าไว้ก่อน เพื่อจะได้มีเวลาในการเตรียมตัวศึกษาเส้นทางเสียแต่เนิ่นๆ โดยหากเป็นทริปแรก ก็ควรจะมองหาสถานที่ที่ง่ายต่อการเข้าถึงเสียหน่อย และมีระยะทางที่ไม่สูงชันและท้าทายมากจนเกินไปนัก แต่ถ้าหากคุณมีประสบการณ์ในการเที่ยวลักษณะนี้มาพอสมควร ก็จะทำให้สามารถมองหาสถานที่ที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น


เรียนรู้การอ่านแผนที่ การใช้เข็มทิศ และ GPS อย่างแม่นยำ

หากนักท่องเที่ยวอยากเที่ยวให้สนุกไม่ต้องกังวลเพราะกลัวหลงทางจนต้องหวาดผวาแล้วล่ะก็ ก่อนอื่นก็ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานของเครื่องมือสำคัญสำหรับการเดินป่า นั่นก็คือแผนที่ เข็มทิศหรือ GPS ซึ่งขั้นแรกก็ต้องซื้อแผนที่ของจุดที่ต้องการจะไปเสียก่อน แล้วจึงศึกษาเส้นทางให้ละเอียด ส่วนเข็มทิศหรือ GPS ก็ควรซื้อที่มีคุณภาพดีสักหน่อยแม้ว่าราคาจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ดูจะปลอดภัยกว่าการซื้อของที่ราคาถูกแต่คุณภาพของสินค้าก็ดูจะด้อยตามไปด้วย ซึ่งเมื่อหากนำไปใช้งานจริง ก็อาจจะอาการรวนจนอาจทำให้คุณเดินหลงทางก็เป็นได้ ส่วนวิธีการอ่านเข็มทิศนั้น ปกติเข็มทิศที่วางขายจะมีคู่มือเล่มเล็กๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้งานติดมาให้ด้วย

ท่องเที่ยวกับเพื่อน

แม้ว่าหลายคนจะมีประสบการณ์การท่องเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ ถึงจะเดินทางไกลขนาดไหน แต่ก็กลับมาอย่างปลอดภัยทุกครั้ง แต่สำหรับการการเดินป่าปีนเขานั้น คุณจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย และอาจต้องเป็นคนที่มีความรู้ ประสบการณ์ และทักษะในการเดินป่ามาบ้าง โดยเฉพาะผู้หญิงนั้นไม่ควรเดินป่าคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง ควรจะไปกันเป็นกลุ่มหลายๆ คนจะปลอดภัยกว่า  

น้ำดื่มคือสิ่งสำคัญ

ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวหลายๆ คนอาจจะวางแผนแค่ต้องการเดินขึ้นเขาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และไม่ต้องการพกพาของหนักๆ ขึ้นเขามากจนเกินไปนัก แต่เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้นก็เสี่ยงที่จะเกิดอาการคอแห้ง เนื่องจากการเดินขึ้นที่สูงชันนั้นต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายเสียเหงื่อและขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากคำนวณปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้นก็คือ ต้องเตรียมพร้อมอย่างน้อย 1 ลิตรต่อคน และต่อ 1 ชั่วโมงของการเดินป่านั่นเอง


สวมใส่รองเท้าที่ซัพพอร์ตเท้า และถุงเท้าที่ให้ความรู้สึกสบาย

หากเป็นไปได้ นักท่องเที่ยวควรสวมใส่รองเท้าสำหรับการเดินป่าจะเหมาะสมและปลอดภัยมากกว่า แต่ถ้าไม่มี ก็สามารถสวมใส่รองเท้าที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าและสวมใส่สบายแทนได้ อย่างเช่นรองเท้าผ้าใบที่พื้นรองเท้าค่อนข้างหนา หรือรองเท้าหุ้มข้อ เป็นต้น ส่วนถุงเท้าก็ควรเลือกที่สวมใส่แล้วสบาย เพราะคุณต้องไม่ลืมว่าจะต้องเดินเป็นระยะทางที่ไกลและนานหลายชั่วโมง 

เลือกเสื้อผ้าที่คล่องตัว ง่ายต่อการถอดออกและสวมใส่

สำหรับเสื้อผ้าที่เหมาะสมในการเดินป่าควรจะเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นจากใยฝ้าย เพราะผ้าฝ้ายนั้นมีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี สวมใส่สบาย และสามารถดูดซับความชื้นได้ จึงทำให้เสื้อผ้าที่ผลิตจากใยฝ้ายเหมาะกับสวมใส่ในหน้าร้อนนั่นเอง ที่สำคัญเสื้อผ้าที่เลือกควรจะเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว นั่นก็เพื่อเป็นการป้องกันการขูดขีดจากหนามและกิ่งไม้ในระหว่างเดินป่าได้นั่นเอง 

อาหารว่างระหว่างทาง

แน่นอนล่ะว่าการเดินทางในระยะไกลนั้นอาจทำให้ร่างกายต้องสูญเสียพลังงานไปมาก และเกิดอาการหิวขึ้นในที่สุด ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรจะพกพาอาหารว่างระหว่างทางติดใส่กระเป๋าไปด้วย โดยอาจเป็นอาหารที่มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก รับประทานง่าย และที่สำคัญคืออิ่มท้อง อย่างเช่นอาหารประเภท GORP หรือ Good Old Raisins and Peanuts ไม่ว่าจะเป็นลูกเกด ถั่วลิสง เชอร์รี่ อัลมอนด์ M&M วอลนัท แครนเบอร์รี่ ฯลฯ หรือไม่ก็อาจจะเป็นแซนด์วิชชิ้นเล็กๆ ก็ได้


เครื่องมือปฐมพยาบาลต้องมี

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดหากคุณจำเป็นต้องพกพาติดตัวไปด้วยเสมอทุกครั้งที่คุณต้องเข้าป่าปีนเขาก็คือเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งประกอบไปด้วยผ้าพันแผล ยาสำหรับทาแก้เคล็ดขัดยอก ครีมกันแดด ครีมต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวด แหนบ เทปกาว เป็นต้น 

แสงสว่างคือสิ่งจำเป็น

นอกจากแสงสว่างจากกองไฟที่จุดเพื่อไล่สัตว์ร้ายและให้ความอบอุ่นในยามค่ำคืนแล้ว นักท่องเที่ยวต้องไม่ลืมเครื่องมือให้แสงสว่างอื่นๆ ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นไฟฉายกับแบตเตอรี่เสริม หรือปั๊มไฟที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวก็อาจจะพกพาโคมไฟที่มีน้ำหนักเบาติดตัวไปด้วยก็ได้ 

แน่ใจว่าคุณสามารถเดินขึ้นเขาในระยะทางไกลได้

สิ่งสุดท้ายหลังจากที่เราเตรียมข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างไว้แล้วก็คือการเตรียมใจและเตรียมร่างกาย ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องมั่นใจและแน่ใจว่าตัวเองสามารถเดินขึ้นเขาในระยะทางไกลได้จริงๆ ทั้งนี้การเดินขึ้นเขาโดยมีกระเป๋าน้ำหนักหลายกิโลกรัมอยู่บนไหล่และหลังนั้นจะยิ่งเพิ่มความลำบากและความเหนื่อยยากแก่นักท่องเที่ยวอีกหลายเท่า แต่หากนักท่องเที่ยวสามารถทำได้ สิ่งที่คุณจะได้ตอบแทนกลับมานั้นคุ้มค่าต่อความเหนื่อยยิ่งนัก


วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

เปิดประตูสู่อีกมุมมองของการท่องเที่ยวศรีลังกา

ประเทศศรีลังกาคือประเทศที่เป็นเกาะซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ในมหาสมุทรอินเดียทางตอนเหนือ โดยมีพรมแดนทางทะเลติดต่อกับประเทศอินเดียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมัลดีฟส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทั้งยังมีฐานะที่เป็นประเทศอันมีความสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา อย่างเช่น สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งซึ่งเป็นสถานที่ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จปรินิพพาน นั่นก็คือสวนลุมพินีวัน พุทธคยา สารนาถ และกุสินารา นอกจากนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว (พระทนต์) ที่มีอยู่เพียง 2 แห่งในโลก นั่นจึงทำให้ผู้คนมากมายโดยเฉพาะชาวพุทธต่างเดินทางมาแสวงบุญ ณ ประเทศแห่งนี้อยู่เนืองๆ
 

และสำหรับการเดินทางของเราในครั้งนี้ มัชรูมทราเวลจะพาท่านเดินทางสู่ประเทศแห่งจุดกำเนิดของศาสนาพุทธแห่งนี้กัน แต่จุดมุ่งหมายของเรามิได้จะพาทุกท่านไปแสวงบุญแต่อย่างใด เพราะศรีลังกายังมีความน่าสนใจอื่นๆ อีกที่รอให้นักเดินทางจากทั่วโลกได้เปิดประตูเข้าไปค้นหา ซึ่งจุดแข็งของการท่องเที่ยวศรีลังกาที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและระบบนิเวศที่ยังคงบริสุทธิ์จนอาจเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติในแบบดิบๆ แต่สวยงามที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ใดในโลก อย่างเขตป่าสงวนที่เต็มไปด้วยสารพัดสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะช้างป่าที่อยู่มากมาย รวมทั้งชายฝั่งทะเลซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังและฝูงปลาหลากสีสัน นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างของศรีลังกายังเก่าแก่และโดดเด่นไม่แพ้ชาติไหน อันเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากอารยธรรมสิงหลในอดีตกว่าหลายพันปีมาแล้ว


โดยสถานที่แรกที่ควรไปเยือนหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศศรีลังกาก็คือเมืองโคลัมโบ ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำให้เมืองแห่งนี้คือแหล่งรวบรวมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของศรีลังกาที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด จากนั้นจึงค่อยมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งทางภาคตะวันตกเพื่อพักผ่อนริมชายหาดอันเงียบสงบและสวยงาม ทั้งนี้ศรีลังกายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย อย่างเช่นเมืองเก่า อุทยานแห่งชาติอันเต็มไปด้วยสัตว์ป่า เมืองน่ารักแห่งชายฝั่งทางทิศใต้ ไร่ชาบนภูเขาสูงชัน หมู่บ้านวัฒนธรรมของชาวสิงหล เป็นต้น โดยศรีลังกาได้แบ่งหมวดหมู่ของกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจตามความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละคนเอาไว้ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่คงความงามบริสุทธิ์แบบธรรมชาติแท้ๆ แหล่งมรดกโลก กิจกรรมโลดโผนผจญภัย เขตป่าไม้ ความสุขและการผ่อนคลาย จุดชมวิว แหล่งพืชผลทางการเกษตร และงานเทศกาลสำคัญต่างๆ


เมื่อไหร่ที่ควรไปศรีลังกา

เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของศรีลังกานั้นค่อนข้างมีความสลับซับซ้อนมากกว่าประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ก็ตาม แต่ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากนัก คืออยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรประมาณ 500 ไมล์ จึงทำให้ที่นี่มีสภาพอากาศอุ่นชื้นและค่อนข้างร้อนเกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ส่วนบริเวณที่ราบสูงตอนกลางนั้นอากาศจะค่อนข้างเย็นกว่า และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูมรสุม อย่างไรก็ตาม จากผลของสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้สภาพอากาศของที่นี่แปรปรวนและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 

สำหรับสภาพอากาศในบริเวณพื้นที่ทางทิศตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึงบริเวณชายฝั่ง และบริเวณพื้นที่ที่เป็นเทือกเขาสูง ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายนของทุกปีคือช่วงฤดูมรสุม และมีฝนตกชุกที่สุดในเดือนเมษายน – มิถุนายน ในขณะเดียวกัน ทางด้านชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกนั้น ฤดูมรสุมของที่นี่จะค่อนข้างมีความรุนแรงน้อยกว่าอีกฝั่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี และมีฝนตกชุกมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือนศรีลังกาคือ ในเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมทางภาคตะวันตกและภาคใต้ รวมถึงบริเวณชายฝั่งและภูเขา ส่วนชายฝั่งทางด้านตะวันออกนั้นสภาพอากาศจะดีที่สุดในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนนั่นเอง