โฮโนลูลู เป็นเมืองหลวงของ รัฐฮาวาย ตั้งอยู่บนเกาะโอวาฮู และเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง ที่นี่ มีหาดทรายสวย ท้องทะเลสีฟ้าคราม น้ำใส บรรยากาศโรแมนติค และมีชื่อเสียง แต่ละสถานที่นั้นสวยงาม จนทำให้อยากโดดโอบผืนฟ้าและท้องทะเล ให้สมความความงดงามอย่างธรรมชาติๆ แท้จริงทีเดียว
เรามาดูกันว่า เมืองโฮโนลูลู มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใดบ้าง
โพลินีเชี่ยน คัลเจอรัล เซ็นเตอร์
หากท่านปรารถนาสัมผัสกับความเป็นฮาวาย สถานที่หนึ่งที่คือความเป็นฮาวายแท้ๆ นั่นคือ “โพลินีเชี่ยน คัลเจอ เซ็นเตอร์” เป็นศูนย์วัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ แห่งรัฐฮาวาย ซึ่งประกอบด้วยเผ่าพื้นเมือง 7 เผ่า
ท่านจะได้สัมผัสวัฒนธรรมของแต่ละเผ่าอย่างใกล้ชิด พร้อมชมการแสดงระบำของสาวสวย ฮูลา ฮูล่า ระบำชาวเกาะแบบชาวโพลีนิเชี่ยน อันเป็นอีกหนึ่งมนตราเสน่ห์แห่งแปซิฟิกใต้
น้ำตก เรนโบว์ ฟอล ฮาวาย
เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของเมืองฮอนโนลูลู ที่มีบรรยากาศโรแมนติค หาดทรายสวย น้ำใสๆ ท้องทะเลสีฟ้าคราม นั่นคือ “น้ำตกเรนโบว์” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของรัฐฮาวายเลย เพราะ น้ำตกเรนโบว์นี้ ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกสวยงามที่สุดในฮาวาย และเป็นแหล่งทางเกษตรกรรมที่สำคัญของเกาะฮาวายมานานเป็นร้อยๆปี
ดังนั้น หากไปเที่ยวฮาวายก็อย่าลืมไป “น้ำตกเรนโบว์” สัมผัสกับละอองน้ำอันชุ่มฉ่ำของสายน้ำ กับน้ำตกที่สวยที่สุดบนเกาะฮาวาย ได้เพลิดเพลินใจอีกรูปแบบหนึ่ง
อนุสรณ์สถานเรือรบ ยู.เอส.เอส. อริโซน่า หรือ เพิร์ลฮาร์เบอร์
พลาดไม่ได้กับการชมประวัติศาสตร์สงครามโลก ณ “อนุสรณ์สถานเรือรบ ยู.เอส.เอส. อริโซน่า” หรือ “เพิร์ลฮาร์เบอร์” เป็นสมรภูมิเลือดที่นำอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารสหรัฐยึดหัวหาดเพิร์ลฮาร์เบอร์บนหมู่เกาะฮาวายเป็นฐานทัพในการสู้รบกับกองกำลัง ทหารของญี่ปุ่น
ในเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 ญี่ปุ่นได้ขยายกำลังออกมาทางแปซิฟิกและเคลื่อนกำลังเข้ามาใกล้กับฮาวาย ห่างจากเกาะโออาฮูประมาณ 230 ไมล์ ญี่ปุ่นเปิดฉากด้วยการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ และสามารถทำลายเรือรบขนาดใหญ่ได้ถึง 18 ลำ ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เพราะเพิร์ลฮาร์เบอร์ไม่มีการเตรียมรับมือ
และหนึ่งในเรือรบของเพิร์ลฮาเบอร์ ที่สร้างความสูญเสียแก่สหรัฐอเมริกามากที่สุดคือ เรือ USS Arizona เพราะเกิดระเบิดอย่างรุนแรงที่ห้องเก็บอาวุธของเรือ ส่งผลให้เรือรบขนาดใหญ่จมลงภายในเวลาไม่ถึง 9 นาทีพร้อมกับพาลูกเรือ 1,177 นายลงสู่ทะเล นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกากระโจมเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบัน อนุสรณ์สถานเรือ ยู.เอส.เอส. อริโซน่า เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเหตุการณ์ขณะที่กองบินของญี่ปุ่นเข้าทำการโจมตี เพิร์ลฮาร์เบอร์ ฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกาที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคแปซิฟิก ด้านในอาคาร เป็นนิทรรศการจัดแสดงเกี่ยวกับการสู้รบของกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย และการโจมตีโดนการทิ้งระเบิดของทหารญี่ปุ่น เพื่อถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ ด้านนอกอาคารจะโชว์เรือรบสมัยสงคราม และระเบิดต่างๆ
สุสานทหาร พันช์โบลว์
สุสานทหาร “พันช์โบลว์” เป็นเขตแดนที่เป็นปากปล่องภูเขาไฟ อันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก ในช่วงปลายยุค 1890 คณะกรรมการของฮาวายปรารถนาให้มีการจัดตั้งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสุสานในเมืองโฮโนลูลู เพื่อเป็นเกียรติ แด่เหล่าทหารกล้า อย่างไรก็ตาม ได้ถูกปฏิเสธเนื่องจากกลัวมลพิษทางน้ำประปา และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ
คณะกรรมการของฮาวายมีความตั้งใจยังไม่หยุด ผู้ว่าราชการของฮาวายได้นำเสนอโครงการจัดตั้ง “สุสานพันช์โบลว์” ให้เป็นสุสานแห่งชาติ จัดสรรงบประมาณเพื่อโครงการนี้ ต่อมารัฐสภาและองค์กรได้ร่วมกับทางกองทัพบกจัดหาพื้นที่บนโฮโนลูลู เพื่อการฝังศพแบบถาวรของทหารผู้กล้า ให้อยู่บนหมู่เกาะฮาวายได้สำเร็จ โดยได้รับการอนุมัติและเงินสนับสนุนจากสภาคองเกรส การก่อสร้างสุสานนี้จึงเริ่มต้นในปี 1948 เชิญเยี่ยมชม สุสานพันช์โบลว์ อันทรงเกียรติ เพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารกล้าสมัยสงครามโลก พร้อมรับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของฮาวาย และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ภูเขาไฟไดมอนเฮด
ย้อนอดีต หมู่เกาะฮาวายนี้ เกิดจากแนวภูเขาไฟโผล่ขึ้นกลางมหาสมุทรแปซิฟิกทอดยาวต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ยาวนาน ประกอบด้วยเกาะขนาดใหญ่ 8 เกาะ และเกาะเล็ก เกาะน้อยอีก 124 เกาะ
ภูเขาไฟไดมอนเฮด หรือ ไดมอนด์ เฮด คราเตอร์ ก็เป็นหนึ่งในภูเขาไฟรูปทรงกรวยบนเกาะฮาวาย ที่มีความงดงามและน่ามาเยือนเป็นที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโฮโนลูลูมากนัก เชิญชมวิวทิวทัศน์ของเมือง บริเวณปากปล่องภูเขาไฟไดมอนเฮด อันถือเป็นสัญลักษณ์ของฮาวายจากมุมสูง ที่ไม่น่าพลาดหากมาเที่ยวถึงเกาะฮาวาย
ย่านศูนย์การค้าอาลาโมนาเซ็นเตอร์
อาลาโมนาเซ็นเตอร์ เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดบนเกาะฮาวาย ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ และเป็นห้างแบบเปิดที่ใหญ่สุดในโลกด้วย มีร้านค้ากว่า 250 ร้านค้า บน 4 ระดับศาลอาหาร มีอาหารแตกต่างกัน ตั้งแต่การปฏิบัติเพื่อแฟชั่นสูง มีเสื้อผ้าทางเลือกและรูปแบบการตรวจสอบออกเสื้อผ้าหัวข้อร้อน รวมทั้งการจัดเก็บอุปกรณ์เสริม ให้เลือกสรรได้เกือบทุกสิ่ง เชิญเดินเล่น เลือกซื้อ ชมสินค้าพื้นเมือง หรือแบรนด์เนมตามอัธยาศัย
เมืองโฮโนลูลู เป็นเมืองน่าเที่ยว เหมือนเกาะแห่งสรวงสวรรค์ และเป็นดินแดนที่ผู้คนใฝ่ฝันถึงเสมอ และสุดท้ายนี้ “มัชรูมทราเวล” ก็ขอกล่าวอำลาเป็นภาษาฮาวายว่า “อาโลฮา” แต่ไม่ได้ลาแล้วลาลับนะจ๊ะ เพราะ เมืองโฮโนลูลู ณ รัฐอาวาย นี้ มีเสน่ห์สวยงาม ตรึงตา ตรึงใจ คงต้องหาเวลาว่างๆ เดินทางท่องเที่ยวที่นี่ เพื่อสัมผ้สความงามอย่างธรรมชาติแท้จริง ณ ดินแดนภูเขาไฟโผล่ขึ้นกลางมหาสมุทรแปซิฟิก แห่งนี้ ด้วยตัวเองอีกครั้งจ้า
Menu Blog
▼
วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
เที่ยวเมืองฮอนโนลูลู เกาะฮาวาย ตอน 1
เมื่อเอ๋ยถึง อเมริกา เชื่อว่า หลายคนปรารถนาเดินทางไปเที่ยวดินแดนประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ ที่เจริญก้าวหน้า และกว้างใหญ่ไพศาล และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และน่าสนใจมากมาย
วันนี้ “มัชรูมทราเวล” ขอเล่าเรื่องของ “เกาะฮาวาย” เพราะเราจะไปดูสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวใน เมืองโฮโนลูลู อันเป็นเมืองหลวงของรัฐฮาวาย
ฮาวาย เป็นรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในหมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิก และได้รวมเข้าเป็นรัฐสุดท้ายในลำดับที่ 50 ของอเมริกา เมือวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1959
ฮาวาย มีภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ และเป็นดินแดนที่มีแผ่นดินเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นถิ่นภูเขาไฟแห่งเดียวในโลกที่ยังปะทุพ่นลาวาอันร้อนแรงจากใต้ผิวโลกต่อเนื่องกันมาหลายทศวรรษแล้วและมิมีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้เราสามารถพบเห็นผืนดินหลายสีในพื้นที่ใกล้เคียงกัน หาดทรายดำที่มีเม็ดทรายสีดำนิล หาดทรายเขียวดั่งมรกต หาดทรายขาวอันละเอียด ซึ่งเป็นผลมาจากแร่ธาตุที่ไหลทะลักมาจากภูเขาไฟ
บางคนเรียก ฮาวาย ว่า "รัฐอโลฮา" หรือ “เกาะใหญ่” อยู่ห่างจากชายฝั่งเมริกาประมาณ 3,700 กม. เดิมฮาวายถูกเรียกว่า "หมู่เกาะแซนด์วิช" ค้นพบโดย เจมส์ คุก ที่พบเกาะนี้เมื่อ ค.ศ.1778
เกาะฮาวาย นี้ มีเกาะสำคัญด้วยกัน 8 เกาะ ได้แก่ เกาะโออาฮู ฮาวายอิ หรือ บิ๊ก ไอส์แลนด์ เมาอิ คาวายอิ โมโลกาอิ ลานาอิ คาโฮโอลาเว นิอิฮาว แต่ศูนย์กลางแห่งความเจริญของฮาวายอยู่ที่ “เกาะโออาฮู” อันเป็นที่ตั้งเมืองหลวงที่ชื่อว่า “โฮโนลูลู” เกาะโออาฮูนี้ ประกอบไปด้วย 5 เกาะสำคัญ คือ คาอู้, ลาไน, มาอูอิ, ฮาวายอิ และโออาฮู มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากสุด เพราะมีมีชื่อเสียง สวยงาม บรรยากาศโรแมนติค การเดินทางไปที่เกาะฮาวายนี้ ต้องยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกา เวลาที่ฮาวายช้ากว่าประเทศไทย 17 ชั่วโมง และเงินใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็น USD (ดอลลาร์สหรัฐ)
โฮโนลูลู เป็นเมืองหลวงรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ประมาณ 371,657 คน และเป็นเมืองที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งด้านทิศใต้ของเกาะโอวาฮู อีกทั้ง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วสารทิศ ปัจจุบัน เมืองโฮโนลูลูนี้ กลายมาเป็นเป็นศูนย์กลางของภาครัฐ การขนส่ง การค้า และเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ ศูนย์กลางการค้าของหมู่เกาะฮาวาย และพิพิธภัณฑ์อีกจำนวนหลายแห่ง
เรามาดูกันว่า เมืองโฮโนลูลู มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใดบ้าง
พระราชวังอิโอลานี
ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ จากนั้นอาคารที่ถูกใช้เป็นอาคารศาลากลางจนถึงปี ค.ศ. 1969 ต่อมาพระราชวังได้รับการบูรณะและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าชม ในปี ค.ศ.1978 เชิญถ่ายรูปกับ พระราชวังอิโอลานี พระราชวังของกษัตริย์ผู้ครองเกาะฮาวายในสมัยก่อน และเป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
วันนี้ “มัชรูมทราเวล” ขอเล่าเรื่องของ “เกาะฮาวาย” เพราะเราจะไปดูสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวใน เมืองโฮโนลูลู อันเป็นเมืองหลวงของรัฐฮาวาย
ฮาวาย มีภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ และเป็นดินแดนที่มีแผ่นดินเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นถิ่นภูเขาไฟแห่งเดียวในโลกที่ยังปะทุพ่นลาวาอันร้อนแรงจากใต้ผิวโลกต่อเนื่องกันมาหลายทศวรรษแล้วและมิมีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้เราสามารถพบเห็นผืนดินหลายสีในพื้นที่ใกล้เคียงกัน หาดทรายดำที่มีเม็ดทรายสีดำนิล หาดทรายเขียวดั่งมรกต หาดทรายขาวอันละเอียด ซึ่งเป็นผลมาจากแร่ธาตุที่ไหลทะลักมาจากภูเขาไฟ
บางคนเรียก ฮาวาย ว่า "รัฐอโลฮา" หรือ “เกาะใหญ่” อยู่ห่างจากชายฝั่งเมริกาประมาณ 3,700 กม. เดิมฮาวายถูกเรียกว่า "หมู่เกาะแซนด์วิช" ค้นพบโดย เจมส์ คุก ที่พบเกาะนี้เมื่อ ค.ศ.1778
เกาะฮาวาย นี้ มีเกาะสำคัญด้วยกัน 8 เกาะ ได้แก่ เกาะโออาฮู ฮาวายอิ หรือ บิ๊ก ไอส์แลนด์ เมาอิ คาวายอิ โมโลกาอิ ลานาอิ คาโฮโอลาเว นิอิฮาว แต่ศูนย์กลางแห่งความเจริญของฮาวายอยู่ที่ “เกาะโออาฮู” อันเป็นที่ตั้งเมืองหลวงที่ชื่อว่า “โฮโนลูลู” เกาะโออาฮูนี้ ประกอบไปด้วย 5 เกาะสำคัญ คือ คาอู้, ลาไน, มาอูอิ, ฮาวายอิ และโออาฮู มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากสุด เพราะมีมีชื่อเสียง สวยงาม บรรยากาศโรแมนติค การเดินทางไปที่เกาะฮาวายนี้ ต้องยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกา เวลาที่ฮาวายช้ากว่าประเทศไทย 17 ชั่วโมง และเงินใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็น USD (ดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับวันนี้ “มัชรูมทราเวล” นำท่านไปพบกับ เมืองโฮโนลูลู ณ เกาะฮาวาย ว่ากันว่าชื่อของ โฮโนลูลู นั้นหมายถึง “เกาะโอวาฮู ทั้งเกาะ” และมีความหมายในภาษาฮาวายว่า "อ่าวแห่งความสงบ" หรือ "สถานที่แห่งความสงบ" โดย "สงบ" ในที่นี้หมายถึง “ความสงบจากเรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ ในชีวิตของผู้คนชาวเมือง”
โฮโนลูลู เป็นเมืองหลวงรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ประมาณ 371,657 คน และเป็นเมืองที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งด้านทิศใต้ของเกาะโอวาฮู อีกทั้ง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วสารทิศ ปัจจุบัน เมืองโฮโนลูลูนี้ กลายมาเป็นเป็นศูนย์กลางของภาครัฐ การขนส่ง การค้า และเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ ศูนย์กลางการค้าของหมู่เกาะฮาวาย และพิพิธภัณฑ์อีกจำนวนหลายแห่ง
เรามาดูกันว่า เมืองโฮโนลูลู มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใดบ้าง
พระราชวังอิโอลานี
พระราชวังอิโอลานี หรือ วังอิโอลานี เป็นพระราชวังแห่งเดียวของอเมริกา เพราะอเมริกาเป็นประเกิดใหม่ ไม่มีระบบกษัตริย์มาก่อน อดีตเคยเป็นที่ประทับของ 2 กษัตริย์ราชวงศ์สุดท้ายผู้ปกครองฮาวาย โดยมีพระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 4 เป็นกษัตริย์องศ์สุดท้ายที่ปกครองฮาวายในระหว่างปี ค.ศ.1863 –1872
ต่อมาในปลายยุคศตวรรษที่18 ฮาวายได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา และสภาถูกปกครองด้วยกลุ่มคนผิวขาว ทำให้กษัตริย์หมดอำนาจ และพระบรมราชินีลิลีอูกาลานี ได้ถูกกักขังโดยจำกัดอิสระภาพในพระราชวังแห่งนี้เป็นเวลานานนับปี สุดท้ายฮาวายได้ถูกรวมให้เป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ.2502 นับรวมถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึงครึ่งศตวรรษ
ต่อมาในปลายยุคศตวรรษที่18 ฮาวายได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา และสภาถูกปกครองด้วยกลุ่มคนผิวขาว ทำให้กษัตริย์หมดอำนาจ และพระบรมราชินีลิลีอูกาลานี ได้ถูกกักขังโดยจำกัดอิสระภาพในพระราชวังแห่งนี้เป็นเวลานานนับปี สุดท้ายฮาวายได้ถูกรวมให้เป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ.2502 นับรวมถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึงครึ่งศตวรรษ
ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ จากนั้นอาคารที่ถูกใช้เป็นอาคารศาลากลางจนถึงปี ค.ศ. 1969 ต่อมาพระราชวังได้รับการบูรณะและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าชม ในปี ค.ศ.1978 เชิญถ่ายรูปกับ พระราชวังอิโอลานี พระราชวังของกษัตริย์ผู้ครองเกาะฮาวายในสมัยก่อน และเป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
หาดไวกิกิ
หาดไวกิกิ เป็นหาดทรายขาว ทอดตัวยาวกว่า 3 กม.บนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หาดนี้ถือเป็นถิ่นกำเนิดของการเล่นเซิร์ฟบอร์ดตั้งแต่สมัยชาวโพลีนิเซียน ซึ่งมาตั้งรกรากที่ฮาวายเมื่อหลายร้อยปี ในปีค.ศ.1800 หาดนี้เป็นที่พักผ่อนสำหรับเจ้าขุนมูลนาย เพราะ ที่นี่ มีทรายสีขาว น่าว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟ และอื่นๆ เกี่ยวกับกิจกรรมทางน้ำ
ใกล้ๆ กับหากไวกิกิ ยังเป็นที่ตั้งของ อโลฮา ทาวน์เวอร์ สร้างเมื่อปี ค.ศ.1912 เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของฮาวายจนกระทั่งปี 1959 ที่นี่ มีเรือ "Falls of Clyde" ซึ่งเป็นเรือใบสมัยที่ชาวยุโรปเดินทางมาฮาวายเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และเป็นเรือใบแบบ 4 เสาลำเดียวที่เหลืออยู่ในโลก ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไวกิกิ สถานที่เรียนรู้สัตว์ทะเลของฮาวาย มีกุ้ง หอย ปู ปลาทะเลสีสวยมากมายแหวกว่ายอยู่ในตู้กระจกใบใหญ่ พร้อมทั้งความน่ารักของแมวน้ำก็หาชมได้จากที่นี่
ในปัจจุบัน หาดไวกิกิ เป็นย่านการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของฮาวาย และเป็นหนึ่งในชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีโรงแรมและรีสอร์ทมากมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่หลงใหลกีฬาทางน้ำประเภทนี้ จึงไม่แปลกตาที่ตามชายหาด มีสาวๆ นอนอาบแดดนุ่งบิกินี่ชิ้นน้อย และเซิร์ฟบอร์ดวางเรียงรายไว้คอยบริการ ให้เล่นเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นลูกโตอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะที่ หาดฟอร์ต ดีรัซซี เป็นหาดที่มีความกว้างและเป็นหนึ่งในหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของย่านไวกิกิ มีคนที่รักการดำน้ำบริวเณหาดแห่งนี้ มีแนวปะการังที่สวยงามให้ชมไม่แพ้ที่อื่นๆเช่นกัน
เชิญเล่นน้ำ ว่ายน้ำ ดำน้ำ อาบแดด ได้ที่ หาดไวกิกิ พร้อมชมเดินเล่นพักผ่อน ชมความงดงามของหาดทรายขาวยาวเหยียดบนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เพราะ ที่นี่ มีชื่อเสียง ซึ่งคนทั่วโลกต่างฝันจะมาเยือน...
เชิญเล่นน้ำ ว่ายน้ำ ดำน้ำ อาบแดด ได้ที่ หาดไวกิกิ พร้อมชมเดินเล่นพักผ่อน ชมความงดงามของหาดทรายขาวยาวเหยียดบนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เพราะ ที่นี่ มีชื่อเสียง ซึ่งคนทั่วโลกต่างฝันจะมาเยือน...
หาดฮานาอูม่า
หาดฮานาอูม่า เป็นหาดน้ำสวย ใส ของเกาะโอฮาอู ใสจนเห็นตัวปลา ท่านสามารถเล่นน้ำได้มีความสุขสนุกสนานกับการเห็นฝูงปลาทะเลต่างๆ เวียนว่าย ปัจจุบัน หาดฮานาอูม่า เป็นแหล่งพักผ่อนเล่นน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นที่นิยมมากของเมืองฮอนโนลูลู
เมืองโฮโนลูลู เป็นเมืองน่าเที่ยว เหมือนเกาะแห่งสรวง แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอีก โปรดติดตามอ่าน เที่ยวฮอนโนลูลู เกาะสรวงสวรรค์ฮาวาย ตอน 2 ต่อนะจ๊ะ
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
เที่ยว 3 เมือง อักรา-ฟาแตห์ปูร์ สิครี-จัยปูร์ แดนภารตะอินเดีย
หากท่านคิดจะไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของแดนภารตะอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดทางวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ยาวนานกว่า 5,000 ปีแล้ว และมีสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม หลากหลายสวยงาม
“มัชรูมทราเวล” แนะนำ เที่ยว 3 เมืองแดนภารตะอินเดีย: อักรา-ฟาแตห์ปูร์ สิครี-จัยปูร์ ซึ่งในแต่ละเมืองแห่งนี้ มีความสวยงามที่แตกต่างกัน เริ่มจาก เมืองอักรา อันมีสุดยอดจุดหมายปลายทางมหัศจรรย์คือ ทัชมาฮาล อนุสรณ์แห่งความรัก ใกล้ๆ กันเป็น เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี อาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่ และตบท้ายด้วย เมืองจัยปูร์ ชมป้อมแอมแมร์ สุดอลังการ เชิญสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ 3 เมือง พร้อมๆ กันได้เลยจ้า
1. เมืองอักรา
เมืองอัครา หรือ เมืองอักรา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของการสู้รบ และเมืองเจริญทางด้านศิลปะสถาปัตยกรรมอันเลื่องลือมาแต่โบราณ ตั้งอยู่รัฐอุตตรประเทศ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เป็นรัฐชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงในระดับโลก
เมืองอัครา เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียในสมัยราชวงค์โมกุล และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในอุตรประเทศด้วย จุดหมายปลายทางของเมืองนี้ คือ “ทัชมาฮาล” และ ป้อมอักรา หรือ ป้อมอัครา ไปดูกัน
ทัชมาฮาล
ทัชมาฮาลเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ตั้งอยู่ริมน้ำยุมนา เมืองอัครา ประเทศอินเดีย และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮันที่มีต่อพระนางมุมตัซ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 ซึ่งได้ถูกรับเลือกเป็นมรดกโลกเในปี ค.ศ.1983 โดยมีเหตุผลตามเกณฑ์การพิจารณาคือ เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด
สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่า เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่มีความงดงามวิจิตรตระการตายิ่งนัก มีนักท่องเที่ยวเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมชม ทัชมาฮาล เป็นจำนวนมาก สร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงกายของชายมากว่า 20,000 คน โดยใช้เวลาก่อสร้างถึง 20 ปี ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างชั้นเลิศของสถาปัตยกรรมมุฆัลในอินเดีย โดยเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ทรงรับสั่งให้เนรมิตขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์รักมากที่สุด
ทัชมาฮาล ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย อาคารตรงกลางเป็นรูปโดม มีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน และประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิค เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อสิ่งรักที่จากไป และมีความสมมาตรในทุกด้าน สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนฝังด้วยอัญมณีเพชรพลอยที่แตกต่างกัน 28 แบบ ในช่วงที่ ทัชมาฮาล สร้างเสร็จสมบูรณ์ กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ได้ถูกจองจำอยู่ที่คุกอักราโดยบุตรชาย และหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ก็ได้มีการนำพระศพมาฝังไว้เคียงข้างพระมเหสี พระนางมีโอรสและธิดาให้ชาร์จะฮาน 13 พระองค์ ในปี 1631 พระนางทรงสิ้นพระชนม์ระหว่างมีพระประสูติกาลนั่นเอง
ป้อมอักรา หรือ ป้อมอัครา
ป้อมปราการสำคัญที่สุดในประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทัชมาฮาล สร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สร้างด้วยกำแพงหินทรายสีแดง ล้อมรอบพระราชวังของ กษัตริย์โมกุล มีความยาว 2.5 กิโลเมตร รั้วรอบกำแพงของอัครา ฟอร์ทดูแข็งแกร่งมาก ป้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ตรงบริเวณโค้งของแม่น้ำยมุนา มีกำแพงสองชั้น ระหว่างกำแพงมีคูน้ำคั่นกลางด้วย
ป้อมอักรา เริ่มสร้างขึ้นโดยอักบาร์เมื่อปี พ.ศ. 2108 ชาหังคีร์และชาห์ ชหานสร้างเพิ่มเติมต่อมา ประตูทางเข้ามีความใหญ่โตมากกว่าที่ป้อมแดงเดลี และไม่มีเชิงเทินบับหน้าทางเข้าจากประตูใหญ่ทำให้คดเคี้ยว ป้อมอักรา เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ต่อมาพระโอรส คือ พระเจ้าชาฮันกีร์ และพระนัดดา (โอรสของพระเจ้าชาฮันกีร์) พระเจ้าชาห์ จาฮาน ได้สร้างสร้างขยายต่อเติมป้อมและพระราชวังแห่งนี้อย่างใหญ่โต
ก่อนทางเข้า ป้อมอัครา จะผ่านประตูอมรสิงห์ เป็นประตูศิลาทำเป็นรูปม้าครึ่งตัว มีป้อมล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ได้ถูกบันทึกว่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ.1080 แล้ว ต่อมากษัตริย์อักบาร์ได้ทำการปฏิสังขรณ์และตกแต่งใหม่ด้วยหินทรายและศิลาสี แดงในปี ค.ศ.1565 ลักษณะของป้อมเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำยมุนา ซึ่งถือเป็นมุมที่มองเห็นทัชมาฮาลได้สวยที่สุดก็ว่าได้
ภายใน ประกอบด้วยพระราชวัง เช่น วังจาฮานกีร์ และคาสมาฮาล ซึ่งสร้างโดยชาห์จาฮาน ห้องท้องพระโรงใหญ่ เช่น ไดวาน-อิ-คาส และสุเหร่าที่งดงามมากอีก 2 หลัง
เชิญเยี่ยมชม ป้อมอักรา แหล่งมรดกโลกริมแม่น้ำยมุนา ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเช่นเดียวกันกับทัชมาฮาล ตั้งแต่ในปี ค.ศ.1983
เมืองอัครา เป็นเมืองประวัติศาตร์สำคัญอีกแห่งของแดนภารตะ ที่ก่อเกิดมรดกโลกไว้ถึง 2 อย่าง คือ ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานรักเหนือกาลเวลา และ ป้อมอัครา ที่กักขังรักไว้จนสิ้นลม
ใกล้ๆ กับเมืองอัครา คือ เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี ไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
2. เมือง ฟาแตห์ปูร์ สิครี
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี หรือ เมืองฟาเตห์ปูร์ สิครี อยู่ห่างจากเมืองอักราเพียง 40 กิโลเมตร เป็นเมืองสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งสร้างตามคติความเชื่อของอิสลาม ผสมผสานระหว่างรูปแบบอิสลามและฮินดูเข้าไว้ด้วยกัน สร้างโดยพระเจ้าอัครามหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี เป็นเมืองที่สร้างด้วยหินทรายสีแดง ขนาดใหญ่มาแกะสลักลวดลายที่ละเอียดวิจิตรพิศดาร บางส่วนก็เป็นดอกไม้ ใบไม้แบบของอิสลาม บางส่วนก็เป็นเรื่องราวตามตำนานของฮินดู บางที่ก็ฉลุเป็นช่องหน้าต่างได้อย่างละเอียดจนน่าพิศวง
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี มีทั้งมัสยิด เขตพระราชฐาน ฮาเร็ม ตำหนักใน สระน้ำ สวนขนาดใหญ่ มีเวทีแสดงดนตรีกลางสระน้ำตั้งอยู่บนภูเขาใกล้หมู่บ้านสิครี ใช้เวลาสร้างถึง 9 ปี จึงแล้วเสร็จ แต่หลังจากนั้นเพียง 15 ปี ก็กลายเป็นเมืองร้างเพราะว่าขาดน้ำในการดำรงชีวิต
เมืองฟาเตห์ปูร์ สิคริ เป็นราชธานีเดียวในแดนภารตะอินเดีย ที่ท่านสามารถเที่ยวชมศิลปกรรมของราชวงศ์โมกุล ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบที่สุด และได้รับสมญานามว่า เมืองปีศาจ เพราะเป็นราชธานีที่ถูกทิ้งล้าง จนลืมเลือน
ตบท้ายด้วยการเที่ยวชมเมืองชัยปุระ เป็นอีกเมืองหนึ่งของอินเดียที่น่าสนใจ ไปดูพร้อมกัยเลยจ้า
3. เมืองจัยปูร์
เมืองชัยปุระ หรือ เมืองจัยปูร์ อยู่ห่างจากเมืองนิวเดลีประมาณ 300 กิโลเมตร ถนนจากเมืองนิวเดลีไป เมืองชัยปุระค่อนข้างดี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1728-1732 เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดีย สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปีค.ศ.1728 โดยมหาราชา ไสว ชัย สิงห์ ที่ 2 ตัวเมืองออกแบบวางผังให้เป็นเสมือนเมืองแห่งเทพเจ้า
เมืองชัยปุระ เป็นเมืองแห่งพระอาทิตย์ ตามแผนภูมิของจักรวาล โดยมีพระราชวังชัยปุระอันงดงามเป็นแกนกลางแห่งจักรวาลนั่นเอง ตัวเมืองมีขนาดถึง 9 ตารางกิโลเมตร
เมืองชัยปุระ ได้รับสมญาว่า นครสีชมพู Pink City เพราะอาคารบ้านเรือนที่นี่ทาสีชมพู เนื่องจากในสมัยมหาราชา ราม สิงห์ อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ในปี ค.ศ.1853 เจ้าชายอัลเบริต ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีของสมเด็จพระนางเจ้าวิคทอเรีย เสด็จประพาสเมืองชัยปุระ มหาราชา ราม สิงห์ เลยสั่งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ร่วมกันทาสีบ้านเรือนด้วยสีชมพูทั้งเมืองเพื่อถวายการต้อนรับ ชัยปุระจึงได้ชื่อว่านครสีชมพูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เชิญเยี่ยมชมนครสีชมพู เมืองเก่แก่ของอินเดีย ที่มีบ้านเรือน ร้านตลาดทาสีชมพู และศิลปะแบบฮินดูผสมมุสลิม ตัวตึกมียอดเป็นโดมคล้ายของมุสลิม แต่มีซุ้มที่เป็นช่องทำเป็นลวดลายโค้งเว้าเป็นสิบเว้าแบบฮินดู รวมทั้ง เมืองชัยปุระ ยังมีพระราชวังสวยงาม เช่น พระราชวังแอมเบอร์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยปูร์ และพระราชวังสายลม เชิญไปสัมผัสสถานที่เหล่านี้จ้า
พระราชวังแอมเบอร์
ปราสาทขนาดมหึมาอยู่บนยอดเขาสูง อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้อมปราการ ที่มีกำแพงเมืองทอดยาวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามแนวเขาเหยียดยาวกว่า 13 กิโลเมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนภูผาเชิงเขาอราวารี เริ่มสร้างโดยพระเจ้ามั่นใจซิงค์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 1592 แห่งกองทัพพระเจ้าอัคบาร์ กษัตริย์มุสลิมแห่งราชวงศ์โมกุล มีลักษณะเป็นป้อมปราการหินทรายแดงเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมผสมผสานของทั้งโมกุล (อิสลาม) และ ฮินดูที่เข้ากันอย่างลงตัว และสร้างเสร็จในยุคของพระเจ้าชาไวใจซิงค์ที่ 2 ต่อมาพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงลงมายังเมืองชัยปูร์ในปัจจุบัน
ตัวพระราชวังอยู่ด้านในสุดของป้อมปราการ รายล้อมด้วยซุ้มประตู สวนหย่อม ด้วยความที่ตั้งอยู่ในที่สูง จึงสามารถมองแห่งทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ห้องโดดเด่นที่สวยงามอลังการสุดๆ ในพระราชวังแอมเบอร์ คือ ท้องพระโรงใน ที่เรียกว่า "Jain Mandir" ห้องประกาศศักดาแห่งชัยชนะ ผนังและเพดานประดับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ ประดับเรียงเป็นรูปดอกไม้ แจกัน อันละเอียดลออตา นอกจากนี้ มีพระราชวังฤดูร้อน พระราชวังฤดูหนาวที่ประดับด้วยพลอยหลากสี ห้องที่ประทับในพระราชวังฤดูร้อนที่งดงาม โดยจำลองความงามของท้องฟ้ายามราตรีด้วย
การจะขึ้นไปบน ป้อมแอมเบอร์นั้น ทำได้หลายวิธีด้วยกัน เริ่มจากเดินขึ้นไปทางด้านหน้าตามทางเดินหิน แต่เส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ การนั่งช้าง ช้างหนึ่งเชือกสามารถบรรทุกคนได้ 4 คน หรือ สามารถขับรถขึ้นไป แต่ต้องไปขึ้นจากด้านข้างของ Fort ภายใน Fort จะถูกซอยย่อยเป็นห้องต่างๆ โดยมีระบบชลประทานส่งน้ำจากบึงด้านล่าง ที่นี่มีปืนใหญ่ Cannon ที่ถูกบันทึกเอาไว้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ด้วย
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยปูร์ หรือ พระราชวังสายน้ำ หรือ พระราชวังชัยปูร์
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงสูง พระราชวังที่สร้างในน้ำ ภายใน เป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากมายแบ่งส่วนออกเป็น พิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม มีการแสดงทั้ง เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ของใช้ ของมหาราชา และมเหสีต่างๆ ภาพวาด ภาพถ่าย เพื่อแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของมหาราชา บางส่วนเป็นร้านค้าขายของ
พระราชวังสายน้ำ เป็นหนึ่งในหลายพระราชวัง ที่อยู่ในกำแพงเมืองของนครสีชมพู และเคยเป็นฮาเร็มของมหาราชา Jai Singh ll มีลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น สร้างด้วยหินทรายออกแดงคล้ายสีปูนแห้ง เป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียกับโมกุล ที่สวยเด่น คือ ลวดลายฉลุหินตามหน้าต่าง ช่องระบายอากาศที่บรรดานางสนมในวังใช้เป็นที่แอบดูชีวิตความเป็นอยู่ของสามัญชนทั่วไป และประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมมีช่องหน้าต่างจำนวนมากถึง 152 ช่อง
นอกจากนี้ พระราชวังสายน้ำ ยังเคยใช้เป็นหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดในอินเดีย เป็นที่รวมประติมากรรมคลาสสิกรูปทรงเรขาคณิตขนาดใหญ่หลายแบบ ถูกสร้างโดยมหาราชา Jai Singh ll ซึ่งเป็นผู้นำแห่งวิทยาการด้านดาราศาสตร์ที่เดียว ทรงศึกษาและสร้างเครื่องมือด้วยหินทรายแดงวัดตำแหน่งดวงอาทิตย์ดวงดาว หลายชิ้น บางชิ้นใช้คำนวณช่วงฤดูร้อนของปีที่จะมาถึง บางชินคำนวณอากาศและเม็ดฝน ที่นี่ มีสิ่งก่อสร้างรูปร่างแปลกๆมากมาย บางอันเป็นนาฬิกาเงาโดยคิดจากความยาวเงาที่เพิ่มขึ้น 4 เมตรต่อชั่วโมง
ฮวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม
ฮวามาฮาล สร้างโดยพระเจ้าประทับซิงค์ ในปี ค.ศ.1799 เคยเป็นสถานที่ที่สตรีชาววังในสมัยนั้นนั่งชมเทศกาล หรือ ขบวนแห่ต่างๆ ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนนอกวังบานหน้าต่างที่ประดับประดาไว้ด้วยลวดลายอันวิจิตรตระการตา
ฮวามาฮาล สร้างด้วยหินสีชมพูสูง 5 ชั้น กรุเป็นช่องตามหน้ามุขและหน้าต่างซึ่งรวมกันถึง 953 บาน ในแต่ละช่องจะมีมุขระเบียงและหลังคาเพื่อระบายลม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสร้างจากหินทรายสีแดงสด ฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบ ทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้ โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็น และประโยชน์อีกอย่าง คือ เป็นช่องแสงและช่องลม จนเป็นที่มาของชื่อ ฮวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม รอบๆ ฮาวามาฮาล รายล้อมด้วยตึกเก่าๆ ที่เป็นสีแดง แต่คนอินเดียบอกว่า สีชมพู จึงเป็นสมญาอีกอย่างของเมืองชัยปุระ ว่า นครสีชมพู Pink City
การได้มาเที่ยว 3 ราชธานี นามว่า "อักรา-ฟาแตห์ปูร์ สิครี-จัยปูร์" เหล่านี้ ถือว่ามีความสุข สนุก เพราะเป็นนครที่มีแหล่งอารยะธรรม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมสวยงาม ซึ่งสืบทอดมานับพันปี หลากหลายรูปแบบ พร้อมเพลิดเพลินใจกับการชมวิถีชีวิตของคนอินเดีย และวิวทิวทัศน์อันสวยงามแปลกตา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว แตกต่างกันไป
“มัชรูมทราเวล” เชื่อว่า หากท่านได้มาเยือนมหานครภารตะแห่งนี้ ท่านจะรู้สึกประทับใจและปรารถนากลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง เพราะ ที่นี่ มีมนตร์เสน่ห์ดึงดูดใจ จะช้าอยู่ใย หาเวลาว่างไปเที่ยวกันดีกว่า...
“มัชรูมทราเวล” แนะนำ เที่ยว 3 เมืองแดนภารตะอินเดีย: อักรา-ฟาแตห์ปูร์ สิครี-จัยปูร์ ซึ่งในแต่ละเมืองแห่งนี้ มีความสวยงามที่แตกต่างกัน เริ่มจาก เมืองอักรา อันมีสุดยอดจุดหมายปลายทางมหัศจรรย์คือ ทัชมาฮาล อนุสรณ์แห่งความรัก ใกล้ๆ กันเป็น เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี อาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่ และตบท้ายด้วย เมืองจัยปูร์ ชมป้อมแอมแมร์ สุดอลังการ เชิญสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ 3 เมือง พร้อมๆ กันได้เลยจ้า
1. เมืองอักรา
เมืองอัครา หรือ เมืองอักรา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของการสู้รบ และเมืองเจริญทางด้านศิลปะสถาปัตยกรรมอันเลื่องลือมาแต่โบราณ ตั้งอยู่รัฐอุตตรประเทศ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เป็นรัฐชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงในระดับโลก
เมืองอัครา เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียในสมัยราชวงค์โมกุล และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในอุตรประเทศด้วย จุดหมายปลายทางของเมืองนี้ คือ “ทัชมาฮาล” และ ป้อมอักรา หรือ ป้อมอัครา ไปดูกัน
ทัชมาฮาล
ทัชมาฮาลเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ตั้งอยู่ริมน้ำยุมนา เมืองอัครา ประเทศอินเดีย และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮันที่มีต่อพระนางมุมตัซ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 ซึ่งได้ถูกรับเลือกเป็นมรดกโลกเในปี ค.ศ.1983 โดยมีเหตุผลตามเกณฑ์การพิจารณาคือ เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด
สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่า เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่มีความงดงามวิจิตรตระการตายิ่งนัก มีนักท่องเที่ยวเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมชม ทัชมาฮาล เป็นจำนวนมาก สร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงกายของชายมากว่า 20,000 คน โดยใช้เวลาก่อสร้างถึง 20 ปี ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างชั้นเลิศของสถาปัตยกรรมมุฆัลในอินเดีย โดยเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ทรงรับสั่งให้เนรมิตขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์รักมากที่สุด
ทัชมาฮาล ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย อาคารตรงกลางเป็นรูปโดม มีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน และประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิค เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อสิ่งรักที่จากไป และมีความสมมาตรในทุกด้าน สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนฝังด้วยอัญมณีเพชรพลอยที่แตกต่างกัน 28 แบบ ในช่วงที่ ทัชมาฮาล สร้างเสร็จสมบูรณ์ กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ได้ถูกจองจำอยู่ที่คุกอักราโดยบุตรชาย และหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ก็ได้มีการนำพระศพมาฝังไว้เคียงข้างพระมเหสี พระนางมีโอรสและธิดาให้ชาร์จะฮาน 13 พระองค์ ในปี 1631 พระนางทรงสิ้นพระชนม์ระหว่างมีพระประสูติกาลนั่นเอง
ป้อมอักรา หรือ ป้อมอัครา
ป้อมปราการสำคัญที่สุดในประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทัชมาฮาล สร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สร้างด้วยกำแพงหินทรายสีแดง ล้อมรอบพระราชวังของ กษัตริย์โมกุล มีความยาว 2.5 กิโลเมตร รั้วรอบกำแพงของอัครา ฟอร์ทดูแข็งแกร่งมาก ป้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ตรงบริเวณโค้งของแม่น้ำยมุนา มีกำแพงสองชั้น ระหว่างกำแพงมีคูน้ำคั่นกลางด้วย
ป้อมอักรา เริ่มสร้างขึ้นโดยอักบาร์เมื่อปี พ.ศ. 2108 ชาหังคีร์และชาห์ ชหานสร้างเพิ่มเติมต่อมา ประตูทางเข้ามีความใหญ่โตมากกว่าที่ป้อมแดงเดลี และไม่มีเชิงเทินบับหน้าทางเข้าจากประตูใหญ่ทำให้คดเคี้ยว ป้อมอักรา เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ต่อมาพระโอรส คือ พระเจ้าชาฮันกีร์ และพระนัดดา (โอรสของพระเจ้าชาฮันกีร์) พระเจ้าชาห์ จาฮาน ได้สร้างสร้างขยายต่อเติมป้อมและพระราชวังแห่งนี้อย่างใหญ่โต
ก่อนทางเข้า ป้อมอัครา จะผ่านประตูอมรสิงห์ เป็นประตูศิลาทำเป็นรูปม้าครึ่งตัว มีป้อมล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ได้ถูกบันทึกว่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ.1080 แล้ว ต่อมากษัตริย์อักบาร์ได้ทำการปฏิสังขรณ์และตกแต่งใหม่ด้วยหินทรายและศิลาสี แดงในปี ค.ศ.1565 ลักษณะของป้อมเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำยมุนา ซึ่งถือเป็นมุมที่มองเห็นทัชมาฮาลได้สวยที่สุดก็ว่าได้
ภายใน ประกอบด้วยพระราชวัง เช่น วังจาฮานกีร์ และคาสมาฮาล ซึ่งสร้างโดยชาห์จาฮาน ห้องท้องพระโรงใหญ่ เช่น ไดวาน-อิ-คาส และสุเหร่าที่งดงามมากอีก 2 หลัง
เชิญเยี่ยมชม ป้อมอักรา แหล่งมรดกโลกริมแม่น้ำยมุนา ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเช่นเดียวกันกับทัชมาฮาล ตั้งแต่ในปี ค.ศ.1983
เมืองอัครา เป็นเมืองประวัติศาตร์สำคัญอีกแห่งของแดนภารตะ ที่ก่อเกิดมรดกโลกไว้ถึง 2 อย่าง คือ ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานรักเหนือกาลเวลา และ ป้อมอัครา ที่กักขังรักไว้จนสิ้นลม
ใกล้ๆ กับเมืองอัครา คือ เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี ไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
2. เมือง ฟาแตห์ปูร์ สิครี
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี หรือ เมืองฟาเตห์ปูร์ สิครี อยู่ห่างจากเมืองอักราเพียง 40 กิโลเมตร เป็นเมืองสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งสร้างตามคติความเชื่อของอิสลาม ผสมผสานระหว่างรูปแบบอิสลามและฮินดูเข้าไว้ด้วยกัน สร้างโดยพระเจ้าอัครามหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี เป็นเมืองที่สร้างด้วยหินทรายสีแดง ขนาดใหญ่มาแกะสลักลวดลายที่ละเอียดวิจิตรพิศดาร บางส่วนก็เป็นดอกไม้ ใบไม้แบบของอิสลาม บางส่วนก็เป็นเรื่องราวตามตำนานของฮินดู บางที่ก็ฉลุเป็นช่องหน้าต่างได้อย่างละเอียดจนน่าพิศวง
เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี มีทั้งมัสยิด เขตพระราชฐาน ฮาเร็ม ตำหนักใน สระน้ำ สวนขนาดใหญ่ มีเวทีแสดงดนตรีกลางสระน้ำตั้งอยู่บนภูเขาใกล้หมู่บ้านสิครี ใช้เวลาสร้างถึง 9 ปี จึงแล้วเสร็จ แต่หลังจากนั้นเพียง 15 ปี ก็กลายเป็นเมืองร้างเพราะว่าขาดน้ำในการดำรงชีวิต
เมืองฟาเตห์ปูร์ สิคริ เป็นราชธานีเดียวในแดนภารตะอินเดีย ที่ท่านสามารถเที่ยวชมศิลปกรรมของราชวงศ์โมกุล ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบที่สุด และได้รับสมญานามว่า เมืองปีศาจ เพราะเป็นราชธานีที่ถูกทิ้งล้าง จนลืมเลือน
ตบท้ายด้วยการเที่ยวชมเมืองชัยปุระ เป็นอีกเมืองหนึ่งของอินเดียที่น่าสนใจ ไปดูพร้อมกัยเลยจ้า
3. เมืองจัยปูร์
เมืองชัยปุระ หรือ เมืองจัยปูร์ อยู่ห่างจากเมืองนิวเดลีประมาณ 300 กิโลเมตร ถนนจากเมืองนิวเดลีไป เมืองชัยปุระค่อนข้างดี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1728-1732 เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดีย สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปีค.ศ.1728 โดยมหาราชา ไสว ชัย สิงห์ ที่ 2 ตัวเมืองออกแบบวางผังให้เป็นเสมือนเมืองแห่งเทพเจ้า
เมืองชัยปุระ เป็นเมืองแห่งพระอาทิตย์ ตามแผนภูมิของจักรวาล โดยมีพระราชวังชัยปุระอันงดงามเป็นแกนกลางแห่งจักรวาลนั่นเอง ตัวเมืองมีขนาดถึง 9 ตารางกิโลเมตร
เมืองชัยปุระ ได้รับสมญาว่า นครสีชมพู Pink City เพราะอาคารบ้านเรือนที่นี่ทาสีชมพู เนื่องจากในสมัยมหาราชา ราม สิงห์ อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ในปี ค.ศ.1853 เจ้าชายอัลเบริต ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีของสมเด็จพระนางเจ้าวิคทอเรีย เสด็จประพาสเมืองชัยปุระ มหาราชา ราม สิงห์ เลยสั่งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ร่วมกันทาสีบ้านเรือนด้วยสีชมพูทั้งเมืองเพื่อถวายการต้อนรับ ชัยปุระจึงได้ชื่อว่านครสีชมพูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เชิญเยี่ยมชมนครสีชมพู เมืองเก่แก่ของอินเดีย ที่มีบ้านเรือน ร้านตลาดทาสีชมพู และศิลปะแบบฮินดูผสมมุสลิม ตัวตึกมียอดเป็นโดมคล้ายของมุสลิม แต่มีซุ้มที่เป็นช่องทำเป็นลวดลายโค้งเว้าเป็นสิบเว้าแบบฮินดู รวมทั้ง เมืองชัยปุระ ยังมีพระราชวังสวยงาม เช่น พระราชวังแอมเบอร์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยปูร์ และพระราชวังสายลม เชิญไปสัมผัสสถานที่เหล่านี้จ้า
พระราชวังแอมเบอร์
ปราสาทขนาดมหึมาอยู่บนยอดเขาสูง อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้อมปราการ ที่มีกำแพงเมืองทอดยาวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามแนวเขาเหยียดยาวกว่า 13 กิโลเมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนภูผาเชิงเขาอราวารี เริ่มสร้างโดยพระเจ้ามั่นใจซิงค์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 1592 แห่งกองทัพพระเจ้าอัคบาร์ กษัตริย์มุสลิมแห่งราชวงศ์โมกุล มีลักษณะเป็นป้อมปราการหินทรายแดงเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมผสมผสานของทั้งโมกุล (อิสลาม) และ ฮินดูที่เข้ากันอย่างลงตัว และสร้างเสร็จในยุคของพระเจ้าชาไวใจซิงค์ที่ 2 ต่อมาพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงลงมายังเมืองชัยปูร์ในปัจจุบัน
ตัวพระราชวังอยู่ด้านในสุดของป้อมปราการ รายล้อมด้วยซุ้มประตู สวนหย่อม ด้วยความที่ตั้งอยู่ในที่สูง จึงสามารถมองแห่งทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ห้องโดดเด่นที่สวยงามอลังการสุดๆ ในพระราชวังแอมเบอร์ คือ ท้องพระโรงใน ที่เรียกว่า "Jain Mandir" ห้องประกาศศักดาแห่งชัยชนะ ผนังและเพดานประดับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ ประดับเรียงเป็นรูปดอกไม้ แจกัน อันละเอียดลออตา นอกจากนี้ มีพระราชวังฤดูร้อน พระราชวังฤดูหนาวที่ประดับด้วยพลอยหลากสี ห้องที่ประทับในพระราชวังฤดูร้อนที่งดงาม โดยจำลองความงามของท้องฟ้ายามราตรีด้วย
การจะขึ้นไปบน ป้อมแอมเบอร์นั้น ทำได้หลายวิธีด้วยกัน เริ่มจากเดินขึ้นไปทางด้านหน้าตามทางเดินหิน แต่เส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ การนั่งช้าง ช้างหนึ่งเชือกสามารถบรรทุกคนได้ 4 คน หรือ สามารถขับรถขึ้นไป แต่ต้องไปขึ้นจากด้านข้างของ Fort ภายใน Fort จะถูกซอยย่อยเป็นห้องต่างๆ โดยมีระบบชลประทานส่งน้ำจากบึงด้านล่าง ที่นี่มีปืนใหญ่ Cannon ที่ถูกบันทึกเอาไว้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ด้วย
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยปูร์ หรือ พระราชวังสายน้ำ หรือ พระราชวังชัยปูร์
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงสูง พระราชวังที่สร้างในน้ำ ภายใน เป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากมายแบ่งส่วนออกเป็น พิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม มีการแสดงทั้ง เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ของใช้ ของมหาราชา และมเหสีต่างๆ ภาพวาด ภาพถ่าย เพื่อแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของมหาราชา บางส่วนเป็นร้านค้าขายของ
พระราชวังสายน้ำ เป็นหนึ่งในหลายพระราชวัง ที่อยู่ในกำแพงเมืองของนครสีชมพู และเคยเป็นฮาเร็มของมหาราชา Jai Singh ll มีลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น สร้างด้วยหินทรายออกแดงคล้ายสีปูนแห้ง เป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียกับโมกุล ที่สวยเด่น คือ ลวดลายฉลุหินตามหน้าต่าง ช่องระบายอากาศที่บรรดานางสนมในวังใช้เป็นที่แอบดูชีวิตความเป็นอยู่ของสามัญชนทั่วไป และประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมมีช่องหน้าต่างจำนวนมากถึง 152 ช่อง
นอกจากนี้ พระราชวังสายน้ำ ยังเคยใช้เป็นหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดในอินเดีย เป็นที่รวมประติมากรรมคลาสสิกรูปทรงเรขาคณิตขนาดใหญ่หลายแบบ ถูกสร้างโดยมหาราชา Jai Singh ll ซึ่งเป็นผู้นำแห่งวิทยาการด้านดาราศาสตร์ที่เดียว ทรงศึกษาและสร้างเครื่องมือด้วยหินทรายแดงวัดตำแหน่งดวงอาทิตย์ดวงดาว หลายชิ้น บางชิ้นใช้คำนวณช่วงฤดูร้อนของปีที่จะมาถึง บางชินคำนวณอากาศและเม็ดฝน ที่นี่ มีสิ่งก่อสร้างรูปร่างแปลกๆมากมาย บางอันเป็นนาฬิกาเงาโดยคิดจากความยาวเงาที่เพิ่มขึ้น 4 เมตรต่อชั่วโมง
ฮวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม
ฮวามาฮาล สร้างโดยพระเจ้าประทับซิงค์ ในปี ค.ศ.1799 เคยเป็นสถานที่ที่สตรีชาววังในสมัยนั้นนั่งชมเทศกาล หรือ ขบวนแห่ต่างๆ ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนนอกวังบานหน้าต่างที่ประดับประดาไว้ด้วยลวดลายอันวิจิตรตระการตา
ฮวามาฮาล สร้างด้วยหินสีชมพูสูง 5 ชั้น กรุเป็นช่องตามหน้ามุขและหน้าต่างซึ่งรวมกันถึง 953 บาน ในแต่ละช่องจะมีมุขระเบียงและหลังคาเพื่อระบายลม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสร้างจากหินทรายสีแดงสด ฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบ ทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้ โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็น และประโยชน์อีกอย่าง คือ เป็นช่องแสงและช่องลม จนเป็นที่มาของชื่อ ฮวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม รอบๆ ฮาวามาฮาล รายล้อมด้วยตึกเก่าๆ ที่เป็นสีแดง แต่คนอินเดียบอกว่า สีชมพู จึงเป็นสมญาอีกอย่างของเมืองชัยปุระ ว่า นครสีชมพู Pink City
การได้มาเที่ยว 3 ราชธานี นามว่า "อักรา-ฟาแตห์ปูร์ สิครี-จัยปูร์" เหล่านี้ ถือว่ามีความสุข สนุก เพราะเป็นนครที่มีแหล่งอารยะธรรม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมสวยงาม ซึ่งสืบทอดมานับพันปี หลากหลายรูปแบบ พร้อมเพลิดเพลินใจกับการชมวิถีชีวิตของคนอินเดีย และวิวทิวทัศน์อันสวยงามแปลกตา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว แตกต่างกันไป
“มัชรูมทราเวล” เชื่อว่า หากท่านได้มาเยือนมหานครภารตะแห่งนี้ ท่านจะรู้สึกประทับใจและปรารถนากลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง เพราะ ที่นี่ มีมนตร์เสน่ห์ดึงดูดใจ จะช้าอยู่ใย หาเวลาว่างไปเที่ยวกันดีกว่า...