Menu Blog
▼
วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557
6 เทคนิคประหยัดรายจ่ายในการท่องเที่ยว... ที่ใครก็สามารถทำได้
หากพูดถึงเรื่องของการ แน่นอนล่ะว่าทุกคนรักการเดินทางท่องเที่ยวและอยากไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจฝันก็คือเรื่องของการเงิน เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล นั่นจึงทำให้เรื่องท่องเที่ยวสำหรับคนส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดอย่างหนักเลยทีเดียว ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจไม่ใคร่จะเฟื่องฟูอย่างในปัจจุบันด้วยแล้ว การท่องเที่ยวจึงถูกมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่เหมาะสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้น อย่างไรก็ดี วันนี้มัชรูมทราเวลมี 6 เทคนิค ที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถประหยัดรายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้
วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557
พิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่ อัญมณีแห่งชวาตะวันออก
หากพูดถึงภูเขาไฟ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจินตนาการถึงความน่าเกรงขาม และความน่ากลัวเมื่อภูเขาไฟเกิดการระเบิดและพ่นลาวาสูงเฉียดฟ้า ทั้งๆ ที่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ภูเขาไฟถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าพิศวงด้วยมีทัศนียภาพที่สวยงามซับซ้อน ดูน่าค้นหายิ่งนัก
เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวล จึงจะพาทุกท่านเดินทางสู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีบนมงกุฎของชวาตะวันออก อีกทั้งที่นี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยภูเขาไฟโบรโม่คือหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทจาภูเขาไฟทั้งหมดประมาณ 400 ลูกของอินโดนีเซีย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ซึ่งเคยเกิดระเบิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ภูเขาไฟโบรโม่เกิดการระเบิดก็คือเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 ใน 10 แห่งอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกด้วย
บนเนินเขาสูงกว่า 40 กิโลเมตร บนชายฝั่งทางตอนเหนือของหมู่เกาะชวาตะวันออก เมื่อนักเดินทางเพื่อมุ่งสู่ภูเขาไฟโบรโม่ จำเป็นที่จะต้องผ่านหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่านและหมอกควันจากภูเขาในแถบนี้ที่ไม่ใช่แค่จากบรูโม่เท่านั้น เพราะภายในแถบนี้ยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังไม่มอดดับอยู่อีก 2 ลูกด้วยกัน และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปชมความงามอันน่ามหัศจรรย์ของภูเขาไฟโบรโม่ ส่วนใหญ่จะรีบเดินทางมาให้ถึงที่หมายก่อนฟ้าสาง เพื่อให้ทันเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะสาดแสงแห่งความสว่างไสวไปทั่วพื้นพิภพนั่นเอง
และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายที่จะพิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่ เส้นทางยอดนิยมก็คือการเดินทางจากสุราบายาสู่ เมืองโปรโบลิงโก้ แล้วไปต่อที่หมู่บ้านเซโมโร ลาวัง จากนั้นจึงพักค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน เพื่อให้ทันกับการไปชมพระอาทิตย์ในช่วงเช้านั่นเอง รวมถึงการชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ด้วย โดยเซโมโร ลาวังเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร มีอุณหภูมิหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้ามืด ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจำเป็นจะต้องพกพาเสื้อหนาวหรือกางเกงขายาวมาด้วยเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับการปีนเขาหรือการเดินเท้าในระยะไกลๆ
เพราะฉะนั้นวันนี้มัชรูมทราเวล จึงจะพาทุกท่านเดินทางสู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีบนมงกุฎของชวาตะวันออก อีกทั้งที่นี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยภูเขาไฟโบรโม่คือหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทจาภูเขาไฟทั้งหมดประมาณ 400 ลูกของอินโดนีเซีย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ซึ่งเคยเกิดระเบิดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ภูเขาไฟโบรโม่เกิดการระเบิดก็คือเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 ใน 10 แห่งอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกด้วย
เปิดประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ
และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายที่จะพิชิตยอดภูเขาไฟโบรโม่ เส้นทางยอดนิยมก็คือการเดินทางจากสุราบายาสู่ เมืองโปรโบลิงโก้ แล้วไปต่อที่หมู่บ้านเซโมโร ลาวัง จากนั้นจึงพักค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน เพื่อให้ทันกับการไปชมพระอาทิตย์ในช่วงเช้านั่นเอง รวมถึงการชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ด้วย โดยเซโมโร ลาวังเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร มีอุณหภูมิหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้ามืด ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจำเป็นจะต้องพกพาเสื้อหนาวหรือกางเกงขายาวมาด้วยเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับการปีนเขาหรือการเดินเท้าในระยะไกลๆ
Getting there
เส้นทางการเดินทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางยอดนิยมของนักเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนมัธยมในพื้นที่ ที่ใช้เส้นทางนี้ในการเข้าค่ายสันทนาการ นอกจากนั้นก็ยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ที่รักการผจญภัยเช่นเดียวกัน โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังภูเขาไฟโบรโม่ หากไม่เลือกซื้อทัวร์ก็สามารถเดินทางมาด้วยตัวเองได้หลากหลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ Juanda International Airport เมืองสุราบายาซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่มากที่สุดนั่นเอง
1. นั่งแอร์พอร์ตบัสจาก Juanda International Airport ไปยังสถานีขนส่ง Bungur Asih เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโปรโบลิงโก้ ก่อนจะต่อรถไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังที่ตั้งอยู่บริเวณขอบปากของแอ่งภูเขาไฟซึ่งเป็นหนทางสู่ภูเขาไฟโบรโม่ ทั้งนี้ค่าโดยสารสำหรับรสบัสด่วนปรับอากาศนั้นอยู่ที่ราคาประมาณ 25,000 รูเปียต่อคน ส่วนรถบัสธรรมดาราคาอยู่ที่ 14,000 รูเปียต่อคน และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
2. เมื่อเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้ นักท่องเที่ยวต้องต่อรถมินิบัสสีเขียวเพื่อไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวังในราคาค่าโดยสารประมาณ 250,000-300,000 รูปเปียต่อคน (ขึ้นอยู่กับการต่อรอง) โดยมินิบัสนี้จะมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง และรถจะออกเดินทางทันทีเมื่อมีผู้โดยสารขึ้นเต็มรถบัส ซึ่งบางครั้งอาจต้องรอนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงเมืองโปรโบลิงโก้หลังเวลา 16.00 น. ควรจะหาที่พักค้างแรมภายในเมืองและเดินทางในตอนเช้าจะดีกว่า เนื่องจากในช่วงเย็นนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมีผู้โดยสารเต็มคันรถ
ส่วนการเดินทางเพื่อขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องขี่ม้าหรือเดินขึ้นไป แต่ม้าจะสามารถไปส่งถึงเพียงแค่ไหล่เขาเท่านั้น ช่วงถัดไปนักท่องเที่ยวจะต้องเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปด้วยตัวเองในระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยในระหว่างทางจะมีที่พักให้ได้นั่งพักเหนื่อยเป็นจุดๆ ซึ่ง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมและชื่นชอบมากที่สุดเมื่อเดินทางถึงยอดภูเขาไฟโบรโม่ก็คือ การเดินบนขอบปากปล่องภูเขาไฟนั่นเอง โดยเส้นทางจะมีลักษณะเป็นสันกว้าง นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้โดยรอบ แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากสักหน่อยเนื่องจากขอบปากปล่องภูเขาไฟนั้นเป็นสันทรายที่ค่อนข้างลื่น นอกจากนั้นยังมีความเชื่ออีกหนึ่งอย่างก็คือ การซื้อดอกไม้จากชาวบ้านที่นำขึ้นมาขายแล้วอธิษฐานถึงสิ่งที่ต้องการแล้วโยนลงไปในปากป่องภูเขาไฟ อันเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากคู่รักหนุ่มสาวที่เดินทางมาเยือนที่นี่ที่ต่างขอให้ความรักของตนสมหวังและครองรักกันตราบชั่วนิรันด์นั่นเอง
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557
6 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งมหานครไทเป
มหานครไทเป คือเมืองหลวงของไต้หวันที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ โดยมีสถานะเป็นเมืองศูนย์กลางของการเมืองการปกครอง และเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นไทเปยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ อีกมากมาย อย่างเช่น วัดวาอารามอายุหลายร้อยปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอันเลื่องชื่อ ตึกไทเป 101 ซึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก เป็นต้น ไม่เพียงแต่ที่กล่าวมาในข้างต้นเท่านั้น แต่ไทเปยังประกอบไปด้วยระบบรถไฟฟ้าที่สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติตามแนวภูเขาไฟอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ให้นักท่องเที่ยวและชาวไทเปได้มาพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศสีเขียวอีกด้วย
สำหรับในเรื่องของการท่องเที่ยว มหานครไทเปถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในทวีปเอเชีย ซึ่งนักท่องเที่ยวควรไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากค่าครองชีพจะไม่สูงเวอร์จนเกินไปแล้ว ไทเปยังเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นได้อย่างลงตัว ดังเช่น 6 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งมหานครไทเป ที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้นั่นเอง
สำหรับในเรื่องของการท่องเที่ยว มหานครไทเปถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในทวีปเอเชีย ซึ่งนักท่องเที่ยวควรไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากค่าครองชีพจะไม่สูงเวอร์จนเกินไปแล้ว ไทเปยังเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นได้อย่างลงตัว ดังเช่น 6 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งมหานครไทเป ที่มัชรูมทราเวลนำมาฝากทุกท่านในวันนี้นั่นเอง
น้ำพุร้อนเป่ยโถว
ในบริเวณพื้นที่ด้านหน้าของ MRT สถานีสวนสาธารณะนิวเป่ยโถวกลางกรุงไทเป ที่นี่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว ซึ่งเป็นเขตอาณาบริเวณของภูเขาไฟซาเม่าที่พ่นไอกำมะถันออกมาตลอดทั้งปี ภายในพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว เมื่อนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปภายในก็จะพบกับอาคารพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นห้องอาบน้ำแบบญี่ปุ่นจัดแสดงสิ่งของและภาพถ่าย ที่อธิบายถึงความเป็นมาของบ่อน้ำพุร้อนในไต้หวันและที่อาบน้ำสาธารณะในสมัยดั้งเดิม รวมถึงสื่อการแสดงที่นำเสนอเกี่ยวกับบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวอีกด้วย ส่วนภายนอกก็จะเป็นบึงน้ำสีฟ้าที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 52-75 องศาเซลเซียส ประกอบไปด้วยธาตุกำมะถันที่ช่วยรักษาอาการปวดตามเส้นประสาท โรคผิวหนัง และโรคปวดข้อ จึงทำให้ที่นี่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทเปและชาวต่างชาติอยู่ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่บริเวณนี้จะดูสวยงามมากเป็นพิเศษ ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ที่นี่ก็มีห้องพักในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมพร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัวไว้บริการด้วย
Getting There: นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือนน้ำพุร้อนเป่ยโถว สามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนิวเป่ยโถวไปถึงบริเวณที่ตั้งของน้ำพุร้อนได้เลย
เมืองตันสุ่ย
ตันสุ่ยเป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีที่สุดในไต้หวัน โดยเฉพาะตลาดกลางคืนที่กลายเป็นถนนคนเดินยอดนิยม และวิวพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่นั้นถือว่ามีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวันกันเลยทีเดียว โดยตันสุ่ยถือเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางปากแม่น้ำตันสุ่ยซึ่งมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858 ด้วยการเปิดท่าเรือแห่งชาที่แรกทางตอนเหนือของไต้หวัน นั่นจึงทำให้ปัจจุบันที่นี่ยังคงหลงเหลือภาพความทรงใจในอดีตอันรุ่งเรือง รวมไปถึงตึกรามบ้านช่องในสไตล์ตะวันตกของชาวดัตช์ในอดีตที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ประปราย
Getting There: นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยือนตันสุ่ย สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดงมาลงที่สถานีตันสุ่ย หรือหากเป็นการโดยสารทางเรือ ก็สามารถต่อรถบัสสีแดงหมายเลข 26 จากท่าเทียบเรือประมงได้เลย
เมืองจีหลง
นี่คือเมืองท่าที่สำคัญที่สุดทางภาคเหนือของไต้หวัน ตั้งอยู่ปลายแหลมเหนือสุดของประเทศ โดยจีหลงถือเป็นเมืองท่าแห่งหนึ่งที่มีการขนส่งทางทะเลอย่างคับคั่ง ซึ่งในอดีตนั้น จีหลงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านการคมนาคมขนส่ง และยังมีฐานะเป็นฐานทัพที่สำคัญของไต้หวันอีกด้วย นอกจากนั้นจีหลงยังมีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรม ประกอบกับมีภูมิประเทศที่สวยงามโดดเด่น จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญโดยเฉพาะในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองสารทจีน ซึ่งตามตรอกซอกซอยต่างๆ จะเต็มไปด้วยร้านอาหารทะเลอยู่แน่นขนัด ไม่เพียงเท่านั้น ท่าเรือจีหลงซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณปากแม่น้ำตันสุ่ยยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่ง อีกทั้งในบริเวณฝั่งแม่น้ำยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟไว้คอยบริการ และมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ไว้สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
Getting There: นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟออกจากเมืองไทเปเพื่อไปยังจีหลงได้เลย นอกจากนั้นยังมีรถบัสที่ออกจากสถานีหลักไทเปให้บริการอีกด้วย
หมู่บ้านอูไหล
หมู่บ้านอูไหลถูกแต่งตั้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งเมืองไทเปตั้งแต่ยุค 70 ด้วยสภาพแวดล้อมที่หลบซ่อนจากความวุ่นวายของเมืองไทเปในบรรยากาศแบบชนบท ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาและน้ำตก นอกจากนั้นภายในหมู่บ้านอูไหลยังมีการแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าไทหยาจู และการทอผ้าแบบดั้งเดิมให้ชมด้วย รวมถึงยังมีร้านอาหาร ร้านขายสินค้าพื้นเมืองให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายอีกมากมาย เพียบพร้อมทั้งรีสอร์ทชั้นดี สปาสุดหรู และบ่อน้ำพุร้อนไร้สีและไร้กลิ่นให้ได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าอย่างเต็มที่ และเนื่องจากหมู่บ้านอูไหลแห่งนี้ไม่ไกลจากไทเปมากนัก จึงทำให้ชาวไทเปชอบที่จะมาเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้อยู่เป็นประจำ
Getting There: ทุกๆ วันจะมีรถบัสสาย 1061 ไว้คอยบริการ ซึ่งจะเดินทางออกจากสถานี MRT Xindian ทุกๆ 15-30 นาที และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40 นาที เพื่อมายังหมู่บ้านอูไหล
เมืองผิงซี
ผิงซีคือเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงด้วยการเป็นสถานที่จัดงานลอยโคมซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวไต้หวัน โดยมีระยะของการจัดงานในแต่ละครั้งนานถึง 1 สัปดาห์ โดยการลอยโคมนี้ในอดีตใช้เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยให้แก่ชาวเมือง แต่ปัจจุบันประเพณีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพของชาวไต้หวัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้เดินทางเข้ามาร่วมงานอย่างครับครั่ง ภายในเมืองจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มากมายเปิดขายสินค้าอยู่เต็มท้องถนน โดยเฉพาะโคมแบบต่างๆ ที่มีสีสันและลวดลายอันสวยงาม นอกจากนั้นบางแบบยังแฝงลูกเล่นเพื่อยั่วตายั่วใจนักช้อปอีกมากมายหลายแบบ ทำให้ทุกค่ำคืนของที่นี่ในช่วงเทศกาลลอยโคม เต็มไปด้วยแสงไฟที่สวยงามและมีเสน่ห์น่าค้นหาอย่างที่สุด นอกจากนั้นผิงซียังมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมการเดินป่า และชมความงามของน้ำตกจิวเฟิ่นอันเลื่องชื่ออีกด้วย
Getting There: จากอำเภอมู่จ้าในเมืองไทเป ให้นั่งรถเมล์สาย 15 หรือ 16 หรือจากเร่ยฟาง แล้วนั่งรถเมล์สายจีหลงไปยังผิงซี หรือนั่งรถไฟสายอี้หลันไปโฮตง จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสายปิงสีไปยังเมืองผิงซี
หมู่บ้านโบราณจิวเฟิ่น
หมู่บ้านโบราณจิวเฟินนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขาไม่ไกลจากเมืองไทเปมากนัก และเป็นถนนคนเดินเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในไต้หวัน ซึ่งในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นที่ร่อนทองของเหมืองทองคำมาก่อน ต่อมาภายหลังในสมัยที่ญี่ปุ่นได้เข้ามาปกครองเกาะไต้หวัน ก็ได้เข้ามาขุดทองและสร้างที่นี่ให้เป็นเหมืองทองคำ จนกระทั่งทองคำหมด ที่นี่ก็ถูกทิ้งร้างอยู่นานหลายปี จนเมื่อผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังแห่งไต้หวันได้เลือกที่นี่ให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยภายในหมู่บ้านจิวเฟิ่นนั้นมีตลาดเก่าให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นและช้อปปิ้งอย่างสนุกสนาน ประกอบกับทิวทัศน์ที่สวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิกและน้ำแร่ทองซึ่งแร่ธาตุในน้ำส่องประกายให้น้ำตกกลายเป็นสีทอง นักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่มหานครไทเปจึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ดูสักครั้ง
Getting There: จากช่องทางออกที่ 1 ของสถานีรถไฟใต้ดินไทเป สถานีจงเชี่ยว-ฝู่ชิง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถเมล์สาย1062 เพื่อไปยังจิวเฟิ่น
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)