ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจุบันมาเลเซียกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางจากทั่วโลก ที่อยากเดินทางมาสัมผัสกับดินแดนหลากวัฒนธรรมแห่งนี้ดูสักครั้ง และสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ ถึงแม้ว่ามาเลเซียนั้นจะอยู่ใกล้ๆ แค่ปลายด้ามขวาน แต่แน่ใจแล้วหรือว่าคุณรู้จักกับดินแดนแห่งนี้ดีพอแล้ว
1. มาเลเซีย... ใครๆ ก็บินได้
สายการบินแอร์เอเชียถือว่าเป็นสายการบินต้นทุนต่ำหรือที่เรียกว่าโลว์คอสของประเทศมาเลเซีย ที่ได้รับความนิยมไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่หากมีโปรโมชั่นเด็ดๆ ออกมาเมื่อไหร่ เป็นต้องแย่งชิงกันเสียจนระบบอินเตอร์เน็ตแทบล่ม อันเนื่องมาจากราคาที่ถูกแสนถูก และหลากลายเส้นทางการบิน จึงทำให้ความนิยมของแอร์เอเชียไม่เคยสร่างซาลงไปเลย โดยเส้นทางกรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมาเลเซียก็เป็นหนึ่งในเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากไทยเช่นเดียวกับเส้นทางการบินประเทศอื่นๆ
2. แท็กซี่ในราคาที่เป็นธรรม หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
หากมีการจัดอันดับการให้บริการของรถแท็กซี่จากทั่วโลกแล้วล่ะก็ รถแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการอยู่ทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์นั้นมักจะถูกจัดให้อยู่ในอันดับท้ายตารางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤติกรรมของคนขับรถแท็กซี่ในกัวลาลัมเปอร์นี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลมาเลเซียพยายามหาทางแก้ไขมานานหลายปี แต่กระนั้นมันก็มิใช่เรื่องง่ายๆ เลย อย่างไรก็ตาม แม้แท็กซี่ในกัวลาลัมเปอร์จะได้ชื่อว่าค่อนข้างเลวร้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแท็กซี่ที่ดีๆ จะไม่มีอยู่จริง เพียงแต่นักท่องเที่ยวอาจต้องหาวิธีรับมือด้วยการศึกษาเส้นทางที่ต้องการจะไปให้ดีเสียก่อน รวมทั้งในปัจจุบันยังมีแอพลิเคชั่นสำหรับการเรียกใช้รถแท็กซี่ที่เชื่อถือได้ไว้คอยบริการด้วย
3. เครื่องดื่มยอดนิยมไมโล
ประเทศมาเลเซียถือเป็นตลาดใหญ่ของโลกซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านโกโก้และเครื่องดื่มประเภทมอลต์สกัด นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานไมโลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนั่นก็ทำให้ร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านข้างทาง หรือตามร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง KFC, Mc Donalds, Mamak ฯลฯ มีไมโลเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่จะขาดเสียไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการนำไมโลมาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ ที่น่าลิ้มลองอีกมากมาย
4. เกาะแห่งสินค้าปลอดภาษี
เกาะลังกาวีเป็นเมืองหนึ่งของรัฐเคดาร์ประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางรัฐบาลต้องการโปรโมทให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก คล้ายๆ กับเกาะภูเก็ตของบ้านเรา เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียเล็งเห็นถึงศักยภาพของเกาะลังกาวีที่นาจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม หากเทียยเคียงกับภูเก็ตแล้ว ลังกาวีถือว่ายังห่างชั้นอยู่มากในเรื่องของความดึงดูดทางธรรมชาติที่ดูเหมือนภูเก็ตจะนำอยู่มากโข แต่ความพยายามของรัฐบาลมาเลเซียก็ไม่ลดละ ดังนั้นคอนเซ็ปต์ของการทำให้ลังกาวีกลายเป็นเกาะแห่งสินค้าปลอดภาษีจึงถูกนำมาใช้ และปัจจุบันลังกาวีก็ถือว่าประสบความสำเร็จทางด้านการท่องเที่ยวอย่างงดงาม จากยอดของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากชาวไทยที่นิยมมาช้อปปิ้งที่นี่นั่นเอง
5. ความสมบูรณ์ของพันธุ์พืชและสัตว์ป่า
มาเลเซียคือหนึ่งใน 17 ประเทศทั่วโลกที่มีชื่อว่าเป็น Megadiverse Countries อันเป็นกลุ่มประเทศที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยเฉพาะในบริเวณท่าเรือ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในประเทศพื้นที่เขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน โดยกล่าวกันว่ามาเลเซียนนั้นเต็มไปด้วยท่าเรือถึง 20% ของโลก อีกทั้งป่าไม้ในมาเลเซียยังมีอายุที่เก่าแก่กว่าร้อยล้านปี ซึ่งถือว่าเป็นอายุที่มากกกว่าป่าอะเมซอนของบราซิลเสียอีก โดยเฉพาะป่าไม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทามันเนการาอันเลื่องชื่อและยังมีสถานะเป็นอุทยานแห่งชาติที่แรกของมาเลเซียอีกด้วย
6. อาหารเลื่องชื่อที่ควรลิ้มลอง
หากมีโอกาสได้มาเที่ยวมาเลเซียแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือเรื่องของอาหารการกินนั่นเอง ซึ่งถือเป็นธรรมดาของเมืองหรือประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่จะต้องมีเมนูอาหารอันเลื่องชื่อที่นักท่องเที่ยวต้องไปลองชิมดูสักครั้ง ไม่งั้นอาจถือว่าไปไม่ถึงที่หมายก็ได้ โดยอาหารเลื่องชื่อของมาเลเซียนั้นคือเมนูที่มีชื่อเรียกว่าฉ่าก๋วยเตี๋ยวซึ่งเป็นอาหารจีนยอดนิยมของชาวมาเลย์ทุกเชื้อสาย โดยแต่ละร้านก็จะมีสูตรการผัดและวัตถุดิบที่แตกต่างกันเล็กน้อย อันมีผลจากความหลากหลายทางเชื้อชาติของคนที่นี่ แต่หากนักท่องเที่ยวท่านใดอยากลองลิ้มชิมรสที่เรียกว่าแบบต้นตำรับจริงๆ ต้องไปที่เกาะปีนังเท่านั้น
7. ปัญหาของการท่องเที่ยวในช่วงเดือนรอมฎอน
มาเลเซียนั้นเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งมากกว่าครึ่งของประชากรชาวมาเลเซียทั้งประเทศล้วนนับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นในช่วงเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติจึงถือเป็นช่วงเดือนรอมฏอนของพี่น้องชาวมุสลิม ที่ต้องทำพิธีถือศีลอดตลอดทั้งเดือน ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศมาเลเซียในช่วงนี้อาจจะต้องประสบปัญหาบ้างเล็กน้อยในเรื่องของอาหารการกิน รวมทั้งการดื่มเพื่อความบันเทิง ซึ่งร้านค้าที่ดำเนินการโดยชาวมุสลิมจะงดให้บริการในช่วงเวลากลางวัน และไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด แต่สำหรับร้านที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมแล้ว ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น