เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวล จึงจะพาทุกท่านเดินทางสู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีบนมงกุฎของชวาตะวันออก อีกทั้งที่นี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยภูเขาไฟโบรโม่คือหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทจาภูเขาไฟทั้งหมดประมาณ 400 ลูกของอินโดนีเซีย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ซึ่งเคยเกิดระเบิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ภูเขาไฟโบรโม่เกิดการระเบิดก็คือเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 ใน 10 แห่งอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกด้วย
เปิดประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ
และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายที่จะพิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่ เส้นทางยอดนิยมก็คือการเดินทางจากสุราบายาสู่ เมืองโปรโบลิงโก้ แล้วไปต่อที่หมู่บ้านเซโมโร ลาวัง จากนั้นจึงพักค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน เพื่อให้ทันกับการไปชมพระอาทิตย์ในช่วงเช้านั่นเอง รวมถึงการชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ด้วย โดยเซโมโร ลาวังเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร มีอุณหภูมิหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้ามืด ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจำเป็นจะต้องพกพาเสื้อหนาวหรือกางเกงขายาวมาด้วยเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับการปีนเขาหรือการเดินเท้าในระยะไกลๆ
Getting there
เส้นทางการเดินทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางยอดนิยมของนักเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนมัธยมในพื้นที่ ที่ใช้เส้นทางนี้ในการเข้าค่ายสันทนาการ นอกจากนั้นก็ยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ที่รักการผจญภัยเช่นเดียวกัน โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังภูเขาไฟโบรโม่ หากไม่เลือกซื้อทัวร์ก็สามารถเดินทางมาด้วยตัวเองได้หลากหลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ Juanda International Airport เมืองสุราบายาซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่มากที่สุดนั่นเอง
1. นั่งแอร์พอร์ตบัสจาก Juanda International Airport ไปยังสถานีขนส่ง Bungur Asih เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโปรโบลิงโก้ ก่อนจะต่อรถไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังที่ตั้งอยู่บริเวณขอบปากของแอ่งภูเขาไฟซึ่งเป็นหนทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ ทั้งนี้ค่าโดยสารสำหรับรสบัสด่วนปรับอากาศนั้นอยู่ที่ราคาประมาณ 25,000 รูเปียต่อคน ส่วนรถบัสธรรมดาราคาอยู่ที่ 14,000 รูเปียต่อคน และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
2. เมื่อเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้ นักท่องเที่ยวต้องต่อรถมินิบัสสีเขียวเพื่อไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังในราคาค่าโดยสารประมาณ 250,000-300,000 รูปเปียต่อคน (ขึ้นอยู่กับการต่อรอง) โดยมินิบัสนี้จะมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง และรถจะออกเดินทางทันทีเมื่อมีผู้โดยสารขึ้นเต็มรถบัส ซึ่งบางครั้งอาจต้องรอนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้หลังเวลา 16.00 น. ควรจะหาที่พักค้างแรมภายในเมืองและเดินทางในตอนเช้าจะดีกว่า เนื่องจากในช่วงเย็นนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมีผู้โดยสารเต็มคันรถ
ส่วนการเดินทางเพื่อขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องขี่ม้าหรือเดินขึ้นไป แต่ม้าจะสามารถไปส่งถึงเพียงแค่ไหล่เขาเท่านั้น ช่วงถัดไปนักท่องเที่ยวจะต้องเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปด้วยตัวเองในระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยในระหว่างทางจะมีที่พักให้ได้นั่งพักเหนื่อยเป็นจุดๆ ซึ่ง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมและชื่นชอบมากที่สุดเมื่อเดินทางถึงยอดภูเขาไฟโบรโม่ก็คือ การเดินบนขอบปากปล่องภูเขาไฟนั่นเอง โดยเส้นทางจะมีลักษณะเป็นสันกว้าง นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้โดยรอบ แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากสักหน่อยเนื่องจากขอบปากปล่องภูเขาไฟนั้นเป็นสันทรายที่ค่อนข้างลื่น นอกจากนั้นยังมีความเชื่ออีกหนึ่งอย่างก็คือ การซื้อดอกไม้จากชาวบ้านที่นำขึ้นมาขายแล้วอธิษฐานถึงสิ่งที่ต้องการแล้วโยนลงไปในปากป่องภูเขาไฟ อันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากคู่รักหนุ่มสาวที่เดินทางมาเยือนที่นี่ที่ต่างขอให้ความรักของตนสมหวังและครองรักกันตราบชั่วนิรันด์นั่นเอง
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น