วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แนะอาหารที่สิงคโปร์

สิงคโปร์ นอกจากจะขึ้นลือชาชื่อเรื่องช็อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว อาหารสิงคโปร์ก็เป็นไฮไลท์สำคัญหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักนึกถึงเสมอ เมื่อแวะมายังเมืองสิงโตแห่งนี้ เรียกได้ว่า ที่นี่ เป็นสวรรค์ของนักชิม เมืองหลวงด้านอาหารแห่งเอเชียเลย เนื่องด้วย สิงคโปร์มีหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้อาหารของเมืองนี้มีทั้งรูปแบบของอาหารตะวันตก อินเดีย จีน อินโดนีเซีย และอื่นๆ มากมายให้เลือก บางอย่างเป็นจีนแท้ บางอย่างเป็นจีนผสมแขก (มุสลิมและฮินดู)

อาหารสิงคโปร์ หารับประทานง่ายดาย ตามศูนย์อาหาร มุมถนนต่างๆ ไม่ว่าจะไปส่วนไหนของเกาะก็หาทานอาหารเหล่านั้นได้อย่างสบายๆ มีทั้งร้านติดแอร์และไม่ติดแอร์ และส่วนใหญ่มีเมนูเหมือนๆ กันหมดทั่วเกาะ ร้านอาหารส่วนใหญ่ตามศูนย์อาหารเหล่านี้ มักจ้างพ่อครัวแม่ครัวมาจากประเทศแม่ เจ้าของสูตรอาหารเมนูนั้นๆ สำหรับรสชาตินั้น อาหารเกาหลีค่อนข้างใกล้เคียงกับต้นฉบับ ส่วนรสชาติอาหารญี่ปุ่นหรือไทยเป็นสไตล์สิงคโปร์มากกว่าต้นฉบับ ราคาอาหารค่อนข้างแพงกว่าปรกตินิดหน่อย โดยเฉพาะอาหารเกาหลีและญี่ปุ่น ปรกติราคาอาหารที่นี่จานละ 2.5-4 เหรียญสิงคโปร์ แต่อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น และอาหารไทย ประมาณ 4 เหรียญสิงคโปร์ขึ้นไป 


ถ้าอยากรู้ว่าร้านไหน ที่ไหน อาหารอะไรอร่อยน่าลิ้มลองละก้อ คงต้องสังเกตร้านที่มีคิวต่อแถวยาวๆ รับรองว่าไม่พลาดความอร่อยเลิศ เมื่อมาถึงถิ่นเมืองสิงโตแล้ว ก็มาลองชิมกันว่าอาหารท้องถิ่นรสเลิสของเขาซะหน่อย ว่าแต่ว่ามีอาหารอะไรบ้างไปดูกัน


1. ข้าวมันไก่ไหหลำ
อย่างที่ทราบกันดีว่า สิงคโปร์ขึ้นชื่อเรื่องข้าวมันไก่เป็นพิเศษ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ เมนูยอดฮิตของชาวจีนไหหลำ หรือไหหนาน ที่มีน้ำจิ้มพริกตำสีส้มสด ไม่มีเต้าเจี้ยว กลิ่นหอมอ่อนๆ รสเผ็ดเล็กน้อย มีต้นหอมสับ ขิงสับละเอียดผสมกระเทียมกับน้ำมันงาให้ราดเนื้อไก่ให้ชุ่มฉ่ำก่อนหม่ำด้วย ยังมีซอสถั่วเหลืองสีดำข้น กับน้ำซุป แต่รดชาดไก่เขาไม่เหมือนบ้านเรานะ เพราะเขาใช้ไก่จากมาเลย์ เป็นคนละสายพันธุ์กับไก่เมืองไทย ไก่เขาจะนุ่ม โดยเฉพาะหนังนุ่ม กรอบ มากจนละลาย ไม่เหนียวเหมือนหนังสติ๊ก เสริฟกับข้าวสวยเป็นถ้วยๆ เมล็ดข้าวเขามันบานๆ ร่วนเป็นเม็ดดี รสชาติดี อร่อยดี ข้าวมันไก่สิงคโปร์นี่ เป็นสูตรไหหลำ มันต่างจากข้าวมันไก่ไทยทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นสูตรแต้จิ๋ว เพราะคนจีนในไทยเป็นแต้จิ๋ว แต่จีนในสิงคโปร์เป็นไหหลำ ดังนั้นมันก็เลยออกมาต่างกัน


แนะนำ
**ว่ากันว่าร้านข้าวมันไก่ไหหลำ (Chicken Rice) อร่อยที่สุดคือ ข้าวมันไก่ร้านบุญทงกี่ หรือ บุญตงเดียรติ (Boon Tong Kee) www.boontongkee.com.sg มีหลายสาขา ได้แก่
         -ร้าน Food Stall อยู่ใน Fountain Food Court ใต้ห้างคาร์ฟูร์ตรง Suntec City เดินเข้าไปแล้วก็มองหาป้ายใหญ่ๆ เขียนคำว่า "Chicken Rice" เข้าไปดูใกล้ๆ จะมีป้ายเล็กๆ เขียนว่า "Boon Tong Kee"
         -อีกสาขาอยู่ริมถนน Balestier ขึ้นรถไฟใต้ดินไปที่สถานี Novena ขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งตรงข้ามไปยังโบสถ์ Balestier แล้วต่อรถเมล์สาย 131 ไปลงที่ป้าย Shaw Plaza สาขาสุดท้ายอยู่ที่ถนน Rangoon ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Farrer Park

นอกเหนือจากร้าน "Boon Tong Kee" ยังมีข้าวมันไก่อื่นๆ ที่หากินง่ายๆ
**ย่านโนวีนา (Novena) ชื่อร้าน “Wee Nam Kee Hainanese Chicken Rice” เปิดตั้งแต่เช้าตรู่ยันเที่ยงคืน ถ้าไปช่วงกลางวันหรือเย็น ๆ ต้องรอต่อคิวกันยาว

**ศูนย์อาหารทั่วไปราคาไม่แพงมาก


2. ลักซา (Laksa or Curry Laksa)
อาหารเส้นที่นิยมกันมากๆ ในสิงคโปร์ นั้นคือ ลักซา เป็นอาหารมาเลย์ชนิดหนึ่ง เส้นแป้งคล้ายๆ เส้น ก๊วยเตี้ยวคล้ายๆ บะหมี่ เส้นเขาจะกลมๆใหญ่ๆเหนียวนุ่ม ที่เรียกว่า บีฮูน (beehoon) ลวกจนนุ่มเนื้อไก่ กุ้งต้มสุก ไข่เจียวที่ซอยเป็นฝอยราดน้ำซุปสูตรพิเศษเคี่ยวจากหัวกุ้งและพริกแกงที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิดโรยหน้าด้วย ขิง พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอม แตงกวา หอมแดงเจียวกรอบ และใบลักซา

ลักซา มีต้นกำเนิด จากชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานแถบคาบสมุทรมลายู อาหารนี้จึงได้ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมจีนและมาเลย์ โดยเป็นอาหารเส้นๆ แบบวัฒนธรรมของจีน ส่วนเครื่องเทศในซุปแสนเผ็ดร้อนแบบมาเลย์

ลักซา มี 2 ประเภท คือ น้ำแกงแบบกะทิ กับ น้ำแกงแบบใส ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมทานกัน เป็นลักซาน้ำกะทิ คล้ายๆ กับก๋วยเตี๋ยวแกงของบ้านเรา ส่วนน้ำกะทิมีเครื่องเคียงหลายแบบ ใช้ไก่บ้าง อาหารทะเลบ้าง ที่ขาดไม่ได้คือ เต้าหู้ทอด ถั่วงอก และผักแพว



แนะนำ
**ร้านกะทงลักซ่า (328 Katong Laksa ) เป็นลักซาต้นตำหรับ มีความแตกต่างของลักซาที่นี่ คือ กินโดยไม่ต้องใช้ตะเกียบ เพราะเส้นมันถูกตัดมาแล้ว แนะนำให้นั่ง MRT หรือ รถเมล์ที่ไปถนน Joo Chait Road คล้ายกับว่ากำลังอยู่ในมาเลเซีย เพราะเห็นผู้หญิงคลุมผ้าแต่งตัวแบบมาเลเดินอยู่เต็มไปหมด ร้าน 328 Katong Laksa จะอยู่ตรงหัวมุม Joochiat Road ร้านนี้คนเข้าคิวรอ

** Food Court ที่ย่านไชน่าทาวน์ ถัด Smith Street ไปอีกบล๊อก มีร้านขนมของจีนหลายร้าน

**ร้าน Thai Express เป็นร้านอาหารไทย ที่เจ้าของเป็นชาวสิงคโปร์ ปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วไปในสิงคโปร์ และเปิดสาขาต่างประเทศด้วย อยู่ระหว่างทางเชื่อมสถานีรถไฟใต้ดิน City Hall กับ ศูนย์การค้า Suntec ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางการค้า ที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์

**มีทุก ศูนย์อาหารต่างๆ หรือ ที่สนามบินในสิงคโปร์ มีขายรสชาติอร่อยใช้ได้


3. ปูผัดซอสพริก (Chili Crab)
Chili Crab หรือ ปูศรีลังกาผัดซอสพริก สูตรพิเศษของสิงคโปร์ ที่ใครได้ชิมแล้วเป็นต้องติดใจไปทุกราย ถือเป็นอาหารจานหลักอย่างหนึ่งของเมืองสิงโต ปูผัดซอสพริกนี้ มีรสเปรี้ยวหวานของมะเขือเทศกับซอสน้ำซอสผสมกัน ทานกับ Bun หรือ หมั่นโถว (Mantou) จิ้มน้ำซอส รสชาติของเนื้อปูเนี่ยจะนุ่มนิดๆ เด้งๆ คือ เค้าทำมาสุกกำลังดี ลงตัวมากๆ หาทานได้ตามร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังทั่วไป


แนะนำ
**ย่าน Chinatown
-ร้าน Tiong Shian Porridge เปิดตั้งแต่เช้า มีพวกโจ๊กอร่อยๆ ขาย ส่วนอาหารทะเลเริ่มสั่งได้ตั้งแต่ 11 โมงครึ่ง ออกจากสถานีรถไฟฟ้า MRT Chinatown แล้ว เดินเรียบถนนใหญ่ (ถนน New Bridge) ไปประมาณ 200 เมตร ก็จะเห็นร้านเลย คนนั่งกินเยอะๆมากๆ ปูผัดพริกไทยดำ เนื้อแน่นมาก 2 ตัว ประมาณ 32 เหรียญ
-ร้าน Yam Cha ในไชน่าทาวน์ เป็นปูผัดไข่เค็ม โดยปูเขาตัวใหญ่ เป็นปูศรีลังกา ปูผัดพริกไทยดำที่ร้านนี้ หน้าตาน่ากินทีเดียว และมีเมนู ขากบอบหม้อดิน Frog Porridge ขากบใหญ่ๆ แน่นๆ อร่อยดี

**อยู่แถวๆ โรงแรม The Fullerton Hotel ที่เดินมาจาก ที่โชว์สิงห์โตขาว Merlion ปูที่นั่นตัวใหญ่มาก (ก้ามก็ใหญ่)

**ย่าน Clark Quay
-ร้าน QuaySide Seafood ปูศรีลังกาผัดพริก เป็นแบบ Open Air นั่งติดกับแม่น้ำ ดูบรรยากาศของแสดงไฟกลางคืนไป ทานอาหารทะเลไป โรแมนติกได้รางวัลร้านอาหารทะเลยอดเยี่ยม 2 ปีซ้อนเลย
-ร้านปู Jumbo ตรงสถานีคลากคีย์ (Clarke Quay) ตรงข้ามห้าง Central ลงสั่ง Chili Crab แบบผัดเกลือกับพริกไทยดำ และ เมนูกุ้งผัดซอสมะนาว อร่อยมากๆ จ้า

**ร้าน NO SignBoard SeaFood เว็บ http://nosignboardseafood.com/ เป็นร้านเก่าแก่ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 1981 เป็นแค่ร้านเล็กๆ ธรรมดาๆ ไม่มีป้ายหน้าร้าน เขาทำอาหารซีฟู๊ดจนดัง อยู่ย่าน The Esplanade, 8 Raffles Avenue แนะนำให้นั่งรถเมล์เพราะมีหลายสายผ่านที่ร้าน แต่ไปรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็สะดวกกว่าดี ลงที่สถานี City Hall, แล้วเดินมาที่ Esplande linkway

**แถวย่าน East coast ปูผัดพริกไทดำ อร่อยมากๆ ชื่อร้าน Long Beach

หมายเหตุ: ร้านที่ขายปูผัดซอสพริก มีกระจายมีอยู่ทั่วทุกมุมของสิงคโปร์เลย หาทานง่าย


4. บักกุ๊ดเต๋ (Bak kut teh)
อาหารประจำชาติสิงคโปร์อีกอย่างที่น่าสนใจ คือ บักกุ๊ดเต๋ หรือ ซี่โครงหมูอ่อนตุ๋นยาจีน อร่อยตรงน้ำซุป ปรุงด้วยเครื่องเทศสมุนไพรต่างๆ แต้จิ๋ว น้ำซุปใสเผ็ดร้อนพริกไทย รสชาติกลมกล่อม ที่สำคัญขอเติมน้ำซุปได้ด้วย เสิร์ฟด้วยข้าวสวย หรือปาท่องโก๋ และชาจีน

บักกุ๊ดเต๋ นิยมใช้ ซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ที่มีเนื้อติดกระดูกเยอะๆ หมักด้วยเกลือกับพริกไท และซ้อสปรุงรส แล้วนำไปทอดด้วยน้ำมันร้อนๆ เพื่อไม่ให้เปื่อยด้านนอก เวลาตุ๋นนานๆ จากนั้นนำน้ำไปตุ๋นในน้ำแกงใส่เครื่องปรุงแบบจีน เป็นต้นว่า โป๊ยกั้ก, อบเชย, กานพลู, ตังกุย, เม็ดยี่หร่า, พริกไทเม็ด และ กระเทียม โดยเคี่ยวด้วยไฟเบาๆ ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ส่วนร้านไหนมีทีเด็ดอะไรพิเศษ ก็เป็นสูตรทางเทคนิคของแต่ละร้านไป



แนะนำ
**ร้าน NG AH SIO PORK RIBS SOUP EATING HOUSE ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นร้านบักกุ๊ตเต๋ที่อร่อยทีสุดในสิงคโปร์ อยู่ย่านถนน Rangoon แนะนำให้นั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานี Farrer Park Exit B แล้วเดินไปตามถนนประมาณ 1 ป้ายรถเมล์

**ร้าน 333 Bakkutteh (ถนน Balestier ตรงข้ามกับ Shaw Plaza) จากร้านนี้เดินไปร้านข้าวมันไก่ Boon Tong Kee สาขา Balestier ใกล้นิดเดียว

**ร้าน Songfa (เว็บไซด์ http://www.songfa.com.sg/) มีคนเต็มแทบทุกวัน เปิดบริการ 11.00 -22.00 น. และหยุดทุกวันจันทร์ อยู่ติดกับ Clarke Quay หาง่าย


5. มะตะบะ (Matabak/Murtabak)
มะตะบะ เป็นอาหารประจำชาติของชาวมุสลิม มะตะบะของสิงคโปร์ ได้ประยุกต์ขึ้นมา โดยการนำแป้งมาห่อไส้ที่ประกอบไปด้วย หอมใหญ่ เครื่องเทศ เนื้อวัว เนื้อไก่ อาจผสมกับไข่ไก่ หรือผักชนิดต่างๆ ก่อนนำมาทอดกับน้ำมันและเนยเทียม ทานคู่กับน้ำจิ๋ม

มะตะบะของสิงคโปร์ คล้ายๆ กับพิซซ่าในแบบพื้นเมือง สอดไส้ด้วยเนือแกะหรือเนื้อไก่สับที่ปรุงรสแล้วเสิร์ฟพร้อมแกงกะหรี่


แนะนำ
**ร้านแกงกะหรี่ บนถนน Race Course
**Chinatown Food Street ที่ถนน Smith Fisherman’s Village ที่ Paris Ris
** ศูนย์อาหาร Newton Hawker Centre
**ร้าน Singapore Zam Zam Restaurant Pte Ltd อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับ Sultan Mosque
**ตามร้านอาหารต่างๆ ที่ ตั้งอยู่รอบมัสยิดเลียบถนน North Bridge


6. สะเต๊ะ (Satay)
สะเต๊ะ เป็นอาหารมลายู แต่ชาวไทยนำไปประยุกต์ ทำให้มีหมูสะเต๊ะรับประทานกัน ส่วนสะเต๊ะของชาวสิงคโปร์ รสชาติจะไม่แตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นัก แต่เขาจะไม่มีน้ำจิ้มถั่ว หรือ น้ำอาจาดแบบบ้านเรานะจ๊ะ น้ำจิ้มของเค้าค่อนข้างเผ็ดกว่าเมืองไทย แต่เค้าให้น้ำจิ้มมากๆ รับประทานกับผัก เช่น แตงกวา หอมแขก และที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวปั้นเป็นก้อนกลมๆห่อใบตองนึ่ง เนื้อสะเต๊ะส่วนใหญ่จะเป็น เนื้อกุ้ง เนื้อไก่ เนื้อแพะ เนื้อแกะ เนื้อวัว ไม่มีเนื้อหมู มีคนทานเยอะเพราะว่าสะเต๊ะของเขาหอม และอร่อยมากๆ ราคาก็ไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ เสิร์ฟกับข้าวต้มมัด แตงกวาและซอสถั่วเข้มข้นจ้า

สะเต๊ะที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ ได้แก่ City Satay, Kwong Satay และ Fatman Satay เป็นต้น


แนะนำ
**ร้าน King Satay Club เดินเลียบแม่น้ำไป พอสุดตึกที่เป็นโรงแรม Novotel Clarke Quey ก็เลี้ยวขวา ร้านที่ 2 ทางซ้ายมือ

**ถนน Robinson ตลาดกลางคืน ชื่อ ตลาด Lao Pa Sat เป็นศูนย์อาหารเก่าแก่ของสิงค์โปร์ ช่วงกลางวันเป็นศูนย์อาหารธรรมดา แต่ช่วงกลางคืนเป็นถนนสะเต๊ะ มีหลายร้าน เช่น ร้าน Boon Tat ST BBQ (เลขที่ร้าน 43/44), ร้าน Satay Club gxHo9ho มีโต๊ะไปวางบนถนนรอบๆ Lau Pa Sat แล้วตั้งร้านกัน สำหรับการเดินทางมาที่ Lau Pa Sat แนะนำให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Raffles Place แล้วเดินมาทางออก เดินครงมาทางด้านขวามือ เดินไปเรื่อยๆ ตามชายคาตึก ผ่านสำนักงานของ AIA ข้ามถนน Telegarph ตรงมาจะเห็น Lua Pa Sat อยู่ข้างหน้า

นอกจากนั้น อาหารจานเด็ดทั้ง 6 อย่างแล้ว ยังมีอาหารยอดนิยมอื่นๆ คือ อาหารก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวเห็ดหอม ส่วนใหญ่เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง มีอยู่มากมายทั่วเกาะ เนื่องจากสิงคโปร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย จึงได้รับวัฒนธรรมด้านอาหารจากชาวมาเลย์ ซึ่งตั้งรกรากอยู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งยังมีอาหารจีนด้วยเช่นกัน

ชอบทานแบบไหน ลองเลือกเองนะจ๊ะ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อพึงระวังเมื่อไปเที่ยวยุโรป

การท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะ “ยุโรป” ซึ่งเป็นดินแดนสวยงาม ที่มีความหลากหลายทั้งทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ทำให้หลายคนปรารถนาจะไปเที่ยวที่นี่

การไปเที่ยวยุโรป ครั้งเดียว คุ้ม เพราะเที่ยวได้ถึง 3-4 ประเทศเลย ถือเป็นความสนุก ความสุข อย่างหนึ่ง หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน ก็ต้องไประบายๆๆ เที่ยวต่างประเทศสวยๆ ซะหน่อย เพื่อเติมประสบการณ์ท่องเที่ยว

แต่การไปเที่ยวไกลถึง ยุโรป นั้น ใครจะรู้ว่า ยังมีเหตุการณ์ หรือ สิ่งต่างๆ ที่เราๆ ท่านๆ ควรพึงระมัดระวัง เพื่อไม่เสียความสนุกสนานในการท่องเที่ยว แล้วเราจะเตรียมตัวป้องกันอะไรบ้าง ไปดูกัน





ระวังมิจฉาชีพ
ยุโรป ได้ชื่อว่าเป็นทวีปที่ค่อนข้างปลอดภัยในระดับมากๆ ท่ามกลางความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยุโรป ยังมีสิ่งแอบแฝงที่พึงระวัง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวมากๆ พวกมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ ก็จะออกมารบกวนใจเรา สถานที่ไหน ประเทศใดที่ท่านควรระวังมากๆ ได้แก่

- ลอนดอน ของอังกฤษ ตามแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ในเมือง หรือ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ คอนเสิร์ตแบบอินดอร์-เอ้าท์ดอร์แบบชิลๆ พวกนี้จะทำการ 'ล้วง' หรือ 'กรีด' กระเป๋า โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย

- ปารีส เมืองน้ำหอม ของฝรั่งเศส มีพวกมิจฉาชีพแอบแฝง ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น หน้าพระราชวังแวร์ซายส์ แถวถนนชองป์เอลิเช่ และตามรถไฟใต้ดิน พวกนี้มักจะมาในรูปของโจรกรีดกระเป๋าบ้าง หรือ มาตีสนิทเราบ้าง แล้วอ้างโน้น อ้างนี้ สุดท้ายก็ขอเงิน ตามสไตล์


- มิลาน กรุงโรม ของอิตาลี ตามรถไฟใต้ดินต่างๆ หรือ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น โบสถ์ดูโอโมที่มิลาน โคลอสเซียมที่กรุงโรม พวกมิจฉาชีพ มีทั้งยิปซีๆ แต่งตัวรุ่มร่าม และพวกคนดำที่ชอบมาหลอกขายของ และเก็บเงินในราคาแพงมากๆ

- แมดริด กรุงบาร์เซโลน่า ของสเปน เป็นอีกที่หนึ่ง ยอดฮิตของเหล่ามิจฉาชีพ ในรูปแบบขี่มอเตอร์ไซค์วิ่งราว หรือ ถ้าจอดรถ พวกนี้จะทุบกระจกแล้วขโมยของในรถ หรือ บางคนอาจปลอมตัวเป็นตำรวจ ขอตรวจทรัพย์สิน แล้วก็เชิดเอาทรัพย์สินไป ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ แนะนำให้เดินหนี หรือทำส่งเสียงดังๆ โวยวาย


ระวังตกรถ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็น รถไฟ รถราง และรถบัสในยุโรปนั้น ค่อนข้างมีมาตรฐาน ทันสมัย ปลอดภัย รวดเร็ว และสะดวกสบาย เพราะในยุโรปมีเครื่อข่ายระบบขนส่งมวลชนครอบคลุมทุกแห่ง ชาวยุโรปจึงนิยมเดินทางไปไหนมาไหนโดยทางรถสาธารณะเหล่านี้มากกว่าขับรถ หรือ นั่งแท็กซี่ แบบบ้านเรา



สำหรับผู้ที่รักการเดินทางและท่องเที่ยวในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นชาติใด จึงจำเป็นต้องมีวินัย ตรงต่อเวลา เขาจะมีตารางรถบอกเวลามาถึง หรือเวลารถออกเดินทาง ดังนั้น รถราเขาไม่รอเรานะ แต่เรานิซิต้องตรงต่อเวลา มีความเป็นระเบียบ แต่ก็นั่นแหละ เขาก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ในแง่ที่ต้องต่อรถไฟไปเมืองอื่นๆ เช่น รถไฟขบวนแรกจะไปถึงตอน 11.20 น. แต่อีกขบวนที่เราต้องไปต่อจะออก 11.30 น. แบบนี้ เห็นที่ต้องวิ่งๆๆ จะช้าอ้อยอิ่ง คงได้ตกรถแน่ๆ


ผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชน รถเมล์ รถไฟ รถราง เป็นจำนวนมากในยุโรป ควรจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าเสียก่อนที่จะโดยสารไปกับขบวนรถนั้นๆ คงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เสียเวลารอจ้า




ข้อพึงระวัง เมื่ออยู่ต่างแดนในยุโรป
**ระวังชิงทรัพย์สิน บางรายถูกทำร้ายร่างกายขณะถูกชิงทรัพย์ พร้อมถูกชิงหนังสือเดินทางไปด้วย ซึ่งตำรวจท้องถิ่นบางครั้งก็ยากที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันที บางคนแกล้งทำเป็นสิ่งของตกต่อหน้าต่อตา หรือทำของสกปรกๆ รดตัวเรา หรือ เดินมาสอบถามเส้นทาง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเรา จากนั้นพวกลูกสมุนก็จะเข้ามาฉกชิงวิ่งราวไปซึ่งๆหน้า

**ระวังกระเป๋าถือ ไม่ควรพกสิ่งของมีค่าติดตัวมากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะเงินสด ขอให้ศึกษาทำความรู้จักสถานที่ที่จะไปเที่ยว และไม่ไปในสถานที่เปลี่ยวลับตาคนตามลำพัง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิท

**หลีกเลี่ยงพื้นที่และกิจกรรมอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืน หากท่านจำเป็นต้องเดินทางในช่วงเวลากลางคืน ให้พาเพื่อนๆไปด้วย, ให้พยายามนั่งใกล้ๆกับคนขับให้มากที่สุดเท่าที่ทำได, ให้เดินทางในบริเวณที่มีแสงสว่างและมีคนมากๆ เวลาที่ท่านเดินทางระหว่างสถานีรถไฟ รถราง หรือรถบัสจากโรงแรม ให้เฝ้าดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัว ระวังตัวเสมอๆ
 


**เก็บข้าวของของไว้ใกล้ๆตัว แต่ต้องจำให้ได้และรู้ตลอดเวลาว่าสิ่งของนั้นอยู่ที่ไหน แนะนำให้ซ่อนของมีค่า เช่น ทอง กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือแพงๆ 


 

อันตรายไม่ใช่เกิดขึ้นใน ยุโรป เท่านั้น ไม่ว่าไปที่ไหน เมืองไหน ประเทศไหน ในโลกใบนี้ ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป แม้จะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัว แต่การพึงระวังตัวไว้ก่อน พร้อมรับรู้สถานการณ์รอบข้าง และตื่นตัวอยู่เสมอ ก็คงจะดีไม่น้อยจ้า

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แนะนำเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง

แม้ สิงคโปร์ เป็นประเทศเล็กๆ แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่น่าประทับใจ ไม่วุ่ยวาย ปลอดภัย มีการจัดผังเมืองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน สวยงาม และเป็นประเทศที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประเทศสิงคโปร์มีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาถูก และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เรามาดูกันว่ามีเที่ยวไหนบ้าง



1. มารีน่า เบย์ แซนด์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวครบครันแห่งใหม่ มีทั้งโรงแรมหรู สิงคโปร์ ประกอบด้วยห้องพักกว่า 2,561 ห้อง ไฮไลท์คือ The Sands Sky Park อยู่ชั้นที่57 ของโรงแรม เป็นสถาปัตยกรรมรูปร่างคล้ายเรือตั้งอยู่บนอาคารทั้ง 3 แซนด์ส สกายพาร์ค ถือว่าเป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูง 200ม.ตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่ 250ต้นและไม้ประดับอีก 650ต้น, ร้านอาหารหรูหรา, มีคาสิโน เกมการพนันทุกรูปแบบ

ภายใน มารีน่า เบย์ แซนด์ มีร้านค้าปลีก ภัตตาคารมากมาย ให้ได้ช้อปปิ้งสินค้ายี่ห้อดังๆ โดยตกแต่งบรรยากาศได้อย่างงดงาม บนยอดตึก ออกแบบเป็นรูปเรือ ตั้งอยู่บนอาคารทั้ง 3 แซนด์ส สกายพาร์คนี้ถือว่าเป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก




2. ตะลุยท่องโลกจิตนาการ ณ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เต็มอิ่ม จุใจ กับเครื่องเล่นมากมายทุกอย่าง สามารถเล่นอะไร กี่รอบก็ได้ ที่นี่...มีพื้นที่สวนสนุกประกอบด้วยธีมปาร์คที่รวมตัวละคร และสถานที่ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังของบริษัทดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น คือ มาดากัสการ์ และเชร็ค ที่รวบรวมความน่าสนใจไว้ถึง 7 แห่ง เช่น เครื่องเล่นชุดมาดากัสการ์ ป่วนป่าแอฟริกา เป็นเครื่องเล่นที่ใช้การขับเคลื่อนผ่านรางน้ำ สร้างความตื่นเต้น หรือ ปราสาท ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ ฉากเด็ดจาภาพยนตร์ชื่อดัง เรื่อง "เชร็ค" ถูกเนรมิตขึ้นสำหรับเป็นสถานที่ถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้ และยังมีภาพยนตร์ 4 มิติให้ได้ชมเพื่อสร้างความบันเทิงอีกด้วย ทุกท่านจะประทับใจกับเครื่องเล่นมหัศจรรยย์หลายรูปแบบที่ตกแต่งสวยงาม โดยเฉพาะตื่นเต้นกับการแสดงโชว์ของสตั้นท์ ในแบบฉบับของ Water World เป็นการแสดงกิจกรรมผาดโผนต่างๆ จากภาพยนตร์ชื่อดัง แสดงจริง และสนุกกับการถ่ายรูปคู่กับเล่าบรรดาตัวการ์ตูนต่างๆ




3. การแสดงน้ำพุเต้นระบำ เป็นการแสดงแสงสีระดับโลกที่สุดอลังการงานสร้าง ใช้น้ำพุประกอบดนตรี แสงสี เสียงร้องของนักแสดง และเทคโนโลยีต่างๆ ผสมกันทำให้ออกมาเป็นภาพเรื่องราวต่างๆ ใช้สายน้ำพุเป็นฉากหลัง การทำน้ำทะเลให้พุ่งขึ้น เสมือนกับเป็นฉากขนาดใหญ่ และยิงแสงเลเซอร์ไปที่ม่านน้ำ ไปที่ฉาก โดยควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เล่าเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างน่าประหลาด ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ตลอดระยะเวลาที่แสดงประมาณ 45 นาที สนุกสนานเบิกบานกันทั้งครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ตระการตาด้วยการโชว์นำพุประกอบแสง สี เสียง หากใครได้มาถึงสิงคโปร์ พลาดไม่ได้ กับการชมการแสดงที่นี่..สวยจริง ๆ



4. อาคารรัฐสภาแห่งชาติสิงคโปร์ ออกแบบและสร้างขึ้นโดยจอร์จ โคลแมน เพื่อเป็นคฤหาสน์ของยุคล่าอาณานิคมในปี1827 เป็นอาคารของรัฐเก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "เดอะอาร์ตเฮาส์" อดีตเป็นที่ตั้งของรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย

อาคารหลังนี้เป็นจุดรวมของศิลปะ ดนตรี การเต้นรำ การฉายฟิล์ม การแสดงตลก และโรงหนังทันสมัยและนักศิลปะระดับโลก มีรูปปั้นช้างที่ทำจากบรอนซ์เป็นของขวัญจากพระจุลจอมเกล้าร.5 ของไทย ซึ่งได้มอบให้ในปี1871 เพื่อสร้างความสัมพันธ์ไมตรีกับสิงคโปร์ เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จมาเยือนสิงคโปร์



5. เมอร์ไลออน รูปปั้นครึ่งสิงโต ครึ่งปลานี้หันหน้าออกทางอ่าวมาริน่า ตั้งเด่นเป็นสง่าและพ่นน้ำออกจากปากอยู่ตลอดเวลา มีทัศนียภาพสายงาม ถูกสร้างและออกแบบขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์เพื่อการท่องเที่ยว ต่อมาได้กลายเป็นเครื่องหมายของเมืองสิงคโปร์ไปโดยปริยาย สิงคโปร์คือสิงโตทะเล รูปปั้นรูปสิงโตสร้างเมื่อปีค.ศ.1972 สมัยที่นายลีกวนยู เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสิงคโปร์นั้นแต่เดิมมีชื่อว่า "สิงกะปุระ" มีความหมายว่า "เมืองสิงโต" หรือ "เกาะสิงโต"

หากมาเยือนเมืองสิงคโปร์แล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับ Merlion ถือว่ายังมาไม่ถึงสิงคโปร์



6. อาคารเอสพลาเนด โรงละครบนปากอ่าวแม่น้ำสิงคโปร์ อาคารมีรูปทรงแปลกๆเหมือนกับเปลือกทุเรียน สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.2002 เพื่อใช้จัดการแสดงคอนเสิร์ต บริเวณรอบๆ มีโรงละครกลางแจ้งเป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะพื้นบ้านและนิทรรศการต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม

อาคารเอสพลาเนด ถือเป็นสัญญลักษณ์ของงานศิลปะการแสดง เหมือนกับ Sydney Opera House ของออสเตรเลีย โดยในทุกๆ วันจะมีรายการแสดงต่างๆ มากมายหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาให้ความบันเทิงกับนักท่องเที่ยว มีทั้งจ่ายเงินและดูฟรี อาคารนี้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของสิงคโปร์ นอกเหนือจาก “เมอร์ไลอ้อน”


7. วัดเจ้าแม่กวนอิม เมื่อชาวจีนที่นับถือศาสนาพุทธทั่วโลกได้มาเยือนเมืองสิงคโปร์แล้ง คงต้องมากราบไหว้สักการะ นั่นคือ “องค์เจ้าแม่กวนอิม” มีความศักดิ์สิทธิ์ ขอพรสิ่งใดจะสมปรารถนา  สร้างขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งนั้น บริเวณแห่งนี้ถูกระเบิดโจมตีพังพินาศไปตามๆ กัน แต่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ที่สถานที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมนี้ กลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จากระเบิดครั้งนั้นเลย



8. สวนนกจูร่ง..สวนนกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่รวม 126 ไร่ ของตำบลจูร่ง ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้แนวคิดการแสดงแบบเปิดกว้างขนาดใหญ่ เป็นสวนนกใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวบรวมนกชนิดต่างๆ ไว้มากมายกว่า 8,000 ตัว 600 สายพันธุ์ แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ โดยเป็นการจำลองบรรยากาศตามถิ่นกำเนิดของนกแต่ละชนิดด้วย มีการแสดงความสามารถของนกอีกหลายชุด เป็นการแสดงที่เรียกเสียงหัวเราะวิ๊ดวิ่ว และเสียงปรบมือจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี เค้าออกแบบ ลำดับการโชว์ ได้สนุกมากเลย การแสดงนกจะเรียกว่า เป็นไฮไลท์ของสวนนกนี้


ส่วนท่านที่เป็นนักช็อป แนะนำ

1. ถนนออร์ชาร์ด เป็นแหล่งช็อปปิ้งมีชื่อเสียงของชาวสิงคโปร์ มีศูนย์การค้า ร้านค้าและโรงแรมชั้นดีมากมาย ตั้งอยู่เรียงรายสองฝั่งถนน ถึงแม้ถนนออร์ชาร์ด จะมีตึกอาคารใหญ่โต ทันสมัยมากมาย แต่ย่านถนนออร์ชาร์ด ยังดูร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ตลอดเส้นทางของถนนออร์ชาร์ด ช่วงกลางคืนเป็นถนนสายช้อปปิ้งชื่อดังของนักท่องเที่ยว มีห้างสรรพสินค้ามากมาย เช่น โรบินสัน เซ้นเตอร์พอยท์ ออร์ชาร์ดพล่าซ่า พารากอน เขาประดับประดาแสงไฟ สวยงาม ตระการตา พากันถ่ายรูปสนุกกันยกใหญ่



2. กราเซียส ดีพาร์ทเม้นต์ สโตร์ ตั้งอยู่ถนนคาร์แพนเตอร์ เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ ที่สมาคมพ่อค้าสิงคโปร์มอบตรารับรองคุณภาพของสินค้า ราคาถูกกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนใหญ่ขายน้ำหอม กระเป๋า เสื้อยืดและสินค้าพื้นเมืองของสิงคโปร์ ล้วนแล้วแต่เป็นของแท้



3. สัมผัสกลิ่นอายแบบชมพูทวีปบนเกาะสิงคโปร์ ที่ "ย่านลิ้ตเติล อินเดีย" ต้อนรับจากกลิ่นหอมเครื่องเทศชนิดต่างๆ ที่มีดอกมะลิร้อยเป็นพวงมาลัย พร้อมทั้งบรรดาเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง เครื่องประดับพื้นเมือง และผ้าไหมส่าหรีสีสันสดใส ที่ถูกขนนำมาวางเรียงรายละลานตา


4. ถนนบูกิส ย่านช้อปปิ้งใหญ่แห่งหนึ่งของประทศสิงคโปร์ เต็มไปด้วยทางเดินในร่มและแหล่งช้อปปิ้งติดเครื่องปรับอากาศ มีร้านขายของแนวบาซาร์ของแขกอาหรับ ที่ต่อคิวซื้อของกัน, ร้านค้าขายของทันสมัยต่างๆ, ร้านกาแฟ แผงร้านค้ากว่า 600 แห่ง และตลาดขายเสื้อผ้า ของใช้ อาหาร ผลไม้ ของที่ระลึกมากมาย



5. ไชน่าทาวน์ ศูนย์รวมทางวัฒนธรรมของชาวจีนในสิงคโปร์ สิงคโปร์มีประชากรที่เป็นคนจีนอยู่อาศัยกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด เชิญชมความงามของอาคารบ้านเรือนของชาวจีนที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ได้ในย่านนี้ มรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนชาวจีน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีร้านค้ามากมาย เชิญเลือกซื้อสินค้าราคาถูก จำหน่ายทั้งป้ายอักษรลายมือพู่กันจีน สมุนไพรและรังนกในร้านยาจีน

บ้าย บาย...เมืองสิงโตน้อย บ้านเมืองเขาสวยงาม สะอาดดีจัง แม้เป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็น่าสนใจ การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ช่วงสั้นๆ 2-3 วัน รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่เกิน 20,000 บาท/ท่าน เพียงท่านจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับและที่พักกับบริษัททัวร์ที่มีมากมาย ก็ได้เที่ยวแบบชิวๆ แล้ว


แนะนำเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง

ฮ่องกง เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตึกสูงระฟ้า อาคารทันสมัย ตลาดขายของพื้นเมือง ตลาดขายของเก่า วัดวาอาราม หรือแม้แต่แปลงปลูกผัก จากความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้ ฮ่องกง มีมนต์เสน่ห์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมายเดินทางมาเยือนเกาะมห้ศจรรย์แห่งนี้



“มัชรูม ทราเวล” ขอแนะนำการเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ไม่ไปกับทัวร์ เผื่ออาจเป็นประโยชน์กับท่านที่กำลังจะวางแผนไปในช่วงนี้




ก่อนอื่น ท่านควรศึกษาเส้นทางการเดินทางจากหนังสือ Hong Kong Guide และดูแผ่นที่ฮ่องกงให้เป็น เพื่อจะได้รู้จักประเทศนี้ เมื่อไปถึงแล้วจะได้รู้ว่าไปรถไฟฟ้า MTR สายไหน ออกทางประตูไหน โดยนำคู่มือพกไปด้วยเป็นเอ็นไซโคลปิเดียติดมือไว้ตลอด เวลาถามทาง ก็แค่ชี้รูปให้ดู แทบทุกคนก็บอกได้ว่าอยู่ที่ไหน หรือ อาจอ่านข้อมูลฮ่องกง จาก internet ก็ได้

นอกจากนี้ ท่านควรจะ Copy พลาสปอร์ตของท่านและเพื่อน หรือครอบครัวทุกคนไว้ก่อน แล้วก็ส่งไฟล์ให้ตัวเองในอีเมล์ ถ้าเผื่อเกิดหายขึ้นมา จะได้คลิ๊กอินเตอร์เน็ตโดยไม่ต้องถ่ายสำเนาไปอีกชุดให้เสียเวลา

การเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ถือเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไม่ยุ่งยาก แม้จะไม่เคยมาที่นี่ก็ตาม เนื่องจากการเข้าประเทศฮ่องกงไม่ต้องใช้วีซ่า ภายใน 14 วัน เพียงแต่ควรจะจองโรงแรม-ที่พัก, ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และพ็อตเก็จมันนีให้พร้อม ก็สามารถตะลุยฮ่องกงได้อย่างสำราญใจ

จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ ฮ่องกง ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง แล้วเดินไปตามป้าย Immigration เรื่อยๆ จนถึงท่ารถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่าง Gate กับ Terminal รถไฟฟ้านี้มาทุก 2 นาทีเลย เมื่อถึงด่านตรวจตม. ให้กรอกฟอร์ม Arrival ดูฟอร์มให้ดี ๆ Arrival = ขาเข้า ส่วน Departure = ขาออก หากกรอกผิด คงต้องต่อคิวใหม่ ยาวมาก เสียเวลา ฟอร์มนี้จะอยู่ด้านหน้า ๆ ของแต่ละด่าน




และสิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ควรลืมก่อนออกจากสนามบินฮ่องกง คือ แวะ หยิบโบรชัวร์ของฮ่องกง มาด้วย เพราะมีแผนที่ฮ่องกง 

เมื่อผ่านด่านเข้าฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว รับกระเป๋า ออกจาก Terminal หากไม่มีรถโรงแรม หรือทัวร์ มารอรับ ให้ท่านเดินไปหารถเมล์ AirBus เพื่อเข้าเมืองกันก่อน โดยดูตามไปที่เขียน บอกสายรถเมล์ไว้ที่ท่ารถ หรือ สามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้ Airport Express ก็สะดวกดี

เมื่อมาเดินทางมาถึงที่นี่ อันดับแรก คงต้องเข้าโรงแรม-ที่พัก อาบน้ำ อาบท่า รับประทานอาหารกันก่อนแล้วค่อยตะลุยไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของเกาะนี้




มาถึงฮ่องกงทั้งที อดไม่ได้ที่จะแนะนำให้ไปชิมอาหารจานเด็ด ได้แก่ ข้าวอบหม้อดิน รสชาติอร่อย กลิ่นหอมออกไหม้นิดๆ ราดด้วยน้ำจิ้ม รสชาติกลมกล่อม, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามใหญ่ เนื้อตุ๋นชิ้นโต, เกี้ยวกุ้ง กุ้งตัวใหญ่ เนื้อหวาน นุ่ม และบะหมีรสชาดดีน้ำซุปอร่อยมาก, ที่สำคัญ พลาดไม่ได้กับอาหารติ๋มซำ ในร้านใหญ่ๆ ของฮ่องกง อร่อยแทบทุกร้าน แม้ราคาแพงกว่าบ้านเราก็ตาม แต่อร่อย คุ้มค่า ต้นแบบติ๋มซำที่ฮ่องกงนี่เอง



อิ่มอร่อยแล้วต้องเดินย่อย ช้อปสุดมัน ละลายเงินดอลฮ่องกงให้สนุก เนื่องจาก ฮ่องกง เป็นเมืองชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ มีสินค้าทุกชนิดมากมาย ให้ได้เลือกสรร ตั้งแต่ สินค้า Brand name หรือ Copy ในราคาพิเศษ ท่านจะได้ตื่นเต้นกับการช้อปปิ้งจับจ่ายหาซื้อสินค้าที่กระจัดกระจายรอบเมืองจนลานตา




โดยเฉพาะย่านมีชื่อเสียง ถือเป็นแหล่งถลุงเงินสาวๆ หนุ่มๆ เช่น ย่าน Temple Street Market, ย่าน Ladies’ Market, ย่าน ถนนนาธาน (จิมซาจุ๋ย) ล้วนแล้วแต่เป็นถนนสายชอปปิ้ง สำหรับแฟชั่นเสื้อผ้า ร่วมสมัยจากต่างประเทศ รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา สุดคราสสิค เครื่องสำอางค์ เครื่องประดับ คล้ายๆ ตลาดนัดตอนกลางคืนของบ้านเรา ตั้งอยู่บนถนน Tung Choi เปิดตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ข้างๆ กันนั้น ก็จะเป็น Electronic Market ขายมือถือ Ipod อุปกรณ์อิเลคทรอนิคต่างๆ แซมด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ Bossini Esprit และ Giordano อยู่บนถนน Sai Yeung ส่วนสินค้าพวก Sport Goods รองเท้ากีฬาราคาถูกก็อยู่บนเส้น Fa Yuen

สำหรับการช็อปปิ้งตามตลาดของถูกในฮ่องกงนั้น หากเผลอไปสอบถามราคาที่ร้านไหน เป็นโดนคนขายตามติดตามตื้อมากๆ ไม่ให้ออกจากร้านเลย ดังนั้น ท่านควรสอบราคามาก่อน แล้วจึงต่อราคานั้นๆ ถ้าไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ ก็รีบออกจากร้านเลย

อย่างไรก็ตาม หากท่านเบื่อการเดินช้อปตอนกลางคืน คงต้องไปสิงสถิตที่ร้านเกม เล่นเกมแทน คงต้องไปพักอยู่แถวๆ ย่านตลาดมงก๊กนี้ เป็นตลาดสำหรับนักท่องเที่ยว หลากหลายสินค้า ราคาเบา ๆ เป็นบางชนิด อย่าลืม ต่อรองราคาด้วย ที่นี่...มีร้านเกม เพียบเลย แต่ร้านเน็ต หาค่อนข้างยาก ถ้าต้องการ Chat เนต ร้าน internet มักอยู่ย่านจิมซาจุ่ย มีร้านหนึ่งอยู่ตรง Mc Donald เลยจาก Miramar มานิดเดียว



สำหรับ ท่านที่ชอบถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ควรลืม คือ ที่ชาร์จแบ็ตเตอรี่, เมมโมรี่การ์ด, X Drive (ถ้ามี) เนื่องจาก เวลาได้ออกนอกโรงแรม-ที่พักเมื่อไหร่ กว่าจะได้กลับคงค่ำ เห็นอะไรก็อยากถ่ายรูปทุกสถานที่ เนื่องจากฮ่องกงมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย สวยงาม ดังนั้น หากแบ็ตเตอรี่ หรือ เมมโมรี่ไม่พอ ท่านคงเสียดายไม่ได้ภาพเด็ดๆ


อีกเรื่องหนึ่ง คือ นำปลั๊กไฟ อะแดปเตอร์ เตรียมไปด้วย เพราะไปซื้อที่นั่น ต้องเดินไปตรงมุมถนน Tung Choi อันละ 6 เหรียญ 30 บาท มีอะแดปเตอร์แล้ว เตรียมปลั๊กพ่วงไปด้วย เพราะในกรณีที่ปลั๊กอยู่สูง หรือจะใช้หลายอย่าง ที่บิ๊กซีบ้านเรา ราคาเพียง 50-60 บาทเท่านั้น (ที่นี่เขาขายเป็นคู่ ประมาณ100 บาท) นอกกจากนี้ ควรเตรียมช้อนส้อม เพราะที่ฮ่องกงไม่มีช้อนส้อม มีแต่ตะเกียบ ทัพพีใหญ่ หรือ ทัพพีขนาดตักไอ เตรียมไปเองสะดวกกว่า


 

การเดินทางไปพักผ่อนที่ ฮ่องกง หรือ “เที่ยวไม่พึ่งทัวร์” เป็นเรื่องชิวๆ ถือว่าได้เป็นการเปิดโลกอันแคบให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง แต่จะสะดวกมาก เพียงท่านจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และโรงแรม-ที่พัก กับบริษัททัวร์ตามความต้องการ แล้วก็ได้เที่ยวฮ่องกงเอง อย่างคุ้มค่า

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

“มัชรูมทราเวล” จัดอันดับ10 เมืองท่องเที่ยวต่างประเทศปลายปี 2554

อีกไม่กี่เดือนจะสิ้นปี 2554 แล้ว ท่านได้วางแผนเดินทางพักผ่อนต่างประเทศ เพื่อให้รางวัลกับชีวิต เติมแบตให้เต็ม แล้วหรือยัง? ไม่ว่าจะไปเมืองไหน ประเทศใด ดูสวยงาม มีเสน่ห์ ชวนให้หลงไหล น่าไปเยือนทุกที่ จนไม่รู้ว่าจะไปไหนดี

“มัชรูมทราเวล” ได้รวบรวมและจัดอันดับ 10 เมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่น่าไปเที่ยวปลายปี 2554

อันดับ 10 สิงคโปร์


สิงคโปร์...ประเทศเล็กๆ ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร และเป็นศูนย์กลางการคมนาคม 1 ใน 5 ของเอเชีย บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด และใครทำผิดจะได้รับโทษอย่างหนัก



ดินแดนแห่งนี้มีผู้คนที่นี่เป็นมิตรดี จะถามทางหรือขอความช่วยเหลือ ก็มีคนสิงคโปร์ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว

การเดินทางภายในประเทศมีรถไฟฟ้าครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ สะดวกสบายและปลอดภัยมาก ประชากรของสิงคโปร์มีอยู่ประมาณ 4 ล้านคนเป็นคนจีนซะ 77% มาเลเซีย 14% อินเดีย 8% และที่เหลือเป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและชาติอื่นๆ

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจและมีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้า บนถนน Orchard ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแบรนด์เนมต่างๆ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะเป็น Resort World Sentosa Singapore, สวนสนุก Universal Studio, Merlion สิงโตทะเล สัญลักษณ์ของประเทศนี้, สวนนก Jurong, Night Safari, เกาะ Sentosa, Singapore Flyer และ Duck Tour ที่สำคัญ มีอาหารอร่อยๆ ให้ลองลิ้มชิมรสกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบักกุตเต๋, ข้าวมันไก่และสะเต๊ะ ดินแดนลอดช่องแห่งนี้ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก


อันดับ 9 ฮ่องกง


ฮ่องกง ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวต่างประเทศโซนเอเชีย ที่มีอารยะธรรมหลากหลายผสมผสานทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ รวมทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนอย่างเห็นได้ชัด ตึกสูงระฟ้า อาคารทันสมัย ตลาดขายของพื้นเมืองหรือของเก่า วัดวาอาราม หรือแม้นกระทั่งแปลงปลูกผัก…นี่ละคือ มนต์เสน่ห์ดึงดูดอย่างมากของฮ่องกง กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ไปเที่ยวเกาะมหัศจรรย์แห่งนี้ไม่รู้สึกถึงความเบื่อหน่าย ที่นี่ช่างมีอะไรแปลกใหม่ให้ได้มาสัมผัสและเที่ยวกันจริงๆ



ฮ่องกง เป็นอีกประเทศหนึ่งที่คนไทยชอบไปเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์, โอเชี่ยน พาร์ค, วิคตอเรีย พีค เป็นต้น อีกทั้งมีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกบนถนนนาธาน, เสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ราคาแพงลิบลิ่ว,ป่าคอนกรีตหรือตึกระฟ้า, สินค้าอิเลคทรอนิคส์, ของเล่นต่างๆ ที่สำคัญยังมีอาหารจีนอร่อยๆมากมาย ให้ลองลิ้มชิมรสกันอีกด้วย เชิญสัมผัสมนต์เสน่ห์ดึงดูดได้

ที่นี่ มีรถรางที่วิ่งภายในเกาะฮ่องกงนี่ช่างสะดวกสบายจริงๆ เชียว เพราะเพียงไม่กี่นาทีรถรางก็พามาถึงยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการแถวย่านเซ็นทรัล เดินท่องรอบเกาะฮ่องกง สนุกสนานกับการช้อปปิ้งอย่างเต็มที่ พร้อมสำรวจราคาสินค้าหลากหลายชนิดกับแฟชั่นชั้นนำของฮ่องกง รีบแพ็คเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วเหิรฟ้าสู่เกาะฮ่องกง เพราะว่าฮ่องกงอยู่ใกล้เมืองไทย เดินทางสะดวกสบาย ใช้เวลาในการเดินทางไม่มากนัก เตรียมพร้อมตะลุยเที่ยวทั่วเกาะ



อันดับ 8 มัลดีฟ ศรีลังกา


มัลดีฟส์ ได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย” ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากประเทศศรีลังกา ประมาณ 700 กิโลเมตร เกิดขึ้นมาจากการทับถมของหินประการัง ประกอบด้วยเกาะเล็กๆ ถึง 1,192 เกาะ



เกาะมัลดีฟส์ มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย เช่น เล่นวินด์เซิร์ฟ เรือใบ พายคยัค ฝึกดำน้ำ เป็นต้น หรือซื้อทัวร์เหินฟ้าดูภาพหมู่เกาะทางอากาศ หรือเที่ยวแบบวันเดย์ทริป "ทัวร์เมืองหลวง" หรือเดินชมสถานที่สำคัญของเมือง เรื่อยไปตั้งแต่ทำเนียบประธานาธิบดี ศาสนสถาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวนสาธารณะประจำเมืองที่มีอยู่แห่งเดียว ไปจนถึง "ตลาดปลา" ซึ่งมีเรือประมงจอดเรียงราย มีทั้งขนปลาที่จับได้เข้าฝั่ง นำมาชำแหละแล้วบรรจุลงกล่องส่งไปตามที่ต่างๆ อีกต่อ



เกาะมัลดีฟส์ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสัมผัสมนต์เสน่ห์แบบธรรมชาติๆ ท้องฟ้าใส ทะเลสวย อากาศดี เหมือนแม่เหล็กดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต ถื่อเป็นการพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายต่างๆ ปล่อยใจให้หลงไปอยู่ในความงามของธรรมชาติและท้องทะเลอย่างแท้จริง


อันดับ 7 ซีดนีย์ ออสเตรเลีย


ซิดนีย์..เปรียบเสมือนเมืองในฝัน ที่หลายคนอยากมาสัมผัส เรียกได้ว่า เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองหนึ่งของโลก และเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจของประเทศ มีประชากรมากที่สุดของประเทศกว่า 4 ล้านคน เนื่องจากเป็นเมืองอากาศดีไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปนัก ส่งผลให้ซิดนีย์เป็นเมืองท่องเที่ยวสมบูรณ์แบบ นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนที่นี่ตลอดทั้งปี



ซิดนีย์..ตั้งอยู่ริมอ่าวที่ขึ้นชื่อลือชาว่าสวยสุดยอดที่สุดในโลก เพราะมีความสำคัญมีทั้งเป็นท่าเรือ มีชายหาด มีเกาะแก่ง ทำให้เมืองซิดนีย์ มีลักษณะแบบเมืองที่พัฒนาแล้ว มีธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ การเที่ยวในตัวเมืองซิดนีย์จึงได้รสชาติแบบทูอินวันมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามรอบเมือง เช่น หาดบอนได, อุทยานแห่งชาติบลูเม้าท์เท่นส์, ดาร์ลิ่งฮาร์เบอร์ เป็นต้น นอกจากเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนเดินเท้า มีย่านธุรกิจของซิดนีย์นั้น ค่อนข้างเล็กและที่ตั้งไม่ได้อยู่บนเนินสูงเกินไปแล้ว และเป็นเมืองที่คึกคักเต็มไปด้วยสีสัน มีชื่อเสียงเลืองลือทั่วโลก

ซิดนีย์ มีการผสมผสานของเชื้อชาติกลุ่มต่างๆ จึงกลายเป็นมหานครสุดยอดเมืองนานาชาติ ที่มีเสน่ห์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของประเทศออสเตรเลีย


อันดับ 6 กรุงโซล เกาหลี


กรุงโซล เป็นเมืองที่สนุกสนาน ไม่เคยหลับ น่าค้นหา ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่าและใหม่ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ จะเห็นได้จาก อาคารโบราณสวยงามแบบเกาหลีดั้งเดิมอยู่เคียงค้างกับตึกสูงสไตล์โมเดิร์นดูกลมกลืนกัน



ที่นี่ มีกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่ลิ้มลองอาหารเกาหลีรสเลิศแบบดั่งเดิม เที่ยวชมธรรมชาติสวยงาม เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีพระราชวังหลักทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย พระราชวังเคียงบก ใหญ่โตที่สุด, พระราชวังชางด็อกคุง สวยงามที่สุด, ศาลเจียวชงเมียว ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก รวมทั้ง ยังมีตลาดดังอีกหลายๆแห่งที่พลาดไม่ได้ไล่ตั้งแต่ ตลาดทงแดมุน ตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง ตลาดอินซาดง ตลาดอิเทวอน ถ้าชอบสวนสนุกก็มีทั้งเอเวอร์แลนด์ ลอตเต้เวิลด์ ที่สนุกได้ไม่เบื่อทั้งวัน ถ้าชอบเดินห้างก็มีห้างใหญ่ไฮโซ ให้เลือกเดินมากมาย เลือกซื้อสินค้าเกาหลี แบบดั้งเดิมและสินค้าแบรนด์เนมตามแหล่งช้อปปิ้งในกรุงโซล เชิญสัมผัสมนเสน่ห์ของเกาหลี ที่มีอะไรมากมายเกินกว่าที่เราคิด


อันดับ 5 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา



นครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี้ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองเจริญที่สุดในโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง สำคัญที่สุดของโลก

นิวยอร์ก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ อีกทั้ง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น น้ำตกไนแองการ่า ตึกเอ็มไพร์สเตท พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน สะพานบรูคลีน เป็นต้น




นิวยอร์ก ยังเป็นบ้านเกิดของวัฒนธรรมที่หลากหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรมและทัศนศิลป์ที่เรียกว่า ฮาเล็ม เรอเนสซองค์ งานภาพเขียนที่เรียกว่าศิลปะกึ่งนามธรรม หรือที่รู้จักกันว่า “นิวยอร์กสคูล” วัฒนธรรมทางดนตรีอย่าง ฮิปฮอป พังค์ ซัลซ่า และดิสโก้ รวมทั้ง ยังเป็นบ้านเกิดของละครบรอดเวย์อีกด้วย

นิวยอร์ก จึงเป็นเมืองยอดนิยมของชาวไทยทุกเพศทุกวัยตลอดกาลจริงๆ ที่อยู่ในใจของคนไทยมานานไม่เสื่อมคลาย



อันดับ 4 ลอนดอน อังกฤษ



ลอนดอน...เมืองหลวงของอังกฤษเก่าแก่ที่สุดในโลกกว่า 2,000 ปี และเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม ประเพณีในรูปแบบที่เคร่งครัดและมีแบบแผน มีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน และหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และมากกว่า 300 ภาษา



 ทั้ง 10 เมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะอยากเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว เลือกซักประเทศ ไปเที่ยวปลายปี 2554 กันดีกว่า

อันดับ 3 โตเกียว ญี่ปุ่น

โตเกียว...เมืองแห่งผู้คนพลุกพล่าน มีวิถีชีวิตคนเมืองที่มีเอกลักษณ์ และเป็นแหล่งรวบรวมเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุด มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น “โตเกียวดิสนีย์แลนด์” ดินแดนแห่งความฝันที่มีแต่ความสนุกสนาน, สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ “วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่” พร้อม “ล่องเรือโจรสลัดที่ทะเลสาบอาชิ”, ชมความอัศจรรย์ของหุบเขานรกและชิมไข่ดำโดย “นั่งกระเช้าสู่หุบเขาโอวาคุดานิ” ,ชื่นชมความงามของ “ภูเขาไฟฟูจิ” สัญลักษณ์อันงดงามโดดเด่นที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง, พบกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์ “โอชิโนะฮัคไค” บ่อน้ำที่ 8 ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะจากภูเขาไฟฟูจิ, ลองนั่ง “รถไฟหัวกระสุน” สัมผัสความเร็วถึง 240 กม./ชั่วโมง, นมัสการเจ้าแม่กวนอิมทองคำภายใน “วัดอาซะกุซ่าคันนอน” เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว, ชม “พระราชวังอิมพีเรียล” พระราชวังที่เป็นที่ประทับของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน, ช้อปปิ้งจุใจกับย่านช้อปยอดฮิตที่ย่าน “ชินจูกุ” แหล่งช้อปที่รวมสินค้าไว้หลากหลาย ราคาถูกและดี แบบมีคุณภาพ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแฟชั่น ขนมญี่ปุ่น กล้องถ่ายรูป สินค้าอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสนุกกับการเลือกซื้อของ ร้าน 100 เยน ที่มีชื่อเสียง และใหญ่ที่สุด เป็นร้านดังของนักช้อปทั้งหลายที่เฝ้ารอเมื่อมาถึงเมืองโตเกียว



นอกจากนี้แล้ว กรุงโตเกียว ยังเป็นสถานที่ที่คอนักชิมทั้งหลายไม่ควรพลาด เพราะ ที่นี่ มีอาหารอร่อย หน้าตาดี คุณค่าทางอาหารสูง ให้ได้ลิ้มลองด้วย เชิญพิสูจน์ด้วยตัวเองจ้า


อันดับ 2 กรุงโรม อิตาลี

กรุงโรม...เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่

กรุงโรม เป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ บันไดสเปน (นครศักดิ์สิทธิ์วาติกัน และ โบสถ์เซนท์ ปีเตอร์ เป็นต้น กรุงโรม จึงมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ชาวโลกแวะมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย




อันดับ 1 ปารีส ฝรั่งเศส

มหานครปารีส..เมืองหลวงแสนสวยของฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสบนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน ด้วยความงามของสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หรือเรื่องราวของแฟชั่น ดีไซน์เนอร์ต่างๆที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี



แต่ก่อน ปารีส เต็มไปด้วยถนนแคบๆ บ้านเก่าๆ ที่สร้างด้วยไม้ แต่พอถึงต้นปี พ.ศ. 2395 บารอน เฮาส์มันน์ได้ปรับโฉมกรุงปารีสให้กลายเป็นเมืองที่มีถนนกว้าง ตึกรามบ้านช่องสร้างด้วยปูน ฯลฯ ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นตึกสูงๆ เท่าไหร่นักในกรุงปารีส ทำให้กรุงปารีสเป็นเมืองลักษณะเรียบๆ

ปารีส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองสวยที่สุดบนโลกใบนี้ และยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับ โบสถ์, ปราสาท, สวนสาธารณะต่าง ๆ อันยาวนาน มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ หอไอเฟล, โบสถ์นอเทรอดาม, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์,ประตูชัยฝรั่งเศส, โบสถ์ Ste-Chapelle, คุก Conciergerie และโรงแรม des Invalides เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น

ที่นี่ มีทั้ง ศิลปะ, ดนตรี, โรงภาพยนต์, แฟชั่น, หนังสือ, และสถาปัตยกรรมของปารีส เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยว  ปารีส ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันในย่ามค่ำคืนเมืองหนึ่งในโลก พลาดไม่ได้หากมาที่นี่ ต้องเที่ยวย่านราตรีดังๆ



ปารีส เป็นเมืองที่มีมนตร์เสน่ห์ของแฟชั่น สามารถสนุกกับการช้อปปิ้งได้เสมอ ไม่ว่าจะมีงบประมาณเท่าใดก็ตาม มีร้านเสื้อผ้าจากนักออกแบบชื่อดัง หรือร้านค้าทั่ว ๆ ไป เชิญเต็มอิ่มสนุกไปกับการซื้อของ และเดินท่องไปบนถนนเส้นต่าง ๆ ของเมืองปารีส ลองมาค้นหาสิ่งเหล่านี้ที่เมืองแห่งความรัก อย่างมหานครแห่ง